นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือร่วมกับ 8 สมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย โดยตั้งเป้าหมายร่วมกันที่จะสร้างยอดขายในปีนี้ถึง 500,000 ล้านบาท ขยายตัวจากปีที่แล้วร้อยละ 12 แบ่งเป็นในประเทศและส่งออกสัดส่วนเท่ากันร้อยละ 50 โดยจะเน้นหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดสหรัฐฯ ที่ขยายตัวลดลง โดยจะเริ่มที่ประเทศญี่ปุ่นที่มีข้อตกลง JTEPA และอีก 10 ประเทศอาเซียนที่มีสัญญาการใช้ภาษีร้อยละ 0 ในการส่งออก
ขณะเดียวกัน จะเดินทางไปเจรจากับเสื้อผ้าแบรนด์ดังในประเทศอิตาลีและฝรั่งเศสเพื่อใช้ฐานการผลิตในไทย นอกจากนี้ ยังจะมุ่งตลาดใหม่ คือ บังกลาเทศ อินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน และจีน โดยขณะนี้ผู้ประกอบการไม่มีปัญหาต้นทุนวัตถุดิบ แต่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือด้านการตลาด ดังนั้น หลังจากนี้จะมีงานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นระยะๆ
นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงการตั้งเป้าหมายตลาดในประเทศถึง 250,000 ล้านบาท ว่า ผู้ผลิตเสื้อผ้าไทย อาทิ โบ๊เบ๊ จะต้องปรับปรุงผลิตภัณฑ์และลดราคาจำหน่ายลง เพราะฐานประชากรไทยร้อยละ 85 เป็นผู้มีรายได้ปานกลางถึงล่าง กระทรวงพาณิชย์จึงต้องการให้เอกชนทำเสื้อผ้าราคาถูกสำหรับคนไทย
ด้านนายคมสรรค์ วิจิตรวิกรม นายกสมาคมชาวโบ๊เบ๊ กล่าวว่า ปีนี้จะสร้างแบรนด์ไทย 100 แบรนด์ โดยเน้นของถูกและดีขายผ่านเอาท์เล็ตและโปรโมทผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม อย่างต่อเนื่อง ส่วนเสื้อผ้าจากจีนที่เข้ามาตีตลาดในไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะมีมูลค่าเพียง 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มลดลเรื่อยๆ ประกอบกับขณะนี้เสื้อผ้าไทยสามารถไปวางแทนสินค้าจีนในบางประเทศของอาเซียนแล้ว
ขณะเดียวกัน จะเดินทางไปเจรจากับเสื้อผ้าแบรนด์ดังในประเทศอิตาลีและฝรั่งเศสเพื่อใช้ฐานการผลิตในไทย นอกจากนี้ ยังจะมุ่งตลาดใหม่ คือ บังกลาเทศ อินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน และจีน โดยขณะนี้ผู้ประกอบการไม่มีปัญหาต้นทุนวัตถุดิบ แต่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือด้านการตลาด ดังนั้น หลังจากนี้จะมีงานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นระยะๆ
นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงการตั้งเป้าหมายตลาดในประเทศถึง 250,000 ล้านบาท ว่า ผู้ผลิตเสื้อผ้าไทย อาทิ โบ๊เบ๊ จะต้องปรับปรุงผลิตภัณฑ์และลดราคาจำหน่ายลง เพราะฐานประชากรไทยร้อยละ 85 เป็นผู้มีรายได้ปานกลางถึงล่าง กระทรวงพาณิชย์จึงต้องการให้เอกชนทำเสื้อผ้าราคาถูกสำหรับคนไทย
ด้านนายคมสรรค์ วิจิตรวิกรม นายกสมาคมชาวโบ๊เบ๊ กล่าวว่า ปีนี้จะสร้างแบรนด์ไทย 100 แบรนด์ โดยเน้นของถูกและดีขายผ่านเอาท์เล็ตและโปรโมทผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม อย่างต่อเนื่อง ส่วนเสื้อผ้าจากจีนที่เข้ามาตีตลาดในไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะมีมูลค่าเพียง 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มลดลเรื่อยๆ ประกอบกับขณะนี้เสื้อผ้าไทยสามารถไปวางแทนสินค้าจีนในบางประเทศของอาเซียนแล้ว
