ท่องเที่ยวไทย...ฟันเฟืองหลักเศรษฐกิจ “นิธี สีแพร” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. ถอดสัญญาณการท่องเที่ยว พร้อมเผยถึงกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง บนเวที iBusiness Forum 2025
เรียกได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในแง่รายได้ การจ้างงาน การกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และความท้าทายของภาคการท่องเที่ยวในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งปัจจุบันพฤติกรรมนักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันในแถบอาเซียนรุนแรงมากยิ่งขึ้น การท่องเที่ยวไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร?
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ร่วมบรรยายและเผยถึงกลยุทธ์พลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทย พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกต่อการท่องเที่ยวไทย รวมถึงสถานการณ์ความเชื่อมั่นและแนวทางฟื้นความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวไทย ในงานสัมมนาประจำปีของ iBusiness Forum 2025 "Decode 2025: The Mid-Year Signal" ถอดสัญญาณเศรษฐกิจโลก พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย”
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.เผยว่า การท่องเที่ยวของไทย “ยังมีอุปสรรคอยู่” เนื่องจากในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจโลกยังผันผวน รวมถึงอุปสรรคอื่นๆ เช่น เที่ยวบินยังฟื้นไม่เต็มที่ ตั๋วเครื่องบินแพง หรือแม้กระทั่งคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนามก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมากขึ้น หรือจีนที่ไม่มาไทยเพราะรัฐบาลจีนมีการส่งเสริมเรื่อง Domestic ที่เข้มข้นมากขึ้น ทั้งในแง่การอำนวยความสะดวก การทำโปรโมชัน หรือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ การท่องเที่ยวไทยจึงต้องใช้กำลังมากขึ้นในการรักษาความเป็นผู้นำการท่องเที่ยวไว้ให้ได้
การท่องเที่ยวไทยตั้งแต่ปี 2562 มีนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคนต่อปี เป็นนักท่องเที่ยวจีนถึง 10 ล้านคน ถือเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด พอเกิดโควิด-19 ในช่วงปี 2563 กลางปีเป็นต้นไป ไทยมีนักท่องเที่ยว 6 ล้านคน ปี 2564 มีนักท่องเที่ยว 6 แสนคน และปี 2565 ที่กลับมาเปิดประเทศ มีนักท่องเที่ยวกลับมา 11 ล้านคน ปี 2566 มีนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคน และปี 2567 มีนักท่องเที่ยว 35 ล้านคน โดย ททท.คาดว่าปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยว 35 ล้านคนหรือใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ภาพรวมสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทย เราอยากจะบาลานซ์ให้มากที่สุด เพราะเราไม่อยากพึ่งพาแค่นักท่องเที่ยวต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ปีนี้จึงตั้งเป้าว่านักท่องเที่ยวที่พักค้างและผู้เยี่ยมเยือนจะอยู่ที่ 200 ล้านคน/ครั้ง และเราอยากเพิ่มวันพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวไทยให้มากขึ้น โดยช่วงหลังเรามีการส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว หรือเมืองรองมากขึ้น เพราะว่าต้องการกระจายรายได้และกระจายตัวนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่ไปเมืองรองมีเพิ่มมากขึ้น จากปีที่ผ่านมาคนไทยนิยมท่องเที่ยวในภาคกลางและภาคตะวันตก ส่วนภาคอื่นๆ ลดหลั่นกันไป โดยเมืองไทยน่าเที่ยวมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีโดยเฉพาะสุพรรณบุรี สมุทรสงคราม เชียงราย ลพบุรี จันทบุรี นครศรีธรรมราช เป็นต้น
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.ได้มองเทรนด์หรือพฤติกรรมการท่องเที่ยวในปี 2025 ว่า ที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวของโลกหลังจากเกิดโควิด-19 กิจการต่างๆ หรือแม้แต่การท่องเที่ยวต่างหยุดนิ่งลง แต่หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยถือได้ว่าฟื้นตัวเร็ว มีนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวไทยจำนวนมากขึ้น
