เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ที่หน่วยเฉพาะกิจยะลา ที่ 12 ค่ายลูกเสือเดชานุชิต ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมคณะ เดินทางมาร่วมประชุมกับหน่วยกำลังในพื้นที่ จ.สงขลา ปัตตานี และยะลา เพื่อรับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในห้วงที่ผ่านมา หลังแนวโน้มสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง
พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4) กล่าวในที่ประชุมว่า การปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ที่ผ่านมา ได้ปฏิบัติงานตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก บูรณาการแผนการทำงานระหว่างฝ่ายตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมทั้งเร่งรัดสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนในพื้นที่ จนสามารถทำให้สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ลดลง
ในการนี้ พล.ต.จิรพันธ์ เกษมศานติ์สุข ผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้รายงานสรุปสถานการณ์และแนวโน้มของเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยระบุว่า สถานการณ์และแนวโน้มความไม่สงบในพื้นที่ มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้เป็นผลมาจากการปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ ในการปิดล้อมตรวจค้นจนสามารถยึดอุปกรณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่ ทั้งวัตถุระเบิด อาวุธสงคราม และเครื่องกระสุน เป็นจำนวนมาก ประกอบกับขณะนี้ กลุ่มก่อความไม่สงบเริ่มเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น และบางส่วนเข้ามาร่วมกับภาครัฐในการสร้างสันติสุขในพื้นที่
นอกจากนี้ยังพบว่า การก่อเหตุสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนร้าย มีการปรับรูปแบบการก่อเหตุ โดยพบว่า มีการนำวัตถุระเบิดมาซุกซ่อนในรถจักรยานยนต์และรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อหวังสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ กลุ่มก่อความไม่สงบยังใช้แนวทางการปลุกระดมข่มขู่ประชาชนในพื้นที่ให้เกลียดชังภาครัฐ และเข้าร่วมขบวนการกลุ่มก่อความไม่สงบ หลังต้องสูญเสียกำลังบางส่วนที่หันมาร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
สำหรับแนวโน้มการก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะเหตุร้ายรายวัน ในห้วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 21 มีนาคม 2251 พบว่า ลดลงจากห้วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ลดลงเป็นผลมาจาก กองกำลังใช้มาตรการเชิงรุก ปิดล้อมตรวจค้น กดดันพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับประชาชนมีการแจ้งข้อมูลข่าวสารให้แก่ทางราชการเพิ่มมากขึ้นด้วย
พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4) กล่าวในที่ประชุมว่า การปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ที่ผ่านมา ได้ปฏิบัติงานตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก บูรณาการแผนการทำงานระหว่างฝ่ายตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมทั้งเร่งรัดสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนในพื้นที่ จนสามารถทำให้สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ลดลง
ในการนี้ พล.ต.จิรพันธ์ เกษมศานติ์สุข ผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้รายงานสรุปสถานการณ์และแนวโน้มของเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยระบุว่า สถานการณ์และแนวโน้มความไม่สงบในพื้นที่ มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้เป็นผลมาจากการปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ ในการปิดล้อมตรวจค้นจนสามารถยึดอุปกรณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่ ทั้งวัตถุระเบิด อาวุธสงคราม และเครื่องกระสุน เป็นจำนวนมาก ประกอบกับขณะนี้ กลุ่มก่อความไม่สงบเริ่มเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น และบางส่วนเข้ามาร่วมกับภาครัฐในการสร้างสันติสุขในพื้นที่
นอกจากนี้ยังพบว่า การก่อเหตุสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนร้าย มีการปรับรูปแบบการก่อเหตุ โดยพบว่า มีการนำวัตถุระเบิดมาซุกซ่อนในรถจักรยานยนต์และรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อหวังสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ กลุ่มก่อความไม่สงบยังใช้แนวทางการปลุกระดมข่มขู่ประชาชนในพื้นที่ให้เกลียดชังภาครัฐ และเข้าร่วมขบวนการกลุ่มก่อความไม่สงบ หลังต้องสูญเสียกำลังบางส่วนที่หันมาร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
สำหรับแนวโน้มการก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะเหตุร้ายรายวัน ในห้วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 21 มีนาคม 2251 พบว่า ลดลงจากห้วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ลดลงเป็นผลมาจาก กองกำลังใช้มาตรการเชิงรุก ปิดล้อมตรวจค้น กดดันพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับประชาชนมีการแจ้งข้อมูลข่าวสารให้แก่ทางราชการเพิ่มมากขึ้นด้วย