ผลการศึกษาโดยสำนักงานติดตามธารน้ำแข็งโลก (WGMS) ซึ่งสนับสนุนโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ระบุว่า จากการสำรวจธารน้ำแข็งกว่า 30 แห่งระหว่างปี 2547-2548 และ 2548-2546 พบว่า อัตราการละลายของธารน้ำแข็งโดยเฉลี่ยสูงขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากสถิติประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปีเมื่อปี 2541
ผลสำรวจระบุว่า การละลายของธารน้ำแข็งหลายแห่งเริ่มน่าวิตก โดยเฉพาะธารน้ำแข็งที่นอร์เวย์ซึ่งละลายไปถึง 3.1 เมตรในปี 2549 เทียบกับที่วัดได้ 0.3 เมตรเมื่อปี 2548 ขณะเดียวกันพบธารน้ำแข็งในทวีปยุโรปหลายประเทศที่เริ่มละลายเร็วอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในออสเตรีย ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ดี พบด้วยว่าธารน้ำแข็งร้อยละ 4 ก่อตัวหนาขึ้น
อีกด้านหนึ่ง นายอาชิม สไตเนอร์ ผู้อำนวยการ UNEP ระบุว่า ธารน้ำแข็งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อประชาชนหลายล้านคนทั่วโลก จึงเรียกร้องให้นานาประเทศหามาตรการลดก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงปิโตรเลียม ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศโดยด่วนก่อนจะสายเกินไป
ผลสำรวจระบุว่า การละลายของธารน้ำแข็งหลายแห่งเริ่มน่าวิตก โดยเฉพาะธารน้ำแข็งที่นอร์เวย์ซึ่งละลายไปถึง 3.1 เมตรในปี 2549 เทียบกับที่วัดได้ 0.3 เมตรเมื่อปี 2548 ขณะเดียวกันพบธารน้ำแข็งในทวีปยุโรปหลายประเทศที่เริ่มละลายเร็วอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในออสเตรีย ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ดี พบด้วยว่าธารน้ำแข็งร้อยละ 4 ก่อตัวหนาขึ้น
อีกด้านหนึ่ง นายอาชิม สไตเนอร์ ผู้อำนวยการ UNEP ระบุว่า ธารน้ำแข็งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อประชาชนหลายล้านคนทั่วโลก จึงเรียกร้องให้นานาประเทศหามาตรการลดก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงปิโตรเลียม ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศโดยด่วนก่อนจะสายเกินไป