นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกร จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เลี้ยงสุกรใหญ่ที่สุด กล่าวหลังหารือกับอธิบดีกรมการค้าภายใน โดยยอมรับว่า เหตุผลหลักที่ทำให้เนื้อสุกรแพงมาจากปัญหาปริมาณลูกและแม่สุกรลดลงมาก และใน 3-4 เดือนข้างหน้าปริมาณจะขาดแคลนยิ่งขึ้น เพราะอากาศแปรปรวนทำให้สุกรโตช้า และเป็นไปตามวัฏจักรการเลี้ยง ทำให้ในปีนี้คนไทยจะต้องบริโภคสุกรในราคาแพงอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้
ส่วนต้นทุนของกลุ่มผู้เลี้ยงขณะนี้อยู่ที่ 55 บาทต่อกิโลกรัม และคิดว่าราคาของสุกรหน้าฟาร์มน่าจะอยู่ที่ 58-60 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะหารือกับนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้บริโภค โดยหากจะให้ทางกลุ่มผู้เลี้ยงตรึงราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่ 58 บาทต่อกิโลกรัม ราคาสุกรหน้าเขียง ไม่ควรเกิน 115 บาทต่อกิโลกรัม
นายนพพร วายุโชติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัทเบทาโกร กล่าวว่า ยืนยันว่า สาเหตุที่ราคาสุกรแพงไม่ได้มาจากต้นทุน แต่มาจากปริมาณสุกรไม่เพียงพอ เพราะปีที่ผ่านมามีการฆ่าตัดตอนลูกสุกรและเกิดโรคระบาด ทำให้ปริมาณหายไปจากตลาดนับแสนตัว
ส่วนต้นทุนของกลุ่มผู้เลี้ยงขณะนี้อยู่ที่ 55 บาทต่อกิโลกรัม และคิดว่าราคาของสุกรหน้าฟาร์มน่าจะอยู่ที่ 58-60 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะหารือกับนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้บริโภค โดยหากจะให้ทางกลุ่มผู้เลี้ยงตรึงราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่ 58 บาทต่อกิโลกรัม ราคาสุกรหน้าเขียง ไม่ควรเกิน 115 บาทต่อกิโลกรัม
นายนพพร วายุโชติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัทเบทาโกร กล่าวว่า ยืนยันว่า สาเหตุที่ราคาสุกรแพงไม่ได้มาจากต้นทุน แต่มาจากปริมาณสุกรไม่เพียงพอ เพราะปีที่ผ่านมามีการฆ่าตัดตอนลูกสุกรและเกิดโรคระบาด ทำให้ปริมาณหายไปจากตลาดนับแสนตัว