นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาหอการค้าไทย-ญี่ปุ่น ว่า ในระยะเวลาอันใกล้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะเป็นความเสี่ยงที่สำคัญของโลก แต่ไม่มีใครแน่ใจได้ว่า การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของโลกในปีนี้ลดลง เพราะไม่มีใครสามารถคาดเดาราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในอนาคตข้างหน้าได้ และไม่มั่นใจว่าความพยายามในการแก้ไขปัญหาที่กำลัง เกิดขึ้นจะเพียงพอที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อต่ำลง
อย่างไรก็ตาม นางธาริษา กล่าวว่าในช่วงต่อจากนี้ความเชื่อมโยงของระบบการเงินโลก ทำให้แน่ใจได้ว่า ระบบการเงินของไทยในอนาคตจะมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่ง ธปท.กำลังติดตามสถานการณ์และประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับระบบการเงินและเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจของไทย โดยภายใต้การขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศที่ดีขึ้นและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้าอยู่ เศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัว ร้อยละ 4.5-6 และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ในเป้าหมายของ ธปท. ที่ร้อยละ 0-3.5 ใน 8 ไตรมาสข้างหน้า โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) จะมีการพิจารณาเพื่อปรับประมาณการการขยายตัวและอัตราเงินเฟ้ออีกครั้ง
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวอีกว่า ในช่วงต่อไป ความท้าทายของ กนง.น่าจะมาจากแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาและแนวนโยบายการเงินมีเป้าหมายที่ทำให้แน่ใจว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ และช่วยให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นได้เต็มศักยภาพ โดย ธปท.ต้องการเห็นอัตราเงินเฟ้อต่ำและมีเสถียรภาพ ตลอดเวลา และในขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยก็ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคและเอื้อต่อการขยายตัวของ อุปสงค์ในประเทศ
อย่างไรก็ตาม นางธาริษา กล่าวว่าในช่วงต่อจากนี้ความเชื่อมโยงของระบบการเงินโลก ทำให้แน่ใจได้ว่า ระบบการเงินของไทยในอนาคตจะมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่ง ธปท.กำลังติดตามสถานการณ์และประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับระบบการเงินและเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจของไทย โดยภายใต้การขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศที่ดีขึ้นและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้าอยู่ เศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัว ร้อยละ 4.5-6 และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ในเป้าหมายของ ธปท. ที่ร้อยละ 0-3.5 ใน 8 ไตรมาสข้างหน้า โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) จะมีการพิจารณาเพื่อปรับประมาณการการขยายตัวและอัตราเงินเฟ้ออีกครั้ง
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวอีกว่า ในช่วงต่อไป ความท้าทายของ กนง.น่าจะมาจากแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาและแนวนโยบายการเงินมีเป้าหมายที่ทำให้แน่ใจว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ และช่วยให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นได้เต็มศักยภาพ โดย ธปท.ต้องการเห็นอัตราเงินเฟ้อต่ำและมีเสถียรภาพ ตลอดเวลา และในขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยก็ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคและเอื้อต่อการขยายตัวของ อุปสงค์ในประเทศ
