จากบ้านเก่าอายุกว่า 125 ปี ริมถนนดินสอ สู่โรงแรมสุดเก๋ “Baan Tuk Din” ที่เมื่อเดินเข้ามาด้านในแล้วก็รู้สึกราวกับหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง ทุกมุมเต็มไปด้วยความคลาสสิกผสมผสานไปกับเฟอร์นิเจอร์วินเทจ และของสะสมจากทั่วโลก
อีกหนึ่งย่านเก่าของกรุงเทพฯ คือ “ถนนดินสอ” ที่ทุกวันนี้ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็นตึกแถวริมถนน อาหารการกินที่เป็นร้านดังมายาวนานหลายสิบปี ไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้เคียง ก็นับว่าเป็นย่านที่น่าสนใจไม่น้อย
และถึงแม้จะเป็นถนนเส้นสั้นๆ แต่ที่นี่ก็ยังมีโรงแรมสุดเก๋ที่ซ่อนตัวอยู่ รอให้ทุกคนเปิดประตูเข้ามาสู่โลกแห่งการพักผ่อนอย่างรื่นรมย์
“Baan Tuk Din” (บ้านตึกดิน) คือบูทีคโฮเทลแสนเก๋และคลาสสิก จากบ้านเก่าอายุกว่า 125 ปี และด้านหน้าที่เป็นอาคารพาณิชย์ 4 ห้องแถว สู่การเป็นโรงแรมที่พักที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจและของสะสมจากทั่วโลก
แต่เดิม “บ้านตึกดิน” เป็นอาคารหลังใหญ่ สถาปัตยกรรมแบบยุโรป สร้างขึ้นราวสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยตระกูลแสง-ชูโต ประกอบด้วย ตึกใหญ่ เป็นอาคารตึก 2 ชั้น ทาสีเหลืองขมิ้นอ่อน และ เรือนคุณย่า ซึ่งเป็นเรือนไม้แบบเรือนมนิลา ใต้ถุนยกสูง หลังคาปั้นหยาแบบเปิดบางส่วนให้มีหน้าจั่ว (เหตุที่ชื่อ “บ้านตึกดิน” เนื่องจากในสมัยก่อน บริเวณถนนดินสอ เป็นชุมชนที่ส่งออกดินปืนและดินระเบิด จึงถูกเรียกว่า ชุมชนบ้านตึกดิน)
ภายหลังปี พ.ศ.2475 ครอบครัวได้ย้ายออกจากตึกใหญ่มาอยู่ที่เรือนคุณย่า ก่อนที่จะนำโฉนดบ้านตึกใหญ่ถวายคืน รัชกาลที่ ๗ (ปัจจุบันตึกใหญ่ไม่เหลือสภาพแล้ว) จากนั้น เรือนคุณย่าก็มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด จนกระทั่งถูกพลิกฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง สู่การเป็นบูทีคโฮเทลในปัจจุบัน
เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านใน ก็สัมผัสได้ถึงความคลาสสิกในทุกมุม ตั้งแต่โครงสร้างดั้งเดิมที่ถูกอนุรักษ์ไว้ จั่ว โครงเสา ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไปจนถึงกำแพง โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ หีบใบใหญ่ ฯลฯ ก็ล้วนแต่เป็นของสะสมที่ ราจิต แสง-ชูโต ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลแสง-ชูโต ตระเวนซื้อและเก็บสะสมมาจากทั่วโลก และยังรวมไปถึงโครงกระดูกสัตว์ที่มีอยู่ทั้งบริเวณโถงทางเดิน และห้องหนังสือ เป็นของสะสมที่เริ่มจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยงและอยากเก็บสิ่งที่รักไว้ โดยโครงกระดูกทั้งหมดนี้ได้มาอย่างถูกกฎหมายและมีใบอนุญาตทั้งสิ้น
ในส่วนของห้องพักนั้น แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ Deluxe ที่ตั้งอยู่บริเวณตึกด้านหน้า สามารถมองเห็นวิวถนนดินสอและตึกแถวรอบๆ ได้จากในห้อง Premier ห้องนี้จะมีห้องอาบน้ำและห้องน้ำแยกฝั่งกัน ส่วนเตียงอยู่บริเวณกึ่งกลางห้อง ซึ่งสามารถมองผ่านหน้าต่างออกไปเจอวิวถนนดินสอ
Junior Suite ความพิเศษอยู่ตรงที่เป็นห้องมุมแปดเหลี่ยม เป็นความคลาสสิกแบบบ้านโบราณ พร้อมเครื่องเรือนที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นน่าพักผ่อน Duplex ห้องพักแบบ 2 ชั้น ที่ไฮไลต์อยู่ตรงบันไดวน ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น ชั้นบนเป็นห้องนอน The Royal Suite เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุด หากเข้ามาด้านในก็จะเป็นซุ้มโค้งที่ก่อด้วยอิฐมอญ มีหีบขนาดใหญ่ โซฟาหนัง และโคมไฟวินเทจ ส่วนสิ่งที่ทุกห้องมีเหมือนกันคือเตียงหนานุ่มนอนสบาย ที่เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนบนชั้นสองที่เดิมเคยเป็นชานระเบียง ก็ถูกปรับมาเป็นห้องหนังสือ เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ อ่านหนังสือ จิบเครื่องดื่มอร่อยๆ สักแก้ว หรือใครที่ต้องทำงาน ก็สามารถใช้ห้องนี้เป็นห้องทำงานบรรยากาศอบอุ่น ช่วยเติมไฟให้กับการทำงานได้ไม่น้อย
นอกจากจะมานอนพักผ่อนแล้ว ที่นี่ก็ยังมีทั้ง “Shaloba” โซนร้านกาแฟที่มีความโดดเด่นที่ Sand Coffee และเมล็ดกาแฟที่คัดสรรมาอย่างดี “Din Restaurant and Jazz Bar” ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารไทยแบบโฮมคุกกิ้งรสมือแม่ และอาหารฝรั่งรสชาติถูกปากคนไทย รวมถึงการเป็น Jazz Bar สุดเก๋ ที่ชวนรื่นรมย์ไปกับเครื่องดื่มและเสียงเพลง (คลิก!! อ่านรีวิว Din Restaurant and Jazz Bar)
อีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาพักผ่อนที่นี่คือ การเดินสำรวจย่านถนนดินสอ-เสาชิงช้า แวะเที่ยวย่านเก่า ไหว้พระ และชิมของอร่อย ที่บอกเลยว่าจะต้องหลงเสน่ห์ในย่านเก่าแห่งนี้แน่นอน
* * * * * * * * * * * * * *
“Baan Tuk Din” ตั้งอยู่บนถนนดินสอ เขตพระนคร กทม. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2468-8644 www.baantukdinhotel.com Facebook : Baan Tuk Din Hotel
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline