ใครที่มีแผนท่องเที่ยวไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ขอแนะนำอีกหนึ่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ มีความน่ารักและเป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ “วัดโกโทคุจิ” (Gotokuji) หรือที่เรียกกันว่า “วัดแมวกวัก” นั่นเอง
ตำนานเกี่ยวกับแมวกวักในญี่ปุ่นมีอยู่หลายแหล่งหลายที่มาด้วยกัน แต่ที่มีให้เห็นเป็นตัวเป็นตนแสนจะน่ารักและอลังการมากที่สุดต้องยกให้ที่ “วัดโกโทคุจิ” วัดที่ตั้งอยู่ในเขตเซตางายะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ โดยเริ่มต้นจากสถานีชินจุกุ (Shinjuku) มองหารถไฟสายโอดาคิว (Odakyu Line) แล้วรถไฟจะพาเรามายังสถานีโกโทคุจิใช้เวลาราว 15 นาทีเท่านั้น
เมื่อออกมาจากสถานีก็รู้เลยว่ามาถูกที่เพราะจะมีแมวกวักสีขาวตัวโตมานั่งรออยู่แล้ว ออกจากสถานีมาแล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปตามถนนเส้นเล็กๆ อีกราว 10 นาที ก็จะถึงวัด ระหว่างทางเป็นย่านร้านค้าและบ้านเรือนที่เป็นระเบียบสะอาดสะอ้าน ซึ่งเขาก็พยายามแต่งบ้านและร้านให้เข้ากับตำนานของย่านนี้ด้วยการวางแมวกวักเพื่อตกแต่ง วาดลวดลายน่ารักๆ ของแมวเหมียวตามเสาไฟฟ้า ตามป้ายโฆษณาต่างๆ และแม้แต่รถไฟท้องถิ่นสายสั้นๆ ที่วิ่งในย่านนี้ก็ยังมีลวดลายบนขบวนรถไฟเป็นเจ้าแมวกวักสีขาวด้วยเช่นกัน
จากนั้นไม่นานก็มาถึงวัดโกโทคุจิ ประตูทางเข้าวัดด้านหน้าเป็นประตูไม้บานใหญ่ดูขรึมขลัง เดินเข้ามาภายในวัดทางซ้ายมือเป็นเจดีย์ไม้ 3 ชั้น ส่วนด้านหน้าเป็นวิหารหลังใหญ่ที่มีแท่นบูชาอยู่ด้านใน หากหันมาทางซ้ายมือ จะมองเห็นวิหารหลังเล็กเรียกว่าโชฟุคุเด็น (Shofukuden) หรือ Maneki Neko Hall ก็จะเริ่มเห็นแล้วว่ามีแมวกวักตัวขาวๆ ปลอกคอสีแดงนั่งกันให้เห็นด้านข้างซ้ายของอาคาร
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่านี่มันกองทัพแมวกวักชัดๆ รูปปั้นแมวสีขาวใส่ปลอกคอสีแดงและกระดิ่งสีทองนับพันๆ ตัวทั้งขนาดใหญ่ ขนาดเล็กและขนาดจิ๋วนั่งกันอยู่ที่นี่เอง แต่ละตัวหน้าตาท่าทางเหมือนกันหมดคือยกมือขวาขึ้นกวักข้างๆ หู น่าเอ็นดูเป็นที่สุด
สำหรับคนที่กำลังอยากรู้ว่าวัดโกโทคุจิเป็นต้นตำนานแมวกวักอย่างไร ทำไมจึงมีแมวกวักนับพันมาวางอยู่อย่างนี้ก็ต้องเล่าไปถึงประวัติของวัดที่เก่าแก่ไปถึงสมัยเอโดะ เล่ากันว่าแต่เดิมวัดนี้ก็เป็นวัดเล็กๆ โทรมๆ ไม่ได้มีสิ่งก่อสร้างอะไรใหญ่โต ที่วัดมีพระอยู่รูปหนึ่งใช้ชีวิตอยู่อย่างสมถะโดยมีรายได้เพียงน้อยนิด พระรูปนี้เลี้ยงแมวสีขาวไว้หนึ่งตัว คอยแบ่งอาหารให้กินและดูแลมันอย่างดี จนวันหนึ่งพระสงฆ์บอกกับแมวว่า "ถ้าเจ้ารู้สึกขอบคุณข้า จงไปนำพาความโชคดีมาสู่วัดของเรา"
หลังจากนั้นต่อมาอีกหลายเดือน วันหนึ่งในฤดูร้อน พระได้ยินเสียงดังขึ้นที่ประตูวัด เมื่อออกไปดูจึงพบซามูไร 5-6 คนเข้ามาที่วัดและมาพูดคุยกับพระว่าพวกเขากำลังกลับจากการเดินทาง แต่ระหว่างที่กำลังจะผ่านวัดนี้ไปก็มองเห็นแมวตัวหนึ่งนั่งอยู่ และอยู่ดีๆ แมวนั้นก็ยกมือขึ้นกวักเรียก เมื่อพวกเขาเห็นดังนั้นจึงรู้สึกประหลาดใจและทึ่งมาก จนตัดสินใจแวะเข้ามาพักที่วัดนี้ก่อน
