นพ.ศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคท้องร่วงจากเชื้อไวรัสในหมู หรือ พีอีดี ระบาดอย่างรุนแรงในพื้นที่เลี้ยงหมูทั่วประเทศ ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาทำให้ลูกหมูตายไปมากถึง 8 แสนตัว ถึงขณะนี้จะควบคุมโรคได้แล้ว แต่ก็ส่งผลกระทบทำให้เนื้อหมูขาดแคลนตั้งแต่เดือนหน้าไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะทำให้เนื้อหมูแพงขึ้นในช่วงดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยง
ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้หารือกับเกษตรกรผู้เลี้งหมูแล้ว และให้เกษตรกรผู้เลี้ยงนั้น ยืดระยะเวลาในการปลดแม่หมูให้ช้าออกไปอีก และจัดหาแม่พันธุ์ใหม่มาทดแทนให้เร็วขึ้น หากไม่พอก็จำเป็นต้องนำเข้าแม่พันธุ์ เพื่อเพิ่มจำนวนหมูเข้าสู่ตลาดเพื่อให้เข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 เดือน
ทางด้านนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเดือนหน้าอาจจะต้องปรับราคาเนื้อหมูหน้าฟาร์มขึ้นอีกกิโลกรัมละ 3 บาท เพราะว่าปริมาณเนื้อหมูจะขาดแคลน เกษตรกรต้องเลี้ยงหมูที่เลี้ยงอยู่ให้มีคุณภาพ อีกทั้งราคาปลายข้าวและรำข้าวที่เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์สำหรับเลี้ยงหมู ก็ปรับราคาขึ้นไปอีกเท่าตัว เพราะว่าราคาข้าวนั้นปรับสูงขึ้นมาก จึงขอให้ผู้บริโภคเข้าใจ เพราะเกษตรกรไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นได้ หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เกษตรกรก็จะสามารถปรับราคาลงได้
ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้หารือกับเกษตรกรผู้เลี้งหมูแล้ว และให้เกษตรกรผู้เลี้ยงนั้น ยืดระยะเวลาในการปลดแม่หมูให้ช้าออกไปอีก และจัดหาแม่พันธุ์ใหม่มาทดแทนให้เร็วขึ้น หากไม่พอก็จำเป็นต้องนำเข้าแม่พันธุ์ เพื่อเพิ่มจำนวนหมูเข้าสู่ตลาดเพื่อให้เข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 เดือน
ทางด้านนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเดือนหน้าอาจจะต้องปรับราคาเนื้อหมูหน้าฟาร์มขึ้นอีกกิโลกรัมละ 3 บาท เพราะว่าปริมาณเนื้อหมูจะขาดแคลน เกษตรกรต้องเลี้ยงหมูที่เลี้ยงอยู่ให้มีคุณภาพ อีกทั้งราคาปลายข้าวและรำข้าวที่เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์สำหรับเลี้ยงหมู ก็ปรับราคาขึ้นไปอีกเท่าตัว เพราะว่าราคาข้าวนั้นปรับสูงขึ้นมาก จึงขอให้ผู้บริโภคเข้าใจ เพราะเกษตรกรไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นได้ หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เกษตรกรก็จะสามารถปรับราคาลงได้
