รองนายกฯ เรียกประชุมหน่วยงานที่กำกับดูแลการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อตรวจสอบข้อมูลและแผนการก่อสร้างก่อน ยืนยันไม่ว่าแผนก่อสร้าง 9 เส้นทาง หรือ 10 เส้นทาง ก็สามารถปรับเข้าหากันได้ โดยให้ สนช.ปรับพิมพ์เขียว ขณะที่ รฟม.ยืนยัน สายสีม่วงยาวขึ้น ไม่ทำให้โครงการทั้งหมดล่าช้า แน่นอน
วันนี้ (13 ก.พ.) นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางตรวจเยี่ยมกระทรวงคมนาคม โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้การต้อนรับ และมีการเชิญหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า อาทิ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เข้าร่วมหารือ
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า นายสหัส ได้ให้ความสนใจรับฟังรายละเอียดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเป็นงานแรก หลังได้รับมอบหมายงานจากนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำนโยบายใหม่ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะไม่ส่งผลกระทบต่อความล่าช้าในการก่อสร้างรถไฟฟ้า แน่นอน
ภายหลังการประชุม นายสหัส กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการเดินทางมารับทราบข้อมูลการดำเนินงาน แต่ยังไม่มีการพิจารณาโครงการใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ได้แนะนำแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าโดยให้ปรับขยายเส้นทางรถไฟฟ้าที่จะก่อสร้างทั้ง 10 เส้นทาง ให้เชื่อมโยงกันมากขึ้น หรืออาจปรับลดเส้นทาง หรือปรับปรุงแนวเส้นทางบางส่วน ซึ่งจะยึดหลักนโยบายของนายกรัฐมนตรี ควบคู่กับหลักการเดิม อย่างไรก็ตาม การทำงานจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายหลังรัฐบาลประกาศนโยบายอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ก.พ.นี้
นายสหัส ระบุว่า ขณะนี้แผนการก่อสร้างโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้งในส่วนของ 9 เส้นทาง ที่นายกรัฐมนตรีเปิดเผยข้อมูล และในส่วนของแผนศึกษาใน 10 เส้นทาง ที่ สนข.ได้จัดเตรียมไว้ พบว่า มีความแตกต่างกันไม่มากนัก และสามารถนำมาปรับแผนให้เข้ากันได้ โดยแบบโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้งสองส่วนจะมีความแตกต่างกันบ้างในจุดของสถานีต้นทาง หรือปลายทาง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่าจะมีการใช้แบบก่อสร้างของใครเป็นแบบก่อสร้างหลัก โดยนโยบายชัดเจนทั้งหมด รัฐบาลจะเปิดเผยหลังมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว
ตอนนี้รัฐบาลยังอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้าย ก่อนมีการลงนามเพื่อกู้เงินจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) ซึ่งขณะนี้ยังพอมีเวลาที่จะกำหนดเส้นทางให้มีความเหมาะสมอีกครั้ง โดยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจะคำนึงถึงปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะประโยชน์ของผู้โดยสารที่อยู่ในเส้นทางรถไฟฟ้าแต่ละเส้นทางจะได้รับ
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า อาจมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนก่อสร้างรถไฟฟ้า 9 สาย 8 ทิศทาง ซึ่งอาจส่งผลให้การดำเนินงานตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ล่าช้าออกไปจากเดิม
“วันนี้เรามาคุยกันเพื่อจูนคลื่นให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งเท่าที่ดูแผนงานทั้งเก่าและใหม่ก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน” นายสหัส กล่าวสรุปทิ้งท้าย
***รฟม.แจงสายสีม่วงยาวขึ้นไม่มีปัญหา
ด้าน นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ รฟม.กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า โครงการรถไฟฟ้าจะไม่ล่าช้าออกไป แม้ว่าสายสีม่วงจะมีการเพิ่มเติมเส้นทางให้ยาวขึ้น เพราะได้มีการหารือกับเจบิกไปแล้ว โดยจะมีการเซ็นสัญญาปลายเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งหากมีการเพิ่มเติมเส้นทาง จะมีการทำหนังสือแจ้งให้เจบิกทราบ
สำหรับความคืบหน้าการเจรจาขอกู้เงินจากเจบิก นายประภัศร์ ระบุว่า ภายในเดือน ก.พ.นี้ ไทยจะมีการเจรจาขั้นสุดท้ายก่อนมีการลงนามเงินกู้ในงวดแรก 18,000 ล้านบาท ในช่วงปลายเดือน มี.ค.จึงยังพอมีเวลาที่รัฐบาลจะสร้างความชัดเจนในการกำหนดเส้นทางรถไฟฟ้าให้เหมาะสมได้
ขณะที่ นายนคร จันทรศร รักษาการผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงขณะนี้ได้เริ่มประกวดราคาไปแล้ว โดยเส้นทางแรก สายตลิ่งชัน-บางซื่อ ได้เปิดซองประกวดราคาไปแล้ว และมีผู้เสนอราคาเข้าก่อสร้าง 2 ราย หากภาครัฐยังไม่มีนโยบายเปลี่ยนแปลง ร.ฟ.ท.จะเดินหน้าประกวดราคาต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ร.ฟ.ท.อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นซองประกวดราคาทั้ง 2 ราย และจะมีเวลา 2-3 เดือน ให้ฝ่ายการเมืองสร้างความชัดเจนว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเส้นทางต่อไปอย่างไร
