พะเยา - ปศุสัตว์สั่งคุมเข้มสัตว์ปีกเข้าพื้นที่กว่า 30 ฟาร์ม มั่นใจสัตว์ปีก 2-3 แสนตัวผ่านการตรวจสอบจากแล็ป เตือนเกษตรกรหากพบสัตว์ปีกตายเกินกว่าร้อยละ 10 แจ้ง อสม.เตือนภัยทันที
นายปรีชา วนรัตน์ ปศุสัตว์จังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า เนื่องจากระยะนี้สภาพอากาศแปรปรวนอากาศหนาวกระทบอากาศร้อนทำให้สัตว์ปีกป่วยตายได้ง่ายซึ่งมีสัตว์ปีกตายครั้งละ 2-3 ตัวถือว่าเป็นเรื่องปกติ ส่วนสถานการณ์ไข้หวัดนกในพื้นที่จังหวัดพะเยา ได้มีการควบคุมเข้มงวดตลอดเวลาทำให้สถานการณ์เป็นไปตามปกติไม่มีสัตว์ปีกป่วยตายเกินกว่าร้อยละ 10 ของสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้
นอกจากนี้ ได้มีการส่งตัวอย่างสัตว์ปีกเข้าห้องแล็ปตรวจทุกระยะ พร้อมทั้งมาตรการการตรวจสอบและป้องกันการเคลื่อนสัตว์ปีก โดยจังหวัดพะเยาได้มีการประสานงานกับจังหวัดแพร่ในเรื่องของการจัดตั้งจุดตรวจเพื่อบล็อกการขนย้ายสัตว์ปีกจากภาคเหนือตอนล่างขึ้นมาภาคเหนือตอนบนจำนวน 2 จุด เส้นทางแรกตรวจสัตว์ปีกที่มาจากเส้นทางผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ และจุดตรวจที่สอง ตรวจสัตว์ปีกที่มาจากเส้นทาง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
นายปรีชา กล่าวต่อว่า โดยปกติสัตว์การขนย้ายสัตว์ปีกทุกครั้งจะต้องมีใบอนุญาตและผลการตรวจสัตว์ปีกมาพร้อมกับสัตว์ปีกที่จะนำเข้าหรือส่งออกนอกพื้นที่ สำหรับในพื้นที่จังหวัดพะเยามีการนำเข้าสัตว์ปีกมายังฟาร์มต่างๆ กว่า 30 ฟาร์ม ประมาณ 200,000-300,000 ตัว ซึ่งเป็นฟาร์มของบริษัทในเครือ ซีพี และเบทาโกร โดยทุกฟาร์มทางสำนักงานฯ ได้ขอความร่วมมือทำความสะอาดฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในฟาร์มก่อนที่จะนำสัตว์ปีกลงทุกครั้ง ซึ่งการนำเข้าสัตว์ปีกของทุกฟาร์มเราจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบโดยละเอียดทั้งการนำออกและนำเข้า เพื่อความปลอดภัยของสัตว์ปีกทุกชนิด
“ทางสำนักงานไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องการระบาดในสัตว์ปีก รวมทั้งโรคไข้หวัดนกด้วย จึงได้มีการเฝ้าระวังตลอดเวลา และมีการฝึกทบทวนทีมป้องกันและทำลายสัตว์ปีกทุกระยะ ไม่ใช่โหมทำเมื่อมีข่าวการระบาดของไข้หวัดนกเท่านั้น ทุกครั้งที่มีสัตว์ปีกป่วยตายจะด้วยสาเหตุใดก็ตามให้แจ้งข้อมูลกับอาสาสมัครปศุสัตว์ประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วทุกหมู่บ้านในจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสัตว์ปีกป่วยตายถึงร้อยละ 10 ของจำนวนสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้ให้รีบแจ้ง อสม.และเจ้าหน้าที่โดยทันที”
นายปรีชา วนรัตน์ ปศุสัตว์จังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า เนื่องจากระยะนี้สภาพอากาศแปรปรวนอากาศหนาวกระทบอากาศร้อนทำให้สัตว์ปีกป่วยตายได้ง่ายซึ่งมีสัตว์ปีกตายครั้งละ 2-3 ตัวถือว่าเป็นเรื่องปกติ ส่วนสถานการณ์ไข้หวัดนกในพื้นที่จังหวัดพะเยา ได้มีการควบคุมเข้มงวดตลอดเวลาทำให้สถานการณ์เป็นไปตามปกติไม่มีสัตว์ปีกป่วยตายเกินกว่าร้อยละ 10 ของสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้
นอกจากนี้ ได้มีการส่งตัวอย่างสัตว์ปีกเข้าห้องแล็ปตรวจทุกระยะ พร้อมทั้งมาตรการการตรวจสอบและป้องกันการเคลื่อนสัตว์ปีก โดยจังหวัดพะเยาได้มีการประสานงานกับจังหวัดแพร่ในเรื่องของการจัดตั้งจุดตรวจเพื่อบล็อกการขนย้ายสัตว์ปีกจากภาคเหนือตอนล่างขึ้นมาภาคเหนือตอนบนจำนวน 2 จุด เส้นทางแรกตรวจสัตว์ปีกที่มาจากเส้นทางผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ และจุดตรวจที่สอง ตรวจสัตว์ปีกที่มาจากเส้นทาง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
นายปรีชา กล่าวต่อว่า โดยปกติสัตว์การขนย้ายสัตว์ปีกทุกครั้งจะต้องมีใบอนุญาตและผลการตรวจสัตว์ปีกมาพร้อมกับสัตว์ปีกที่จะนำเข้าหรือส่งออกนอกพื้นที่ สำหรับในพื้นที่จังหวัดพะเยามีการนำเข้าสัตว์ปีกมายังฟาร์มต่างๆ กว่า 30 ฟาร์ม ประมาณ 200,000-300,000 ตัว ซึ่งเป็นฟาร์มของบริษัทในเครือ ซีพี และเบทาโกร โดยทุกฟาร์มทางสำนักงานฯ ได้ขอความร่วมมือทำความสะอาดฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในฟาร์มก่อนที่จะนำสัตว์ปีกลงทุกครั้ง ซึ่งการนำเข้าสัตว์ปีกของทุกฟาร์มเราจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบโดยละเอียดทั้งการนำออกและนำเข้า เพื่อความปลอดภัยของสัตว์ปีกทุกชนิด
“ทางสำนักงานไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องการระบาดในสัตว์ปีก รวมทั้งโรคไข้หวัดนกด้วย จึงได้มีการเฝ้าระวังตลอดเวลา และมีการฝึกทบทวนทีมป้องกันและทำลายสัตว์ปีกทุกระยะ ไม่ใช่โหมทำเมื่อมีข่าวการระบาดของไข้หวัดนกเท่านั้น ทุกครั้งที่มีสัตว์ปีกป่วยตายจะด้วยสาเหตุใดก็ตามให้แจ้งข้อมูลกับอาสาสมัครปศุสัตว์ประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วทุกหมู่บ้านในจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสัตว์ปีกป่วยตายถึงร้อยละ 10 ของจำนวนสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้ให้รีบแจ้ง อสม.และเจ้าหน้าที่โดยทันที”