“บาหลีตอนใต้” เที่ยวเมืองริมทะเล เดินเล่นดูพระอาทิตย์ตกยามเย็น ชมวัดเก่าแก่ของบาหลีที่ตั้งอยู่บนผาสูงริมทะเล พร้อมการแสดงพื้นบ้าน ห้ามพลาดชมพระวิษณุทรงครุฑองค์ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย
หากใครเดินทางมาเที่ยว “บาหลี” ประเทศอินโดนีเซีย จุดแรกที่จะได้สัมผัสกับบาหลีก็คือที่ “สนามบินนานาชาติงูระห์ ไร” ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะบาหลี โดยสนามบินแห่งนี้ตั้งชื่อตาม อี กุซตี งูระฮ์ ไร วีรบุรุษแห่งชาติอินโดนีเซีย ซึ่งเมื่อมาถึงสนามบินแห่งนี้แล้ว ก็สัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของบาหลีได้ในทันที
และทางตอนใต้ของเกาะบาหลี ใกล้ๆ กับสนามบินแห่งนี้ ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ถ้าได้มองจากสนามบินเข้ามาที่ตัวเมือง ก็จะได้เห็นประติมากรรมสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน มองเห็นได้จากที่ไกลๆ ซึ่งนี่ก็คือ “อุทยานวัฒนธรรม Garuda Wisnu Kencana” เป็นที่ตั้งของประติมากรรมพระวิษณุ (พระนารายณ์) ทรงครุฑขนาดใหญ่ ความสูง 121 เมตร สูงที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย
ประติมากรรมนี้ถูกสร้างโดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อในศาสนาฮินดู เรื่องราวเกี่ยวกับการตามหาน้ำอมฤต ครุฑยอมเป็นพาหนะของพระวิษณุเพื่อออกตามหาน้ำอมฤต โดยแลกกับการใช้น้ำอมฤตนั้นเพื่อปลดปล่อยแม่ของตนที่เป็นทาส
พระวิษณุทรงครุฑองค์นี้สร้างแล้วเสร็จเมื่อกลางปี 2561 และเปิดให้เข้าชมในปีเดียวกัน ซึ่งพื้นที่อุทยานรอบๆ มีการตกแต่งสวยงาม มีทั้งโซนร้านอาหาร ร้านขายของ ประติมากรรมอื่นๆ ละยังมีลานกว้างที่เกิดจากการตัดแต่งภูเขา เพื่อใช้สำหรับจัดงานเลี้ยงและกิจกรรมสำคัญ และก็มีงานใหญ่ๆ ที่เคยจัดขึ้นที่นี่หลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีของวงดนตรีชื่อดังระดับโลก หรือการต้อนรับผู้นำจากทั่วโลก ในการประชุม G20 เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา
ทางตอนใต้ของเกาะบาหลี เต็มไปด้วยชายหาดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นอกจากหาดคูตาอันมีชื่อเสียงแล้ว ใกล้ๆ กับอุทยานวัฒนธรรมก็มี 2 หาดที่น่าแวะเที่ยวคือ “หาดปันดาวา” หาดทรายสีขาว น้ำทะเลใส หนึ่งในชายหาดสำหรับพักผ่อนแบบสบายๆ พร้อมพายคายัค หรือจะนั่งชิลๆ ริมทะเลก็ได้
อีกหาดคือ “หาดทานาห์ บารัค” ที่มีความพิเศษตรงทางเข้า จะต้องผ่านกำแพงหน้าผาหินปูนขนาดใหญ่ ที่เหมือนก้าวจากโลกหนึ่งไปสู่อีกโลกหนึ่งที่มีความสดใสของน้ำทะเลสีสวยและท้องฟ้าสีคราม
และทางตอนใต้ของบาหลีนี้ อีกหาดที่ห้ามพลาดคือ “หาดจิมบารัน” ชายหาดขาวด้วยเม็ดทรายละเอียดตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียว พร้อมฉากหลังของพระอาทิตย์อัสดงที่สวยงาม
จิมบารัน เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติงูระห์ ไร แบบที่หากว่ายืนอยู่ริมชายหาดก็จะสามารถมองเห็นเครื่องบินขึ้น-ลงพร้อมวิวทะเลได้เลย
นอกจากความสวยงามของชายหาดทั้งในยามกลางวันและช่วงพระอาทิตย์ตกยามเย็นแล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นอีกจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่รักการกินอาหารทะเล ถ้าได้มาเที่ยวที่หาดจิมบารัน ก็ต้องลองชิมอาหารทะเลย่างในสไตล์บาหลี ในร้านอาหารริมชายหาดที่มีให้เลือกหลายร้าน แต่ละร้านตกแต่งและขายอาหารในแบบที่ใกล้เคียงกัน และบางร้านอาจจะมีการแสดงแบบบาหลีเป็นตัวเสริม
และทางตอนใต้สุดของบาหลี ก็เป็นที่ตั้งของหนึ่งใน6 วัดใหญ่ในบาหลี เป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญอย่างมาก นั่นคือ “วัดอูลูวาตู” ที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงริมหน้าผา ล้อมรอบไปด้วยทะเล