ส่วนเทรนด์ต่อจากนี้มีความเปลี่ยนแปลงไป โดยคนให้ความสนใจการท่องเที่ยวแบบ 1. Health & Wellness หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น 2. การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) เช่น การจัด Sports Event การจัดงานกีฬาต่างๆ ก็เป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เช่นเดียวกัน 3. การท่องเที่ยวแบบ Solo Travel หรือการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ซึ่งการท่องเที่ยวนี้เกิดขึ้นเยอะมากโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ประเทศไทยถือเป็นอันดับต้นๆ ที่มีความปลอดภัยต่อกลุ่ม Solo Traveler, 4. Sustainable Tourism การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และอีกการท่องเที่ยวหนึ่งที่คนให้ความสนใจคือ 5. Set-Jetting หรือกระแสการเดินทางตามรอยภาพยนตร์-ซีรีส์ 6. Gig-Tripping การเดินทางเพื่อชมคอนเสิร์ต 7. Noctourism การท่องเที่ยวยามค่ำคืน และ 8. การใช้ AI ช่วยวางแผนการท่องเที่ยว ที่ตอนนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหลายๆ หน่วยงานได้นำ AI มาใช้ด้วยเพื่อจะได้นำเสนอข้อมูลให้ตรงต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวมากขึ้น เป็นต้น
ทั้งนี้ รองผู้ว่าการ ททท.ยังได้เผยอีกว่า
“ททท.เราเน้นกลยุทธ์ความเชื่อมั่น เราได้รับการรับรองจากหลายสถาบันว่าไทยเราเป็นประเทศที่มีความพร้อม ความปลอดภัยในเรื่องการเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ปีที่ผ่านมาเรามีแคมเปญ
“Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Years 2025” เรามีเทศกาล ประเพณี กิจกรรมต่างๆ อาทิ เทศกาลประเพณีประจำภูมิภาค Sawasdee Nihao เรามีการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ต่างๆ เช่น IQIYI WeTV Central BYD NATGEO ค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ระดับโลก เช่น White Lotus Season 3, Jurassic World : Rebirth ฯลฯ ที่ทำให้คนได้เห็นแง่มุมต่างๆ ของไทย”
สุดท้าย นายนิธี สีแพร ยังได้เผยถึงการสร้างความเชื่อมั่นและการขยายฐานเพื่อที่จะทำให้การท่องเที่ยวครึ่งปีหลังว่า ต้องเข้มแข็งต่อไป พร้อมทั้งต้องขยายตลาดใหม่ไปเรื่อยๆ รวมทั้งรักษาตลาดเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด อีกทั้งต้องให้ความสนใจเฉพาะกลุ่มให้มากขึ้น เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงผ่อนคลาย การท่องเที่ยวเชิงกีฬา ฯลฯ
“ททท.ได้เปิดรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เรายังทำอย่างต่อเนื่อง โดยเรามองว่าการท่องเที่ยวในยุค Next Normal หรือธุรกิจการท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องเผชิญทั้งโอกาสและความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากเทคโนโลยี พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและวิกฤตต่างๆ ดังนั้น การปรับตัวจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยแผนนโยบายที่ประชุมกันอยู่ตอนนี้มี 5 แนวทางหลักที่ธุรกิจการท่องเที่ยวควรเร่งปรับตัว ได้แก่ การเน้นคุณค่ามากกว่าปริมาณ, การใช้เทคโนโลยีสร้างประสบการณ์, การออกแบบบริการให้ยืดหยุ่นและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง, การเดินหน้าสู่ความยั่งยืน และการสร้างแบรนด์จากเรื่องเล่าและอัตลักษณ์ท้องถิ่น”
“ผมมองว่าอุตสากรรมการท่องเที่ยว คือ หนึ่งในรายได้หลักของประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นฟูและเติบโตของเศรษฐกิจไทยยุคเปลี่ยนผ่าน หลาย ๆ อย่างสามารถทำผ่านออนไลน์ได้ แต่การท่องเที่ยวทำไม่ได้ คุณไม่สามารถเล่นน้ำตกออนไลน์ได้ คุณต้องมาจริงๆ ดังนั้นการที่มีนักท่องเที่ยวมาอยู่ในไทยปีละ 20-30 ล้านคน หรือปีนี้โชคดีอาจจะมีถึง 40 ล้านคนแปลว่าเรามีกำลังซื้อ กำลังบริโภคมากขึ้นอีกเกือบเท่าตัว ครึ่งหนึ่งของประชากรไทยเลย อยากให้ทุกท่านมองเป็นโอกาส โดยการท่องเที่ยวถือเป็น Soft Power ที่สร้างให้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทยในแง่มุมต่างๆ เช่นเดียวกันท่านอาจจะใช้การท่องเที่ยวเป็น Soft Power ของสินค้าท่านก็ได้ เพราะ Soft Power จะพาการท่องเที่ยวไทยไปไกลกว่าที่เคย”
“แน่นอนว่า ททท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พาการท่องเที่ยวผ่านพ้นวิกฤตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยปีนี้ถือเป็นปีที่ท้าทายอีกปีหนึ่งว่าไทยเรายังจะมัดใจนักท่องเที่ยวได้หรือไม่ เป็นโจทย์ใหญ่ที่ ททท.ต้องเร่งทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเป็นส่วนสำคัญที่จะดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม โดย ททท.มีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในครึ่งปีหลังเพื่อดึงนักท่องเที่ยว ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยและประเทศไทยกลับมาเป็นแนวหน้าในเรื่องการท่องเที่ยวของโลกอีกครั้ง ขอให้ทุกท่านมีความเชื่อมั่นครับ”