วันนี้ “Jurassic World: The Experience” ที่ตั้งอยู่ ณ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น กรุงเทพมหานคร ถือเป็นหมุดหมายทางการท่องเที่ยวระดับโลกแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นอกจากจะกำลังฮอตฮิตได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากแล้ว ยังเกิดเป็นกระแสไวรัลร้อนแรงบนโลกโซเชียลบ้านเราอีกด้วย
Jurassic World: The Experience เป็นโครงการที่สร้างบนพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร ซึ่งทางผู้จัดระบุว่าเป็นธีมปาร์คไดโนเสาร์ของยูนิเวอร์แซลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
ธีมปาร์คแห่งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ไดโนเสาร์ชื่อดัง Jurassic World โดยได้จำลอง “เกาะอิสลา นูบลาร์” (Isla Nublar) ที่มีการชุบชีวิตไดโนเสาร์จากการโคลนนิ่งมาไว้เต็มเกาะ ให้ผู้สนใจได้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศของดินแดนไดโนเสาร์อันน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมจัดเต็มเทคนิคการจัดแสดงที่หลากหลาย นำโดยอิมเมอร์ซีฟ ฉากจำลองเสมือนจริงจากในภาพยนตร์ และการเนรมิตให้ไดโนเสาร์เหล่านี้ดูเสมือน “มีชีวิต” เคลื่อนไหวได้ พร้อมส่งเสียงร้องคำรามได้
สำหรับไฮไลต์ที่ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสก็อย่างเช่น ชมแบรคิโอซอรัสยักษ์ใหญ่ใจดีอย่างใกล้ชิด, บุกถิ่นห้องขังแรปเตอร์ พร้อมชมการโชว์ตัวของ “บลู” เวโลซิแรปเตอร์ดาวดัง, ชมความน่ากลัวของ “อินโดไมนัส เร็กซ์” ไดโนเสาร์ตัดต่อพันธุกรรม และเอาตัวรอดจากการโจมตีของ ทีเร็กซ์ ไดโนเสาร์จอมโหดของจักรวาลหนัง Jurassic เป็นต้น
นอกจากนี้ Jurassic World: The Experience ยังมีสินค้าที่ระลึกของจักรวาล Jurassic อย่างเช่น เสื้อผ้า ของเล่น ตุ๊กตา ฯ จัดจำหน่ายกันในโซนสุดท้าย Jurassic World: The Experience – Retail Store ก่อนถึงทางออก
รวมถึงมีร้าน “The Gallery” ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน จำหน่ายงานศิลปะ งานคราฟต์ชั้นดี ฝีมือคนไทยในธีม Jurassic ให้ผู้สนใจได้เลือกซื้อเลือกหากัน
The Gallery เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมที่นำผลงานศิลปะ-งานคราฟท์ของศิลปินและชุมชนมาจัดจำหน่าย โดยย้ายสาขาเดิมจาก The Heritage Lounge มาเปิดใหม่ในชื่อ “The Gallery Art of Giving, Giving Art Community Project Hatch Dome” ในธีม “From The Earth Before Time” หรือ “ขุมทรัพย์โลกก่อนกาล” ณ Jurassic World: The Experience โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น
The Gallery เอเชียทีค ได้รวบรวมผลงานทำมือสร้างสรรค์ชั้นเยี่ยมจาก 58 ชุมชนและศิลปินทั่วประเทศ ถ่ายทอดเสน่ห์แห่งภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมผสานเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัย จนเกิดเป็นสินค้าที่เปี่ยมด้วยความสวยงาม คุณค่า และเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจ
สำหรับหนึ่งในสินค้าที่โดดเด่นที่สุดของคอลเลกชันนี้ ได้แก่ ตุ๊กตาไดโนเสาร์ พวงกุญแจ และถุงผ้าลายผ้าขาวม้า ที่เกิดจากความร่วมมือของสองชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แก่ กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านดงน้อย ตำบลห้วยโพธิ์ ผู้สืบสานภูมิปัญญาการทอผ้าขาวม้า และชุมชนดีไดโนสินธุ์ ผู้พลิกโฉมผ้าทอพื้นเมืองให้กลายเป็นสินค้าไดโนเสาร์สุดน่ารัก โดยรายได้จากการจำหน่ายสินค้าจะถูกส่งกลับคืนสู่ชุมชน โดยเฉพาะพื้นที่รอบเครือข่ายพิพิธภัณฑ์สิรินธร ซึ่งเป็นแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ที่สำคัญของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ และสร้างโอกาสอย่างยั่งยืนให้แก่ท้องถิ่น
นอกจากนี้แล้ว เดอะ แกลเลอรี ยังร่วมกับชุมชนบ้านด่านใต้ ซึ่งเป็นที่รู้จักในการนำผ้ามาสร้างสรรค์เป็นของตกแต่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นย้ำถึงมรดกของจังหวัดกาฬสินธุ์ สร้างสรรค์สินค้าคอลเลกชันพิเศษ “Sawasdee Bangkok” ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ร้านนี้เท่านั้น ถ่ายทอดความสนุกผ่านลายกราฟิกไดโนเสาร์กินพืชภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (Phuwiangosaurus Sirindhornae) และสัตว์เลื้อยคลานบินได้การูแดปเทอรัส บุฟโตติ (Garudapterus Buffetauti) ที่มาเยือนพระปรางค์วัดอรุณ แลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ โดยมีแสงสปอตไลท์ส่องขึ้นฟ้ายามค่ำคืนเป็นการ “ทักทาย” ไดโนเสาร์อย่างอบอุ่น คอลเลกชัน “Sawasdee Bangkok” นี้ถูกถ่ายทอดเป็นสินค้าสุดพิเศษมากมาย อาทิ กระเป๋าคลัตช์ กระเป๋าโท้ต กระเป๋าคาดอก และกระเป๋าสำหรับใส่แก้วน้ำ ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะที่ป๊อปอัพสโตร์นี้เท่านั้น
ภายในร้านค้ายังมีสินค้าแฮนด์เมดอีกหลากหลาย ทุกผลงานล้วนผลิตด้วยมืออย่างพิถีพิถัน ภายใต้แนวคิด การมอบงานศิลป์ คือศิลปะแห่งการให้ ใครที่มาเยือนเอเชียทีค หรือมาเที่ยวชม Jurassic World: The Experience หากสนใจงานศิลปะ งานคราฟต์ ฝีมือเยี่ยมขอิงศิลปินและชาวชุมชนก็สามารถไปเลือกชม ชอป กันได้ที่ The Gallery Art of Giving, Giving Art Community Project Hatch Dome โดยร้านจะเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12:00 – 21:00 น.