นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยผู้บริหาร และผู้ชำนาญการ กรมศิลปากร แถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินการงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในส่วนของกรมศิลปากร โดยนายเกรียงไกร กล่าวว่า เนื่องจากได้มีการเปลี่ยนแปลงประธานคณะกรรมการอำนวยการงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาเป็นนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ตนจึงได้มอบหมายให้ทุกหน่วยที่รับผิดชอบแต่ละงาน รวบรวบข้อมูลการทำงานทั้งหมดเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม งานในภาพรวมมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ คณะทำงานเตรียมความพร้อมสนามหลวงได้ล้อมรั้วสีเขียวรอบสนามหลวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่วนการก่อสร้างอาคาร 3 หลัง ประกอบด้วย อาคารขยายแบบ อาคารสร้างพระโกศ และอาคารปั้นหล่อนั้นคาดจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนพระโกศจันทน์หลังได้รับมอบมาแล้ว ช่างสิบหมู่กำลังแปรรูปไม้แต่ละแผ่นให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ สุดท้ายการบูรณะราชรถ ราชยาน ทางช่างกรมสรรพพาวุธได้เข้าไปซ่อมแซมช่วงล่าง ล้อ เพลา กลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์เข้าไปทำความสะอาดเบื้องต้นแล้ว
นายกมล สุวุฒโฑ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนาศิลป์ ในฐานะอนุกรรมการออกแบบฉากบังเพลิง กล่าวว่า ฉากบังเพลิงนั้นหมายถึงประตูกั้นทางขึ้น-ลงพระเมรุ ใช้ปิดเวลาถวายพระเพลิง มักเขียนเป็นรูปเทวดาในอิริยาบถต่างๆ มีลักษณะเป็นฉากพับได้ ติดไว้กับเสาพระเมรุทั้ง 4 ด้าน เวลาถวายพระเพลิงจึงดึงหรือยกมาปิดไว้เพื่อบังมิให้เห็นแสงเพลิง ซึ่งลักษณะของฉากบังเพลิงในพระราชพิธีจะเป็นฉากพับได้ 1 ด้าน มี 4 พับ ใช้บังทั้ง 4 ด้าน ด้านทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกออก ทิศตะวันตก โดยลักษณะภาพฉากพับด้านหน้า จะเป็นภาพเทวดาเหาะ 2 คู่ อยู่ทางด้านขวาของพระเมรุ และนางฟ้า 2 คู่อยู่ทางด้านซ้ายของพระเมรุ รวมเทวดา 8 คู่ 16 องค์ นางฟ้า 8 คู่ 16 องค์ทั้ง 4 ด้าน มือถือเครื่องสูง ซึ่งภาพลายเทวดาจะใช้เฉพาะพระศพของราชวงศ์เท่านั้น
ส่วนภาพฉากพับด้านหลัง จะเป็นภาพลายดอกแก้วผูกเป็นลายเถามีความเชื่อมต่อกัน ซึ่งดอกแก้วกัลยานั้น เป็นดอกไม้ประดิษฐ์ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพื่อเป็นดอกไม้แห่งสัญลักษณ์ของคนพิการทั่วประเทศ ซึ่งดอกแก้วกัลยา สื่อความหมายถึงดอกไม้จากนางแก้ว ที่มีน้ำพระทัยสดใสให้แสงสว่าง อบอุ่นกับมวลหมู่พสกนิกร และคนพิการในแผ่นดินไทย ดังน้ำพระราชหฤทัยจากพระองค์ ส่วนภาพเทวดาและนางฟ้าพร้อมด้วยเครื่องสูงต่างๆ นั้น สื่อถึงการนำส่งเสด็จขึ้นสู่สวรรคาลัย โดยภาพลายฉากบังเพลิงทั้งหมดนี้จะเป็นสีทองบนพื้นแดง ทั้งนี้ ลายส่วนล่างสุดของฉากบังเพลิงจะเป็นลายสัตว์หิมพานต์ ตรงกลางเป็นลายเทวดาและนางฟ้า ส่วนด้านบนสุดจะอัญเชิญพระลัญจกร กว.ในพระองค์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มาประดิษฐานไว้ด้วย
นายนิยม กลิ่นบุบผา หัวหน้ากลุ่มงานประณีตศิลป์ สำนักช่างสิบหมู่ กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระโกศจันทน์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นำต้นแบบมาจากพระโกศจันทน์สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี แต่จะแตกต่างกันที่ลายประดับเท่านั้น ซึ่งจะใช้เป็นลักษณะหีบพระศพสี่เหลี่ยมด้านล่างและมีพระโกศตั้งอยู่ด้านบน โดยคณะช่างได้สรุปความเห็นแล้วว่าพระโกศจันทน์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นั้นจะใช้ตามลายแบบโบราณราชประเพณี ตัวโกศจะเป็นลายกลีบบัวดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ตามคติความเชื่อพุทธศาสนา ส่วนบริเวณกลีบบัวจะประดับด้วยลายใบเทศจะสวยงามที่สุด
ทั้งนี้ พระโกศจันทน์ทำหน้าที่เป็นฟืน แต่เป็นฟืนตามบรรดาศักด์สำหรับเจ้านายชั้นสูง ส่วนฟืนจริงจะวางอยู่บนพระจิตกาธานอีกชั้นหนึ่ง เมื่อเป็นฟืนสำหรับเจ้านายชั้นสูงจึงต้องมีการแกะสลัก ประดับประดาสวยงาม ฉลุฟืนเป็นลวดลายล้อมโกศ โดยใช้ไม้จันทน์ซึ่งเป็นไม้ที่สูงศักดิ์
ด้านนายไพบูลย์ ผลมาก ผู้อำนวยสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร กล่าวว่า ขณะนี้แบบร่างอาคารพระที่นั่งทรงธรรม และหอเปลื้องได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยพระที่นั่งทรงธรรมจะติดตั้งลิฟต์ 2 ตัวสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนิน ซึ่งพระที่นั่งทรงธรรมนั้นจะหันด้านหน้าไปทางพระเมรุ มีลักษณะเป็นรูปตัวที (T) หงาย ซึ่งด้านหน้าจะเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ส่วนด้านหลังจะเป็นห้องทรงพระสำราญ หลังจากนี้สำนักสถาปัตยกรรมจะเร่งดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ส่วนการก่อสร้างอาคาร 3 หลัง ประกอบด้วย อาคารขยายแบบ อาคารสร้างพระโกศ และอาคารปั้นหล่อนั้นคาดจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนพระโกศจันทน์หลังได้รับมอบมาแล้ว ช่างสิบหมู่กำลังแปรรูปไม้แต่ละแผ่นให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ สุดท้ายการบูรณะราชรถ ราชยาน ทางช่างกรมสรรพพาวุธได้เข้าไปซ่อมแซมช่วงล่าง ล้อ เพลา กลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์เข้าไปทำความสะอาดเบื้องต้นแล้ว
นายกมล สุวุฒโฑ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนาศิลป์ ในฐานะอนุกรรมการออกแบบฉากบังเพลิง กล่าวว่า ฉากบังเพลิงนั้นหมายถึงประตูกั้นทางขึ้น-ลงพระเมรุ ใช้ปิดเวลาถวายพระเพลิง มักเขียนเป็นรูปเทวดาในอิริยาบถต่างๆ มีลักษณะเป็นฉากพับได้ ติดไว้กับเสาพระเมรุทั้ง 4 ด้าน เวลาถวายพระเพลิงจึงดึงหรือยกมาปิดไว้เพื่อบังมิให้เห็นแสงเพลิง ซึ่งลักษณะของฉากบังเพลิงในพระราชพิธีจะเป็นฉากพับได้ 1 ด้าน มี 4 พับ ใช้บังทั้ง 4 ด้าน ด้านทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกออก ทิศตะวันตก โดยลักษณะภาพฉากพับด้านหน้า จะเป็นภาพเทวดาเหาะ 2 คู่ อยู่ทางด้านขวาของพระเมรุ และนางฟ้า 2 คู่อยู่ทางด้านซ้ายของพระเมรุ รวมเทวดา 8 คู่ 16 องค์ นางฟ้า 8 คู่ 16 องค์ทั้ง 4 ด้าน มือถือเครื่องสูง ซึ่งภาพลายเทวดาจะใช้เฉพาะพระศพของราชวงศ์เท่านั้น