ดังนั้นพระจึงเชื้อเชิญให้เหล่าซามูไรเข้ามานั่งพักและดื่มน้ำชา ทันใดนั้นท้องฟ้าข้างนอกก็ดำมืดไปด้วยเมฆฝน ไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างหนักพร้อมด้วยฟ้าคะนองรุนแรง ซามูไรต้องคอยอยู่ที่วัดเป็นเวลานานกว่าที่ฝนจะขาดเม็ด ระหว่างนั้นพระสงฆ์ได้พูดคุยและเทศนาธรรมให้ซามูไรได้ฟัง ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกเลื่อมใสศรัทธา
หนึ่งในคณะซามูไรได้บอกกับพระสงฆ์ว่า "ข้าชื่อนาโอทากะ อี้ (Naotaka Ii) เป็นผู้ปกครองเมืองฮิโคเนะ เนื่องจากแมวของท่านได้กวักมือเรียกทำให้พวกเราได้มาฟังคำเทศนาเหล่านี้ที่เหมือนเป็นการเปิดดวงตาของเรา นี่ต้องเป็นความตั้งใจของพระผู้เป็นเจ้า" และไม่นานหลังจากพวกเขาเดินทางกลับไป นาโอทากะ อี้ ได้บริจาคที่ดินเพื่อสร้างวัดให้ใหญ่โตสวยงามขึ้น และต่อมาจึงกลายเป็นวัดประจำตระกูลอี้อีกด้วย
ด้วยเจ้าแมวตัวนี้เองที่นำพาเอาความโชคดีมาสู่วัดแห่งนี้ เมื่อเจ้าแมวตายไปพระสงฆ์รูปนั้นได้สร้างสุสานให้ และต่อมาจึงได้สร้างรูปปั้นแมวกำลังทำท่ากวักมือเพื่อเป็นที่ระลึกและอนุสรณ์ของเรื่องราวเหล่านี้ จนมาถึงปัจจุบัน ชาวญี่ปุ่นจึงถือว่าวัดแห่งนี้ช่วยบันดาลความสงบสุข ความสำเร็จในกิจการต่างๆ และสมหวังดังปรารถนา และเป็นเรื่องราวสืบต่อมาว่าแมวกวักจะนำพาเอาความโชคดี และเงินทองมานั่นเอง
ปัจจุบันในวัดยังมีสุสานของนาโอสุเกะ อี้ ทายาทของตระกูลอี้ ผู้มีบทบาทสำคัญในการเปิดประเทศญี่ปุ่นเมื่อประมาณ 250 ปีที่แล้วอยู่ด้วย
ได้ทราบที่มาของตำนานแมวกวักกันไปแล้ว คราวนี้มาดูกันว่าเจ้าแมวกวักสีขาวมากมายมหาศาลที่วัดแห่งนี้มาได้อย่างไร ก็เนื่องจากชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับแมวกวักของวัดนี้จึงมีผู้คนมากมายเดินทางมาเพื่อขอพรที่วัด ทางวัดได้ทำรูปปั้นแมวสีขาวปลอกคอสีแดงเหล่านี้ขึ้นจากปูนปั้นเพื่อให้คนที่มาวัดได้นำกลับไป และเมื่อคนเหล่านั้นขอพรได้สมหวังอย่างที่ตั้งใจก็จะนำรูปปั้นแมวมาวางไว้ที่วัดคล้ายกับเป็นการแก้บนนั่นเอง ดูจากจำนวนรูปปั้นแมวที่มากมายมหาศาลเหล่านี้แล้วคาดว่าต้องมีคนสมหวังกันไม่น้อยเลยทีเดียว
ถ้าใครอยากลองมาขอพรที่วัดโกโทคุจิดูก็สามารถเดินทางมาได้ ถ้าอยากบนด้วยแมวกวักด้วยก็ให้ไปติดต่อสำนักงานของวัดที่มีป้ายแมวกวักอยู่หน้าอาคาร เข้าไปแล้วจะมีแมวกวักให้เลือกหลายขนาดทั้งใหญ่เบิ้ม ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ขนาดจิ๋ว เป็นพวงกุญแจก็มี เลือกขนาดที่ต้องการพร้อมกับจ่ายเงิน แล้วเดินมาที่ Maneki Neko Hall เพื่อมาตั้งจิตอธิษฐานขอพร แล้วสั่นกระดิ่งให้เทพเจ้าได้ยิน และถ้าพรที่ขอนั้นสำเร็จก็อย่าลืมเอาแมวกวักมาวางไว้ที่ข้างวิหารหลังนี้ด้วยล่ะ นอกจากนั้นแล้วยังมีแผ่นไม้เขียนคำอธิษฐานหรือเอมะ (Ema) ที่เป็นรูปแมวกวักให้เขียนขอพรได้อีกด้วย
แต่ถ้าใครมาเพื่อมาชมบรรยากาศของวัดอย่างเดียวก็สามารถเดินชมได้เลย รับรองว่าจะต้องทึ่งกับกองทัพแมวหน้าตาน่ารักที่วางอยู่เต็มชั้นวางที่ทางวัดเตรียมไว้ แม้ดูเผินๆ แมวเหล่านี้จะหน้าตาเหมือนกันหมด แต่จริงๆ แล้วแต่ละตัวก็มีรายละเอียดของดวงตา ของหนวดที่แตกต่างกันอยู่นิดหน่อย
ถ้าใครเป็นทาสแมวแล้วได้มาเที่ยวกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ขอบอกว่าไม่ควรพลาด "วัดโกโทคุจิ" เป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline