นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กล่าวว่า ขณะนี้ ขสมก. อยู่ระหว่างจัดทำแผนปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเสนอต่อกระทรวงคมนาคม ซึ่งล่าสุดทาง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีแนวคิดให้นำรถโดยสาร ขสมก. จอดรอรับผู้โดยสารที่สถานีรถไฟฟ้าแต่ละแห่ง รวมแล้วไม่น้อยกว่า 10 เส้นทาง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้เป็นประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้า ขสมก. จึงต้องปรับเปลี่ยนแผนปรับโครงสร้างอีกครั้ง ซึ่งการกำหนดจำนวนรถใหม่ที่จะต้องเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปใช้ในเส้นทางที่เกิดขึ้นตามเส้นทางรถไฟฟ้า เบื้องต้น ขสมก. กำหนดให้รถใหม่ใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติทั้งหมด แทนรถเก่าที่มีการใช้งานมาเป็นเวลานาน และใช้น้ำมันดีเซลเป็นพลังงานที่มีต้นทุนการเดินรถสูง มีสภาพเก่า เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และมีจำนวนมากที่ จอดเสียรอซ่อม
ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า แผนการปรับโครงสร้างของ ขสมก. ต้องมีการหารือกับอีกหลายฝ่าย เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลังในส่วนที่เกี่ยวกับการขออนุมัติเงินกู้มาใช้ในการซื้อรถใหม่ กระทรวงพลังงานในการจัดเตรียมสถานีบริการก๊าซธรรมชาติให้มีจำนวนเพียงพอต่อการใช้บริการของรถโดยสาร ขสมก. เนื่องจากในอนาคต แผนของ ขสมก. ตั้งเป้าจะเปลี่ยนมาใช้รถใหม่ที่ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติทั้งหมด หากสถานีบริการมีไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลกระทบต่อการนำรถออกมาวิ่งให้บริการได้ ยังรวมถึงรถที่จะนำมาให้บริการผู้โดยสารรถไฟฟ้า ซึ่งขึ้นอยู่กับโครงการรถไฟฟ้าจะแล้วเสร็จเมื่อไร หากเสร็จทันพอดีกับที่มีการเปลี่ยนรถ ขสมก.ใหม่ ก็จะสามารถนำมาใช้ได้ทันที แต่หาก ขสมก. สั่งซื้อรถเข้ามาแล้วโครงการรถไฟฟ้ายังไม่แล้วเสร็จ ก็ทำให้ ขสมก. เสียประโยชน์จากการเดินรถในเส้นทางดังกล่าวไป
นายพิเณศวร์ กล่าวอีกว่า แผนการปรับโครงสร้าง ขสมก. จะดูในภาพรวมทั้งหมด ทั้งในส่วนของการปรับปรุงสภาพรถและการเปลี่ยนไปใช้ธรรมชาติ รวมทั้งการปรับปรุงการให้บริการที่ดี ทั้งในส่วนของรถ ขสมก. 3,500 คัน รถร่วมบริการ ขสมก. 3,800 คัน มินิบัส 1,000 คัน รถตู้ 6,500 คัน และรถสองแถว 2,000 คัน นอกจากนี้ ยังต้องมีการหารือร่วมกันกับทุกหน่วยงานในภาพรวมเพื่อให้ได้ข้อสรุปตรงกัน ซึ่งคาดว่าหลังเทศกาลสงกรานต์จะได้หารือร่วมกันอย่างเป็นทางการ ก่อนจะนำแผนนำเสนอต่อกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรีต่อไป
ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า แผนการปรับโครงสร้างของ ขสมก. ต้องมีการหารือกับอีกหลายฝ่าย เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลังในส่วนที่เกี่ยวกับการขออนุมัติเงินกู้มาใช้ในการซื้อรถใหม่ กระทรวงพลังงานในการจัดเตรียมสถานีบริการก๊าซธรรมชาติให้มีจำนวนเพียงพอต่อการใช้บริการของรถโดยสาร ขสมก. เนื่องจากในอนาคต แผนของ ขสมก. ตั้งเป้าจะเปลี่ยนมาใช้รถใหม่ที่ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติทั้งหมด หากสถานีบริการมีไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลกระทบต่อการนำรถออกมาวิ่งให้บริการได้ ยังรวมถึงรถที่จะนำมาให้บริการผู้โดยสารรถไฟฟ้า ซึ่งขึ้นอยู่กับโครงการรถไฟฟ้าจะแล้วเสร็จเมื่อไร หากเสร็จทันพอดีกับที่มีการเปลี่ยนรถ ขสมก.ใหม่ ก็จะสามารถนำมาใช้ได้ทันที แต่หาก ขสมก. สั่งซื้อรถเข้ามาแล้วโครงการรถไฟฟ้ายังไม่แล้วเสร็จ ก็ทำให้ ขสมก. เสียประโยชน์จากการเดินรถในเส้นทางดังกล่าวไป
นายพิเณศวร์ กล่าวอีกว่า แผนการปรับโครงสร้าง ขสมก. จะดูในภาพรวมทั้งหมด ทั้งในส่วนของการปรับปรุงสภาพรถและการเปลี่ยนไปใช้ธรรมชาติ รวมทั้งการปรับปรุงการให้บริการที่ดี ทั้งในส่วนของรถ ขสมก. 3,500 คัน รถร่วมบริการ ขสมก. 3,800 คัน มินิบัส 1,000 คัน รถตู้ 6,500 คัน และรถสองแถว 2,000 คัน นอกจากนี้ ยังต้องมีการหารือร่วมกันกับทุกหน่วยงานในภาพรวมเพื่อให้ได้ข้อสรุปตรงกัน ซึ่งคาดว่าหลังเทศกาลสงกรานต์จะได้หารือร่วมกันอย่างเป็นทางการ ก่อนจะนำแผนนำเสนอต่อกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรีต่อไป