สิ้นสุดกันไปแล้วสำหรับคดี “น้องชมพู่” เมื่อวันนี้ (20 ธ.ค.66) ศาลตัดสิน “ลุงพล” สั่งจำคุก 20 ปี หลักฐานมัดชัดเจนกระทำการประมาทเป็นเหตุให้ “น้องชมพู่”ถึงแก่ความตาย
ทั้งนี้หากย้อนรอยเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น คงจำกันได้ว่า ลุงพล มีการเดินทางไป “สาบาน” ที่วัดสามครั้ง ได้แก่ “วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จ.นครพนม กับ วัดถ้ำภูผาแอก จ.มุกดาหาร” โดยการสาบานทั้งสามครั้ง มีดังนี้
วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
คำสาบาน : หากข้าพเจ้ากระทำผิดต่อชมพู่จริง ขอให้ทำลายชีวิตข้าพเจ้าและขอให้มีอันเป็นไปโดยเร็ววันด้วยเถิด
วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 วัดถ้ำภูผาแอก
คำสาบาน : ถ้าข้าพเจ้ามีส่วนรู้เห็นในการตายของน้องชมพู่ขอให้ครอบครัวข้าพเจ้าจงวิบัติ จงฉิบหาย ขอให้ข้าพเจ้าตายโหงไปพร้อมน้องชมพู่ด้วย
วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 วัดถ้ำภูผาแอก
คำสาบาน : ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการตาย ของเด็กหญิงอวรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ ขอให้ครอบครัวข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญ
ทั้งนี้สำหรับวัดทั้งสองแห่ง ถือเป็นวัดที่คนในท้องถิ่นให้ความเคารพนับถือ โดยมีประวัติและความสำคัญ ดังนี้
“วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร”
พระธาตุพนม ตั้งอยู่ภายใน วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยเป็นพระธาตุที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระธาตุที่เก่าแก่มากที่สุดในแว่นแคว้นอีสาน ซึ่งได้ถูกจารึกไว้ในภาพจิตรฝาหนังภายในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
ประวัติการก่อสร้างพระธาตุพนมนั้น ได้ถูกกล่าวไว้ว่า พระธาตุพนมเป็นที่ประดิษฐาน พระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ที่พระมหากัสสปะเถระได้นำมาประดิษฐานไว้ โดยองค์พระธาตุถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ประมาณปี พ.ศ. 8 โดยกษัตริย์ห้าองค์คือ พระยาจุฬณีพรหมทัต พระยานันทเสน พระยาอินทปัต พระยาคำแดง และพระยาสุวรรณภิงคาร พร้อมไพร่พล ในส่วนลวดลายที่เรือนธาตุนั้นตำนานเล่าว่าตกแต่งโดยพระอินทร์และเหล่าเทวดา มีแผ่นอิฐที่จำหลักลวดลายเป็นภาพกษัตริย์โบราณ ฝีมือช่างพื้นบ้าน ศิลปะสมัยทวารวดี หรือพุทธศตวรรษที่ 13-15 นับว่าเป็นพระบรมธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่ของภาคอีสาน
หลังจากนั้นพระธาตุพนมได้รับการบูรณะและอุปถัมภ์เรื่อยมา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2485 วัดพระธาตุพนมฯ ได้รับการยกฐานะเป็น พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร และต่อมาในวันที่ 11 สิงหาคม ปีพ.ศ. 2518 เกิดฝนตกหนักบวกกับความเก่าแก่ขององค์พระธาตุพระธาตุพนมจึงได้ทรุดพังทลายลง นำความเศร้าเสียใจมาสู่พุทธศาสนิกชน แต่ด้วยความศรัทธา องค์พระธาตุพนมจึงได้รับการบูรณะใหม่ซึ่งได้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522
ปัจจุบัน วัดพระธาตุพนม ยังได้รับการดำเนินการศึกษาและดำเนินงานขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในอนาคตอีกด้วย โดยอยู่ในขั้นตอนการเสนอองค์พระธาตุพนมเข้าสู่บัญชีเบื้องต้น หรือที่เรียกว่า Tentative List
“วัดถ้ำภูผาแอก”
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เป็นถ้ำที่เก่าแก่ ซึ่งพระอาจารย์ลิ้น ทีฆปญฺโญ (ทีคะปันโย) เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีความเพียร ได้ขึ้นไปอยู่รูปเดียวหลายปีโดยที่ไม่เป็นอะไร ทำให้ชาวบ้านเกิดความเคารพท่านและถือว่าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง
ชาวบ้านเคารพทั้งถ้ำและสถูปธาตุ (กระดูก) ของท่าน อีกทั้งเคยมีตำนานว่าบนเขาภูผาแอกมีเมืองบังบด (ลับแล) เคยมาใส่บาตรท่านอยู่
คนเฒ่าคนแก่ของหมู่บ้านกกกอก เปิดเผยว่า เมื่อสมัยก่อนเคยมีสามเณรขึ้นไปอยู่บนถ้ำภูผาแอกกับพระอาจารย์ลิ้น แต่สามเณรรูปนี้มีนิสัยเกเร ชอบเอาก้อนหินปาใส่นก ปาใส่สัตว์ ตกกลางคืนก็มีงูเหลือมตัวใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นงูเจ้าที่เลื่อยมาใต้กุฏิ สร้างความตกใจให้สามเณรมาก ๆ จนต้องวิ่งไปฟ้องพระอาจารย์ลิ้น ซึ่งพระอาจารย์ต้องพูดกับงูว่า “อย่ามาทำอะไรเด็กน้อย อย่ามาหลอกเด็กน้อย” เมื่อพูดดังนั้นงูเหลือมจึงยอมเลื่อยหนีไป
สำหรับวัดถ้ำภูผาแอก เป็นวัดป่าที่มีความเงียบสงบ อยู่บริเวณเนินผา ร่มรื่น เป็นสถานที่ที่ชาวบ้านในชุมชนให้ความเคารพนับถือ และเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงกว้างจากคดีของน้องชมพู่
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline