นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สรุปแผนการบริหารราชการแผ่นดิน 4 ปี ของกระทรวงคมนาคม ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะมีการลงทุนโครงการระบบขนส่งมวลชนรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ คมนาคมทางน้ำและทางอากาศ วงเงินรวมประมาณ 980,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ไม่รวมการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ ซึ่งต่อเชื่อมจากภาคอีสาน-บ้านภาชี-สุพรรณบุรี-ราชบุรี-กาญจนบุรี-ท่าเรือทวาย ประเทศพม่า และสายเหนือ อุตรดิตถ์-เชียงราย-คุนหมิง วงเงินลงทุนอีกประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งนักลงทุนจากประเทศจีนสนใจเข้ามาดำเนินการ ซึ่งจะมีการเจรจาในรูปแบบการให้สัมปทาน เพื่อลดภาระด้านงบประมาณ และผลักดันให้โครงการเดินหน้าได้เร็วขึ้น
โครงการที่จะมีการเริ่มดำเนินการภายในปี 2551 เช่น โครงการรถไฟทางคู่สายช่วงฉะเชิงเทรา คลอง 19 - แก่งคอย (106 กม.) การขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 เพื่อรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 30 ล้านคนต่อปี การสำรวจความเหมาะสมโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งมีนักลงทุนจากทั้งจีนและตะวันออกกลางสนใจ นอกจากนี้ ได้ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) สายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย และสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ในส่วนที่มีความพร้อมภายในปีนี้ โดยในวันนี้ (4 มี.ค.) จะยังไม่มีการเสนอรายชื่อคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่อคณะรัฐมนตรี เนื่องจากยังไม่ได้นำรายชื่อบอร์ดทั้งหมดหารือกับนายกรัฐมนตรี
โครงการที่จะมีการเริ่มดำเนินการภายในปี 2551 เช่น โครงการรถไฟทางคู่สายช่วงฉะเชิงเทรา คลอง 19 - แก่งคอย (106 กม.) การขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 เพื่อรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 30 ล้านคนต่อปี การสำรวจความเหมาะสมโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งมีนักลงทุนจากทั้งจีนและตะวันออกกลางสนใจ นอกจากนี้ ได้ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) สายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย และสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ในส่วนที่มีความพร้อมภายในปีนี้ โดยในวันนี้ (4 มี.ค.) จะยังไม่มีการเสนอรายชื่อคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่อคณะรัฐมนตรี เนื่องจากยังไม่ได้นำรายชื่อบอร์ดทั้งหมดหารือกับนายกรัฐมนตรี
