ผอ.สถานพินิจฯ เผยแขกซิงห์แสบปาไข่ควงพ่อให้ปากคำเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ด้วยอาการไม่สะทกสะท้าน เบื้องต้นเน้นสอบประวัติ-ความประพฤติ-การศึกษา-สภาพแวดล้อม ถ้าพบปัญหานักจิตวิทยาจึงจะเข้าช่วยอีกทาง ก่อนสรุปส่งอัยการ และศาลเยาวชนตัดสิน
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 09.30 น. นางกาญจนา ทองจีน ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพงพาง จับกุม นาย เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี หนุ่มแขกซิกข์ผู้ต้องหาข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ได้ร่วมกับพวกใช้รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีดำ ป้ายแดง ทะเบียน ว-3698 กทม. ตระเวนก่อเหตุไล่ปาไข่ไก่ผสมกาวยางใส่รถยนต์ชาวบ้านย่านบางนา กระทั่งไปประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้และนำส่งเข้าบ้านเมตตาวานนี้ (21 เม.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่ได้นัดผู้ต้องหามาสอบปากคำ โดยผู้ต้องหาเดินทางมาพร้อมบิดาเข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ โดยผู้ต้องหามีลักษณะท่าทางปกติ เบื้องต้นจะสอบถามประวัติความประพฤติ การศึกษาและสภาพแวดล้อมทั้งหมดของเด็ก รวมทั้งดูว่าเด็กกระทำผิดเพราะอะไร โดยจะใช้เวลาสอบปากคำตลอดทั้งวัน ส่วนข้อหาที่กระทำผิดนั้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งในบันทึกการจับกุม ข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
นางกาญจนา กล่าวต่อไปว่า ความผิดในกรณีนี้ถือว่าไม่ใช่ความผิดร้ายแรง แต่ยังมีรายละเอียดไม่มากนัก ต้องดูข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่คุมประพฤติเจ้าของสำนวนก่อน เพราะเด็กแต่ละรายจะไม่เหมือนกัน ต้องดูว่าเด็กกระทำผิดเพราะสาเหตุอะไร จะได้แก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง เบื้องต้นสันนิษฐานว่าสาเหตุการกระทำผิด น่าจะเกิดจากความคึกคะนอง ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประกอบกับฐานะทางครอบครัวอำนวยให้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้จำเป็นจะต้องให้นักจิตวิทยามาสอบปากคำด้วยหรือไม่ นายกาญจนา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องดูว่าเรื่องนี้มีปัญหาหรือไม่ หากมีปัญหาก็ต้องพบนักจิตวิทยา โดยขั้นตอนต่อจากนี้เจ้าหน้าที่จะสรุปรายงานให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และศาลเยาวชนและครอบครัวกลางทราบ ส่วนจะมีคำสั่งอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจ โดยศาลจะพิจารณาตามข้อเท็จจริง เช่น ประวัติการศึกษา สภาพแวดล้อม ผู้ปกครองสามารถดูแลบุตรหลานได้หรือไม่
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 09.30 น. นางกาญจนา ทองจีน ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพงพาง จับกุม นาย เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี หนุ่มแขกซิกข์ผู้ต้องหาข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ได้ร่วมกับพวกใช้รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีดำ ป้ายแดง ทะเบียน ว-3698 กทม. ตระเวนก่อเหตุไล่ปาไข่ไก่ผสมกาวยางใส่รถยนต์ชาวบ้านย่านบางนา กระทั่งไปประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้และนำส่งเข้าบ้านเมตตาวานนี้ (21 เม.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่ได้นัดผู้ต้องหามาสอบปากคำ โดยผู้ต้องหาเดินทางมาพร้อมบิดาเข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ โดยผู้ต้องหามีลักษณะท่าทางปกติ เบื้องต้นจะสอบถามประวัติความประพฤติ การศึกษาและสภาพแวดล้อมทั้งหมดของเด็ก รวมทั้งดูว่าเด็กกระทำผิดเพราะอะไร โดยจะใช้เวลาสอบปากคำตลอดทั้งวัน ส่วนข้อหาที่กระทำผิดนั้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งในบันทึกการจับกุม ข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
นางกาญจนา กล่าวต่อไปว่า ความผิดในกรณีนี้ถือว่าไม่ใช่ความผิดร้ายแรง แต่ยังมีรายละเอียดไม่มากนัก ต้องดูข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่คุมประพฤติเจ้าของสำนวนก่อน เพราะเด็กแต่ละรายจะไม่เหมือนกัน ต้องดูว่าเด็กกระทำผิดเพราะสาเหตุอะไร จะได้แก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง เบื้องต้นสันนิษฐานว่าสาเหตุการกระทำผิด น่าจะเกิดจากความคึกคะนอง ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประกอบกับฐานะทางครอบครัวอำนวยให้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้จำเป็นจะต้องให้นักจิตวิทยามาสอบปากคำด้วยหรือไม่ นายกาญจนา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องดูว่าเรื่องนี้มีปัญหาหรือไม่ หากมีปัญหาก็ต้องพบนักจิตวิทยา โดยขั้นตอนต่อจากนี้เจ้าหน้าที่จะสรุปรายงานให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และศาลเยาวชนและครอบครัวกลางทราบ ส่วนจะมีคำสั่งอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจ โดยศาลจะพิจารณาตามข้อเท็จจริง เช่น ประวัติการศึกษา สภาพแวดล้อม ผู้ปกครองสามารถดูแลบุตรหลานได้หรือไม่