นราธิวาส – เจ้ากรมกิจการพลเรือน ทหารบก ลงพื้นที่นราธิวาส ตรวจเยี่ยมกำลังพล ชี้งาน “ประชาสัมพันธ์” เป็นสิ่งสำคัญในการดับไฟใต้ และด้านข่าวสารเพื่อสร้างความสอดคล้องทั้งระดับพื้นที่และส่วนกลาง
วันนี้ (8 มี.ค.) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมโสภาพิสัย โรงแรมตันหยง อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พล.ต.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เจ้ากรมกิจการพลเรือน ทหารบก พร้อมคณะ ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการทำงานของกำลังพลในสังกัดที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือถึงแนวทางการดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องทั้งในระดับพื้นที่และส่วนกลาง
ประเด็นการหารือในที่ประชุมส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างการทำงานในพื้นที่ และเครือข่ายการดำเนินงานด้านจิตวิทยา รวมถึงการปฏิบัติงานด้านข่าวสารของ กอ.รมน.ภาค 4 และการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ด้วย
พล.ต.สุรศักดิ์ กล่าวในที่ประชุมว่า การทำงานเกี่ยวกับงานด้านการประชาสัมพันธ์ให้ได้ดีนั้นจะต้องมีการสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานก่อน ซึ่งปัจจุบันนี้ในหน่วยงานแต่ละหน่วยงานเองก็ยังขาดความเข้าใจอยู่
โดยเฉพาะการทำงานของทหารซึ่งเห็นว่าการทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ยังมีความจำเป็นน้อย แต่เมื่อมากล่าวถึงการทำงานเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ถือว่าการทำงานด้านการประชาสัมพันธ์มีความจำเป็นมาก
ไม่ใช่เจ้าหน้าทหารมีหน้าที่ติดตามไล่ล่าคนร้ายหรือกลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุในพื้นที่เท่านั้น ทหารยังจำเป็นที่จะต้องประชาสัมพันธ์ถึงบทบาทหน้าที่เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจด้วยว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ในพื้นที่นั้นทำอะไรอยู่ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเข้าไปลิดรอนสิทธิของประชาชนเพราะทางเองมีการทำงานที่ต้องลงพื้นที่ทุกวัน
ด้านนายสุรพล พนัสอำพล ปลัดจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวสรุปถึงการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นมาเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า การทำงานในศูนย์ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติงานเชิงตั้งรับ ประชาสัมพันธ์และตอบโต้ รวมทั้งมีการทำงานเชิงรุกเพื่อเข้าไปทำลายระบบการดำเนินการของกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะการชักจูงประชาชนและเยาวชนไปในทางที่ผิด
ปัจจุบันนี้ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเองมักมีการก่อเหตุความรุนแรงในหลายพื้นที่ หลายรูปแบบ โดยมีการกระทำในทุกสถานที่ ทุกเวลา และทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีการใช้ปมทางประวัติศาสตร์ เชื้อชาติ ศาสนา และเหตุการณ์ต่างๆเป็นเครื่องมือในการปลุกระดม ชวนเชื่อ สร้างศรัทธา ทำให้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง จนกระทั่งมีประชาชนและเยาวชนตกเป็นเหยื่ออย่างต่อเนื่อง การทำงานภายในศูนย์จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจกับประชาชนได้
วันนี้ (8 มี.ค.) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมโสภาพิสัย โรงแรมตันหยง อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พล.ต.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เจ้ากรมกิจการพลเรือน ทหารบก พร้อมคณะ ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการทำงานของกำลังพลในสังกัดที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือถึงแนวทางการดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องทั้งในระดับพื้นที่และส่วนกลาง
ประเด็นการหารือในที่ประชุมส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างการทำงานในพื้นที่ และเครือข่ายการดำเนินงานด้านจิตวิทยา รวมถึงการปฏิบัติงานด้านข่าวสารของ กอ.รมน.ภาค 4 และการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ด้วย
พล.ต.สุรศักดิ์ กล่าวในที่ประชุมว่า การทำงานเกี่ยวกับงานด้านการประชาสัมพันธ์ให้ได้ดีนั้นจะต้องมีการสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานก่อน ซึ่งปัจจุบันนี้ในหน่วยงานแต่ละหน่วยงานเองก็ยังขาดความเข้าใจอยู่
โดยเฉพาะการทำงานของทหารซึ่งเห็นว่าการทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ยังมีความจำเป็นน้อย แต่เมื่อมากล่าวถึงการทำงานเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ถือว่าการทำงานด้านการประชาสัมพันธ์มีความจำเป็นมาก
ไม่ใช่เจ้าหน้าทหารมีหน้าที่ติดตามไล่ล่าคนร้ายหรือกลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุในพื้นที่เท่านั้น ทหารยังจำเป็นที่จะต้องประชาสัมพันธ์ถึงบทบาทหน้าที่เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจด้วยว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ในพื้นที่นั้นทำอะไรอยู่ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเข้าไปลิดรอนสิทธิของประชาชนเพราะทางเองมีการทำงานที่ต้องลงพื้นที่ทุกวัน
ด้านนายสุรพล พนัสอำพล ปลัดจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวสรุปถึงการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นมาเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า การทำงานในศูนย์ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติงานเชิงตั้งรับ ประชาสัมพันธ์และตอบโต้ รวมทั้งมีการทำงานเชิงรุกเพื่อเข้าไปทำลายระบบการดำเนินการของกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะการชักจูงประชาชนและเยาวชนไปในทางที่ผิด
ปัจจุบันนี้ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเองมักมีการก่อเหตุความรุนแรงในหลายพื้นที่ หลายรูปแบบ โดยมีการกระทำในทุกสถานที่ ทุกเวลา และทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีการใช้ปมทางประวัติศาสตร์ เชื้อชาติ ศาสนา และเหตุการณ์ต่างๆเป็นเครื่องมือในการปลุกระดม ชวนเชื่อ สร้างศรัทธา ทำให้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง จนกระทั่งมีประชาชนและเยาวชนตกเป็นเหยื่ออย่างต่อเนื่อง การทำงานภายในศูนย์จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจกับประชาชนได้