ตามประวัติของวัด สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 11 บนหน้าผาหินริมทะเลที่มีความสูงกว่า 70 เมตร สร้างขึ้นเพื่อ ทิศให้กับ ซัง ฮียัง วีดี วาซา เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดูแบบบาหลี ในรูปปางอวตารเป็นพระรุทร (เทพแห่งลม พายุ และการล่า) โดยชาวบาหลีเชื่อว่าวัดแห่งนี้ทำหน้าที่ปกป้องบาหลีให้พ้นจากวิญญาณชั่วร้าย
มาเดินชมวัดแห่งนี้แล้ว ต้องไม่พลาดไฮไลต์ของที่นี่คือการรอชมพระอาทิตย์ตก ที่ดวงอาทิตย์จะค่อยๆ หายลงไปในทะเล พร้อมเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาหน้าผาตลอดเวลา
และเมื่ออยู่ชมพระอาทิตย์ยามเย็นแล้ว ต้องไม่พลาดการรอชม “ระบำเคชัก” (Kecak Dance) หรือ “ระบำลิง” บริเวณลานกว้างริมทะเล ซึ่งในช่วงเวลาที่มีการแสดงนั้นจะเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกไปจนถึงช่วงที่มืดสนิท จึงทำให้บรรยากาศยิ่งงดงามมากขึ้นไปอีก
ระบำเคชัก เป็นการแสดงที่มีชื่อเสียงอย่างมากของบาหลี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การแสดงจะไม่มีเครื่องดนตรีใดๆ แต่อาศัยทำนองจากการประสานเสียงของผู้แสดงราว 70 คน ซึ่งการระบำนี้มาจากการเต้นรำอันศักดิ์สิทธิ์ ที่นักเต้นคนหนึ่งถูกวิญญาณเข้าสิง และสื่อสารกับเทพเจ้าได้ โดยนักเต้นจะเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดคำพูดของเทพเจ้ามาสู่คนทั่วไป
เรื่องราวที่ทำการแสดงเป็นเรื่องที่มาจากวรรณกรรมรามเกียรติ์ ตอนที่พระรามยกทัพลิงมาช่วยนางสีดาที่เกาะลังกา มีตัวละครเอกอย่างพระราม นางสีดา และลิง ทำการแสดงอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยคณะประสานเสียง เป็นการแสดงที่ดูศักดิ์สิทธิ์ งดงาม จนเป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มาชม ซึ่งหากใครอยากเข้ามาชม จะต้องจองบัตรล่วงหน้าเท่านั้น
มาเที่ยวที่นี่แล้ว ช่วงเช้าๆ แนะนำให้ไปเดินเล่นชม “ตลาดเช้า” ที่แม้จะเป็นตลาดเล็กๆ ก็ทำให้เราได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของคนบาหลีได้แบบแท้จริง ตัวตลาดเล็กๆ อาจจะไม่ได้แตกต่างจากที่เมืองไทยนัก มีการขายปลาสดๆ ผักผลไม้หลากชนิด ของกินของใช้ต่างๆ ขนมหวาน หรือแม้แต่อาหารเช้าง่ายๆ อย่างสะเต๊ะ เป็นสะเต๊ะไก่ไม้เล็กๆ ที่หอมชวนกิน มาพร้อมกับน้ำจิ้มถั่วรสชาติเข้มข้น กินคู่กับก้อนแป้งนึ่ง เป็นอาหารเช้าที่อร่อยและอิ่มท้องดีทีเดียว
อีกร้านในตลาดที่น่าสนใจคือ ร้านขาย “จานังซารี” หรือกระทงและเครื่องที่ใช้เซ่นไหว้เทพเจ้าและผีบรรพชน ในกระทงที่ทำจากใบมะพร้าวจะมีทั้งดอกไม้หลากสี และอาหารเล็กๆ น้อยๆ คนบาหลีที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดูในแบบบาหลี ในทุกๆ วันก็จะมีการเซ่นไหว้เทพเจ้า บรรพบุรุษ ศาลพระภูมิ หรือแม้แต่พื้นดิน จึงทำให้ในตลาดมีร้านขายของที่อำนวยความสะดวกในการเซ่นไหว้แบบนี้
เที่ยวในโซนจิมบารัน ก็มีที่พักสบายๆ ชวนให้มาพักผ่อน “โรงแรม เบสท์ เวสเทิร์น คามาลา จิมบารัน” ประกอบด้วยห้องพัก 120 ห้อง ไม่ว่าจะเป็นแบบซูพีเรีย ดีลักซ์ เอ็กเซคคูทีฟ และจูเนียร์ สวีท 2 ห้อง โดยบางห้องจะมองเห็นเทวรูปพระวิษณุทรงครุต (หรือนารายณ์ทรงสุบรรณ) พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมสัมมนา สระว่ายน้ำ สปา บาร์บริเวณล็อบบี้ และห้องอาหาร “คามาลา” ที่ให้บริการอาหารนานาชนิด รวมถึงอาหารพื้นเมืองบาหลีในบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าให้ได้ลิ้มลองด้วยเช่นกัน
โรงแรมตั้งอยู่ใกล้อุทยานวัฒนธรรม Garuda Wisnu Kencana และชายหาดจิมบารัน อีกทั้งยังห่างจากวัดอูลูวาตู เพียง 20 นาที และใช้เวลาเดินทาง 30 นาที สู่สนามบินนานาชาติงูระห์ไร ด้านหน้าโรงแรมมีตลาดเช้าเล็กๆ ที่เปิดขายตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 – 10.00 น. และในย่านโรงแรมยังมีร้านอาหารท้องถิ่นให้เลือกมากมาย ทั้งในช่วงกลางวันและช่วงค่ำ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ โทร. (+62) 36 1446 3208
เว็บไซต์bestwestern.com/best-western-kamala-jimbaran
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline