“กิ้งกือมังกรสีชมพู” นับเป็นสัตว์สายพันธุ์หายาก ซึ่งพบได้หนึ่งเดียวในโลกที่เมืองไทย โดยเหล่านักท่องเที่ยว นักสำรวจผืนป่า มักคุ้นชินกับการต้องไปตามหาสัตว์ชนิดนี้ที่ “หุบป่าตาด” จ.อุทัยธานี แต่ล่าสุด มีการพบกิ้งกือสีสันสดใสชนิดนี้ที่บริเวณ“น้ำตกตาดใหญ่” จ.เพชรบูรณ์ อีกด้วย
สัตว์ประหลาดสีชมพู
“กิ้งกือมังกรสีชมพู” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “Desmoxytes Purpurosea” และ ชื่อสามัญ “Shocking Pink Millipede” ถูกค้นพบครั้งแรกโดยสมาชิกในชมรมคนรักกิ้งกือ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550 ที่หุบป่าตาด เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี
กิ้งกือสีสันสะดุดตาชนิดนี้อยู่ในวงศ์กิ้งกือมังกร มีลักษณะโดดเด่นด้วยลวดลาย มีปุ่มหนามคล้ายมังกร บวกกับสีชมพูสดใส เมื่อโตเต็มวัยจะมีลำตัวยาว 7 ซม. มี 20 - 40 ปล้อง แต่ภายใต้สีสันที่สวยงามน่าชม นักท่องเที่ยวหรือนักสำรวจพึงต้องระวัง เว้นระยะในการชมสักนิด และไม่ควรสัมผัสตัวกิ้งกือ เพราะมันสามารถขับสารพิษประเภทไซยาไนด์ออกมาจากต่อมขับสารพิษข้างลำตัว อันเป็นกลไกป้องกันตัวเองจากศัตรูตามธรรมชาติ เช่น สัตว์ชนิดอื่น ซึ่งแม้ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงสำหรับมนุษย์ แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
หนึ่งเดียวของโลกเจอได้ในไทย
ข้อมูลจากเว็บไซต์สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ระบุว่า ในปี พ.ศ.2550 นายเรืองฤทธิ์ พรมดำ นักศึกษาในโครงการ พัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย (Biodiversity Research and Training Program หรือ BRT) ได้เป็นผู้ค้นพบกิ้งกือมังกรสีชมพู และได้แจ้ง ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้ทำการเก็บตัวอย่าง
ศ.ดร.สมศักดิ์ ได้ศึกษาเจ้ากิ้งกือชนิดนี้เพิ่มเติมภายใต้โครงการวิจัยกิ้งกือและไส้เดือนดิน ร่วมกับ ศ.เฮนริค อิงฮอฟ (Henrik Enghoff) ผู้เชี่ยวชาญด้านกิ้งกือจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ทำให้ได้รู้ว่าเป็นกิ้งกือชนิดใหม่ของโลก ต่อมาจึงได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารนานาชาติ Zootaxa
จากนั้น เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2551 สถาบันไอไอเอสอี (International Institute for Species Exploration : IISE) มหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศให้กิ้งกือมังกรสีชมพู เป็นสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่เป็นอันดับ 3 ของโลกในปีนั้น รองจากการค้นพบปลากระเบนไฟฟ้าในแอฟริกา และการค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ปากเป็ดอายุ 75 ล้านปี ในสหรัฐอเมริกา จึงนับเป็นอีกหนึ่งการค้นพบในแวดวงธรรมชาติวิทยาของบ้านเราที่สำคัญยิ่งเมื่อกว่าทศวรรษก่อน
พบเจอได้ในป่าชื้น - ฤดูฝน
สำหรับข้อมูลที่ทราบกันมานาน นักท่องเที่ยวรับรู้ว่าสามารถหาชมกิ้งกือชนิดนี้ได้ที่แหล่งศึกษาธรรมชาติหุบป่าตาด เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน จังหวัดอุทัยธานี โดยมักพบในช่วงปลายฝนต้นหนาว (เดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน) เพียงปีละครั้งเท่านั้น ขึ้นอยู่กับความชุ่มชื้นของผืนป่า โดยพบเจอได้ตามพื้นดิน ใต้ต้นไม้ หรือไม่ไกลจากแอ่งน้ำ
แต่ต่อมามีการระบุว่า เจ้าหน้าที่ หรือนักท่องเที่ยว พบเห็นกิ้งกือสีชมพูสดใสชนิดนี้ได้จากแหล่งอื่นด้วย เช่น อุทยานแห่งชาติคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร พบในบริเวณน้ำตกคลองลาน ได้ตลอดในช่วงฤดูฝน หรือ วนอุทยานถ้ำเพชร-ถ้ำทอง จังหวัดนครสวรรค์
กิ้งกือมังกรสีชมพู ณ น้ำตกตาดใหญ่ เพชรบูรณ์
เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแแห่งประเทศไทย (ททท.) กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ได้จัดกิจกรรมนำคณะสื่อมวลชน-บล็อกเกอร์ เดินทางไปสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติในพื้นที่อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีหนึ่งในจุดหมายปลายทาง คือ “น้ำตกตาดใหญ่”
ระหว่างการเก็บข้อมูลและถ่ายภาพบรรยากาศของน้ำตก คณะเดินทางได้สังเกตเห็น “กิ้งกือมังกรสีชมพู” บริเวณโขดหินริมลำธารไม่ไกลจากน้ำตก และเมื่อสำรวจไปรอบๆจึงพบว่า มีกิ้งกือหายากชนิดนั้น กระจัดกระจายอยู่รอบๆริมลำธารเป็นจำนวนหลายสิบตัว ทั้งบริเวณโขดหิน และต้นไม้ นับเป็นการตอกย้ำถึงความหลากหลายทางระบบนิเวศและความสมบูรณ์ของพื้นที่โดยรอบได้เป็นอย่างดี
สำหรับ “น้ำตกตาดใหญ่” ซึ่งอยู่กลางขุนเขานับเป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีทัศนียภาพงดงามอลังการมากของไทย สันนิษฐานว่าเกิดจากเมื่อประมาณ 230-200 ล้านปีมาแล้วในยุคไทรแอสซิกตอนปลาย บริเวณนี้มีการสะสมตะกอนตามทะเลสาบน้ำจืด หนองน้ำ หรือบึงน้ำ ใช้เวลาหลายล้านปี ตะกอนเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นชั้นหินดินดานและหินโคลน
ต่อมาเมื่อประมาณ 40 ล้านปีที่แล้ว เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นอนุทวีปชาน-ไทยชนกับแผ่นอนุทวีปอินโดไซน่า แรงบีบอัดทำให้ชั้นหินบริเวณนี้ยกตัวขึ้นเป็นภูเขา เกิดความคดโค้งโก่งงอของชั้นหินเกิดรอยแตก และรอยเลื่อน ในขณะเดียวกันชั้นหินยังถูกกัดเซาะด้วยน้ำ ลม และแสงแดด ทำให้เนื้อหินผุกร่อน แตกหลุด และ ถูกพัดพาไปตามกระแสน้ำจนในที่สุดเกิดเป็นผาชันบริเวณน้ำตกเป็นลักษณะขั้นบันได และหน้าผาที่มีความสูงมากกว่าความกว้างของธารน้ำ เรียกว่า น้ำตกแบบม่าน (curtain)
นอกจากความงามของธรรมชาติน้ำตกสุดอลังการแล้ว ตามพื้นหินริมลำธาร ยังพบฟอสซิลรอยตีนสัตว์ดึกดำบรรพ์ ซึ่งทั้งแนวทางเดินของไดโนเสาร์กลุ่มซอโรพอด และแนวทางเดินของสัตว์เลื้อยคลานกลุ่มอาร์โคซอร์
ดังนั้น การค้นพบ “กิ้งกือมังกรสีชมพู" ในครั้งนี้ จึงช่วยเติมเต็มสีสันและความน่าสนใจให้กับน้ำตกตาดใหญ่ สมเป็นจุดหมายสุดอันซีนประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ได้เป็นอย่างดี
ผู้สนใจเที่ยวน้ำตกตาดใหญ่ แนะนำไกด์ท้องถิ่นเพชรบูรณ์ โทร. 06-1597-7362 (คุณเด่น)