xs
xsm
sm
md
lg

หุบป่าตาด อุทัยธานี โลกยุคดึกดำบรรพ์ที่มีอยู่จริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ระยะทางราว 1 กิโลเมตร เสมือนเส้นทางข้ามกาลเวลา ก้าวขาขึ้นไปตามแนวภูเขาเผชิญกับโถงถ้ำไร้แสง แล้วออกไปสู่ความสว่างปลายอุโมงค์ที่ต้อนรับด้วยโตรกผาหินแปลกตา ก่อนจะเดินลงจากเขาไปสัมผัสกับพันธุ์พืชยุคโบราณกับสถาปัตยกรรมทางธรณีวิทยาสุดตื่นตาตื่นใจในหุบเขาลึก


หนึ่งในประสบการณ์เดินทางที่ให้ความรู้สึกราวกับได้ย้อนอดีตไปสู่โลกยุคดึกดำบรรพ์ ต้องยกให้ “หุบป่าตาด” แหล่งท่องเที่ยวด้านธรณีวิทยากับอาณาจักรแห่งพืชยุคโบราณในจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งการขนานนามว่า “โลกยุคดึกดำบรรพ์” ไม่ใช่การเล่นคำให้น่าตื่นเต้น แต่เป็นข้อเท็จจริงที่มาจากสภาพธรณีวิทยากับระบบนิเวศบริเวณโถงถ้ำเขาหินปูนที่มีอายุกว่าสองร้อยล้านปี ที่รวมทั้งพืชพรรณหายากซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาราวกับไร้การเปลี่ยนแปลง


กำเนิดหุบเขาสุดตระการตา
หุบป่าตาด ตั้งอยู่ในพื้นที่ “เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน” บริเวณนี้เป็นเทือกเขาหินปูนลูกโดด ๆ ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางพื้นที่ราบ และพื้นที่เกษตรกรรมเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน เทือกเขาหินปูนลูกนี้ประกอบไปด้วยภูเขาหินปูนย่อย 5 ลูก ได้แก่ เขาปลาร้า เขาฆ้องชัย เขาน้อย เขาน้ำโจน และเขาห้วยโศก

พืชพรรณต่างๆอุดมสมบูรณ์
ส่วนพื้นที่ที่เรียกว่า หุบป่าตาดนั้น เป็นเขาหินปูนในยุคเพอร์เมียน อายุเก่าแก่ราว 245-286 ล้านปี การเกิด “หุบ” ลงไปในภูเขาหินปูนมาจากปริมาณน้ำฝนที่ตกมาเนิ่นนานอาจใช้เวลานับล้านปี ฝนมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆจนสามารถละลายหินปูนได้ ค่อยๆกัดเซาะไหลลงไปจากด้านบนจนแนวเขาถล่มลงไปตามรอยแตก (เขาห้วยโศก) เป็นลักษณะของการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกอย่างฉับพลัน เมื่อเพดานถ้ำหรือหลังคาถ้ำพังถล่มลงไป จึงเกิดเป็นหลุมยุบ หุบ ปล่อง หรือบ่อขนาดใหญ่ลึกลงไปราว 150-200 เมตร

ส่วนพืชพรรณยุคโบราณที่เจริญเติบโตอยู่ภายในหุบโพรงนี้ ส่วนหนึ่งสันนิษฐานว่า เป็นพืชที่มีอยู่เดิมบริเวณหลังคาถ้ำ หรือด้านบนที่ตกลงไปพร้อมกันจากการถล่มครั้งนั้น และอีกส่วนอาจมาจากสัตว์ป่าต่างๆ ที่เป็นตัวนำผลของตาด (พันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม) และพืชพันธุ์โบราณชนิดอื่น กินแล้วทิ้งลง หรือทำร่วงหล่นในปล่องหุบเขา แล้วผลตาดก็ขยายพันธุ์เติบโตขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยไม่มีปัจจัยลบจากสภาพแวดล้อมภายนอกไปรบกวน เพราะแนวเขาโอบล้อมเป็นเสมือนเกราะกำบังให้ระบบนิเวศในหุบมีความเปลี่ยนแปลงน้อยมาก

เส้นทางเดินขึ้นเขา
จุดเริ่มต้นสู่แหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์
หุบป่าตาด หรือถ้ำหุบป่าตาด ค้นพบโดย “พระครูสันติธรรมโกศล” (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เมื่อปี พ.ศ. 2522 ซึ่งพระครูฯ ได้มาธุดงค์นั่งวิปัสสนากรรมฐานที่บริเวณเขาห้วยโศก ในครั้งนั้นพระครูฯปีนลงไปในหุบเขาจึงพบว่ามีต้นตาดเต็มไปหมด สวยงามแปลกตามาก

ต่อมาจึงมีการเจาะถ้ำเพื่อเป็นทางเข้าไปสู่หุบป่าตาดในปี พ.ศ. 2527 โดยกรมป่าไม้ (กรมอุทยานแห่งชาติในปัจจุบัน) ประกาศให้ที่นี่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่มีค่ายิ่งต่อจังหวัดอุทัยธานี รวมทั้งประเทศไทย เนื่องจากมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลกตาด้วยพันธุ์ไม้หายากหลายชนิด เช่น ต้นตาด เต่าร้าง เปล้า กะพง ยมหิน คัดค้าวเล็ก ขนุนดิน เป็นต้น

อุโมงค์แห่งกาลเวลา
ภายในหุบเขาหินปูนขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ มีโถงโล่งใหญ่ให้เดินศึกษาระบบนิเวศ และธรณีวิทยา ดินแดนดึกดำบรรพ์แห่งนี้ จึงถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดาวเด่นระดับแนวหน้าของอุทัยธานี โดยเมื่อกว่า 20 ปีก่อน เคยได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เป็น “อันซีนไทยแลนด์” มาแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นสถานที่กลุ่มแรกๆของแหล่งท่องเที่ยวแนวอันซีนของประเทศไทย


เส้นทางท่องเที่ยวหุบป่าตาด
เส้นทางท่องเที่ยวหุบป่าตาดที่เป็นไฮไลต์เด่น แบ่งออกมาเป็น 3 ส่วนหลัก ส่วนแรกคือ เส้นทางเดินขึ้นเขาแล้วลอดผ่านถ้ำที่ขนานนามว่า “อุโมงค์แห่งกาลเวลา” ซึ่งเป็นถ้ำที่เกิดจากการระเบิดภูเขาเพื่อนำไปสู่ความอันซีนแห่งขุนเขา ถ้ำมืดระยะทางราว 40 เมตร ไม่น่ากลัว แต่ช่วยเพิ่มความรู้สึกตื่นเต้นกระตุ้นอารมณ์ผจญภัยได้ดี โดยแสงสว่างปลายอุโมงค์กาลเวลานำไปสู่ทางลงไปยังหุบป่าตาดที่อยู่ด้านล่าง


ส่วนที่สอง คือ หุบเขาที่เต็มไปด้วยพืชพรรณต่างๆอุดมสมบูรณ์ มีป้ายสื่อความหมายให้รู้ พร้อมเส้นทางเดินสะดวกสบาย ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ จะได้เจอ“ต้นตาด” (Areaga penata) หรือ “ต้นตาว” หรือ “ต้นต๋าว” (ภาษาตามท้องถิ่น) ใบเขียวเข้มเป็นแฉกแผ่กว้างสยายคล้ายต้นสละหรือระกำ นอกจากนี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชหายากอีกนานาชนิด

ส่วนที่สาม เป็นไฮไลต์ด้านธรณีวิทยาที่งดงามตระการตา ด้วยโถงถ้ำเปิดโล่งสองด้านที่ฉายความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมธรรมชาติหินงอกหินย้อย ไม่ว่าจะเป็นเพดานถ้ำ ผนังถ้ำ และตามพื้นถ้ำ ซึ่งบริเวณส่วนนี้ถือเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม และในวัฒนธรรมร่วมสมัย ก็เคยใช้เป็นฉากที่ปรากฏในละครเรื่องนาคี (2559) จนหุบป่าตาดโด่งดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อราวเกือบสิบปีก่อน

โถงถ้ำเปิดโล่งสองด้าน

โถงถ้ำเปิดโล่งสองด้าน
สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ของโลก
อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของหุบป่าตาด คือ การเป็นแหล่งอาสัยของสัตว์โลกจากยุคโบราณ ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยอย่าง “กิ้งกือมังกรสีชมพู” ซึ่งจะปรากฏโฉมให้ผู้มาเยือนได้เห็นในช่วงปลายฝนต้นหนาว เพียงปีละครั้งเท่านั้น

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่า “กิ้งกือมังกรสีชมพู” เป็นสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ ที่ได้รับการรับรอง ประกาศให้เป็นสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ในอันดับที่ 3 ของโลก ไปเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 โดยสถาบันไอไอเอสอี (International Institute for Species Exploration : IISE) มหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

ส่วนที่มาของชื่อเพราะอยู่ในวงศ์กิ้งกือมังกร (พาราดอกโอโซมาติเดีย) บวกกับสีชมพูสดใส และยังมีลักษณะเด่นด้วยลวดลายและปุ่มหนาคล้ายมังกร เมื่อโตเต็มวัยจะมีลำตัวยาว 7 ซม. มี 20 - 40 ปล้อง ที่สำคัญและต้องระวังสำหรับนักท่องเที่ยว คือ สามารถขับสารพิษประเภทไซยาไนด์ เพื่อป้องกันตัวได้อีกด้วย ซึ่งการเข้าไปชมกิ้งกือมังกรสีชมพู สามารถชมได้ใตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - พฤศจิกายน โดยขึ้นอยู่กับความชุ่มชื้นของผืนป่า

ภาพ: กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
หุบป่าตาด (เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน)
อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี
เปิดทำการ 08.30 น. - 16.30 น. ทุกวัน
ค่าธรรมเนียม: ผู้ใหญ่ 20 บาท, เด็ก 10 บาท (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฟรี)





กำลังโหลดความคิดเห็น