ส่วนภาพฉากพับด้านหลัง จะเป็นภาพลายดอกแก้วผูกเป็นลายเถามีความเชื่อมต่อกัน ซึ่งดอกแก้วกัลยานั้น เป็นดอกไม้ประดิษฐ์ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพื่อเป็นดอกไม้แห่งสัญลักษณ์ของคนพิการทั่วประเทศ ซึ่งดอกแก้วกัลยา สื่อความหมายถึงดอกไม้จากนางแก้ว ที่มีน้ำพระทัยสดใสให้แสงสว่าง อบอุ่นกับมวลหมู่พสกนิกร และคนพิการในแผ่นดินไทย ดังน้ำพระราชหฤทัยจากพระองค์ ส่วนภาพเทวดาและนางฟ้าพร้อมด้วยเครื่องสูงต่างๆ นั้น สื่อถึงการนำส่งเสด็จขึ้นสู่สวรรคาลัย โดยภาพลายฉากบังเพลิงทั้งหมดนี้จะเป็นสีทองบนพื้นแดง ทั้งนี้ ลายส่วนล่างสุดของฉากบังเพลิงจะเป็นลายสัตว์หิมพานต์ ตรงกลางเป็นลายเทวดาและนางฟ้า ส่วนด้านบนสุดจะอัญเชิญพระลัญจกร กว.ในพระองค์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มาประดิษฐานไว้ด้วย
นายนิยม กลิ่นบุบผา หัวหน้ากลุ่มงานประณีตศิลป์ สำนักช่างสิบหมู่ กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระโกศจันทน์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นำต้นแบบมาจากพระโกศจันทน์สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี แต่จะแตกต่างกันที่ลายประดับเท่านั้น ซึ่งจะใช้เป็นลักษณะหีบพระศพสี่เหลี่ยมด้านล่างและมีพระโกศตั้งอยู่ด้านบน โดยคณะช่างได้สรุปความเห็นแล้วว่าพระโกศจันทน์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นั้นจะใช้ตามลายแบบโบราณราชประเพณี ตัวโกศจะเป็นลายกลีบบัวดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ตามคติความเชื่อพุทธศาสนา ส่วนบริเวณกลีบบัวจะประดับด้วยลายใบเทศจะสวยงามที่สุด
ทั้งนี้ พระโกศจันทน์ทำหน้าที่เป็นฟืน แต่เป็นฟืนตามบรรดาศักด์สำหรับเจ้านายชั้นสูง ส่วนฟืนจริงจะวางอยู่บนพระจิตกาธานอีกชั้นหนึ่ง เมื่อเป็นฟืนสำหรับเจ้านายชั้นสูงจึงต้องมีการแกะสลัก ประดับประดาสวยงาม ฉลุฟืนเป็นลวดลายล้อมโกศ โดยใช้ไม้จันทน์ซึ่งเป็นไม้ที่สูงศักดิ์
ด้านนายไพบูลย์ ผลมาก ผู้อำนวยสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร กล่าวว่า ขณะนี้แบบร่างอาคารพระที่นั่งทรงธรรม และหอเปลื้องได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยพระที่นั่งทรงธรรมจะติดตั้งลิฟต์ 2 ตัวสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนิน ซึ่งพระที่นั่งทรงธรรมนั้นจะหันด้านหน้าไปทางพระเมรุ มีลักษณะเป็นรูปตัวที (T) หงาย ซึ่งด้านหน้าจะเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ส่วนด้านหลังจะเป็นห้องทรงพระสำราญ หลังจากนี้สำนักสถาปัตยกรรมจะเร่งดำเนินการในขั้นตอนต่อไป