นครพนม - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นน้อมนำถวายพระสงฆ์ ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ได้ยอดจตุปัจจัยบำรุงพระพุทธศาสนากว่า 2,428,657.61 บาท
วันนี้ (12 พ.ย.) ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ประจำปี 2566 ให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นน้อมนำไปถวายแด่พระสงฆ์จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร โดยมี รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานในการประกอบพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและพระอารามหลวง
ตลอดจนเป็นการสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย โดยมีพระธรรมวชิรโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีนายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, รศ.ดร.นิยม วงศ์พงศ์คำ รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คณะหัวหน้าส่วนราชการ คณะครู อาจารย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน
เบื้องต้นมียอดจตุปัจจัยถวายพระราชกุศลทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ประกอบไปด้วย ถวายบำรุงและบูรณะพระอาราม 2,402,657.61 บาท ถวายองค์ครอง 5,000 บาท ถวายพระคู่สวด 2,000 บาท ถวายพระอันดับ 1,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,428,657.61 บาท
สำหรับวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ 183/13 ถนนชยางกูร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ปัจจุบันมีพระเทพวรมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เป็นเจ้าอาวาส ทั้งนี้ วัดพระธาตุพนมเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระธาตุพนม ตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำโขงประมาณ 600 เมตร เป็นปูชนียสถานที่คนไทยและคนลาวให้ความเคารพศรัทธา กราบไหว้สักการะมายาวนานนับหลายร้อยปี
เป็นโบราณสถานที่กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 หน้า 3687 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 ระวางแนวเขตพื้นที่ไว้ประมาณ 17 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวา ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 96 ตอนที่ 160 หน้า 3217 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2522 ซึ่งภายในบริเวณวัดมีโบราณวัตถุที่สำคัญหลายอย่างที่มีมาแต่ครั้งโบราณ เช่น บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ใช้ประกอบพิธีสรงน้ำพิพัฒสัตยาของกษัตริย์ทุกรัชกาล กะตึบหรือที่พักของพระอรหันต์รูปต่างๆ
ปัจจุบันพัฒนาเป็นเสนาสนะ เช่น หอพระนอน (พระปางไสยาสน์) ศาลาเจติยาภิรัตน์ นอกจากนี้ยังมีหลักศิลาและเสมาหินหรือที่เรียกเสาอินทขีล ที่มีตัวมอมเขียนเป็นปรัชญาสอนบุคคลที่จะเข้าวัดไปนมัสการพระธาตุพนมที่ต้องทำตัวให้สะอาด แต่งกายให้เหมาะสมกาลเทศะ โดยปัจจุบันวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารแห่งนี้กำลังอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก