จากกระแสดราม่าว่ามีการย้าย "พลายประตูผา" จากวัดเดิมไปไว้อีกที่หนึ่ง เลี่ยงการเจอกับคณะจากไทย ล่าสุดทางเพจหน่วยงานช้างศรีลังกาออกมาแจง ช้างเพียงตกมันเท่านั้น และยังอยู่เขตของวัดพร้อมคณะแพทย์ดูแลใกล้ชิด
เฟซบุ๊กเพจ Voice For Elephants Sri Lanka ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำงานด้านช้างของศรีลัง ได้ออกมาเปิดเผยคลิปล่าสุดของ "พลายประตูผา" ที่ตามในคลิปมีอาการคล้ายตกมัน และได้ย้ายมาอยู่ที่วัด Suduhumpola Royal ในเมืองแคนดี้ ห่างจากวัด Sacred Tooth Relic Kandy (วัดพระเขี้ยวแก้ว) วัดเดิมที่พลายประตูอยู่ประจำไปราว 2 กิโลเมตร
และเพจดังกล่าวยังได้ชี้แจงว่า ทางคณะทูตของไทยได้มีการตรวจสอบแล้วว่าพลายประตูผามีร่างกายแข็งแรง แต่กำลังอยู่ในอาการตกมัน ทางวัดจึงขอพาออกนอกพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ภายในทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ
ทางเพจยังได้บอกอีกว่า การที่มีกระแสปล่อยข่าวว่าทางวัดกีดกันไม่ให้คณะจากไทยเข้าพบช้าง หรือย้ายพ่อพลายไปซ่อน หรือช้างมีร่างกายทรุดโทรมนั้น ไม่เป็นความจริง พลายประตูผาเพียงแค่ชราตามวัยและอยู่ในอาการตกมันเท่านั้น
ด้านอาจารย์เดวิด บุญทวี นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ได้โพสต์เฟซบุ๊กชื่อ david boonthawee เป็นข้อมูลเพิ่มเติมว่า
วัดศรีดาลดา มาลิกาวา หรือวัดพระเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา เป็นวัดโด่งดังที่ทัวร์ไทยที่จัดไปศรีลังกา จะต้องพาไปเยี่ยมชมทุกคณะ
แน่นอนว่าเงินบริจาค เงินทำบุญต่างๆ หลั่งไหลเข้าวัดแห่งนี้แต่ละปีมากมายมหาศาล (ซึ่งก็เป็นธรรมดาของวัดดัง)
ยิ่งมีพิธีแห่พระเขี้ยวแก้ว (อ้างว่าเป็นพระทันตธาตุเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า) ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้สาธุชนท่วมท้นไปด้วยจิตศรัทธา พร้อมใจกันทำบุญสุนทรทานกันเป็นที่น่าปลาบปลื้ม
แต่เชื่อหรือไม่ว่า วัดดังแห่งนี้เลี้ยง "พลายประตูผา" ด้วย "อาหารชั้นเลวสำหรับช้าง" นั่นก็คือ ทางมะพร้าว ทางต้นปาล์ม หรือแม้แต่ใบขนุน ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของช้างอย่างยิ่ง
(ที่ไทยเราเลี้ยงช้างด้วยกล้วย อ้อย หญ้า ซึ่งถือเป็นอาหารอ่อน ดีต่อสุขภาพของช้าง แต่แน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายมากกว่า)
นี่คือเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะวัดดังแห่งนี้อยู่ในฐานะที่จะเลี้ยงดูช้างระดับทูตสันถวไมตรีได้เป็นอย่างดี แต่กลับทำในสิ่งที่แทบจะตรงกันข้าม
แม้วัดดังแห่งนี้จะออกมาแก้ข่าวว่าไม่เป็นความจริงก็ตาม แต่ ...
.
ดร.ชญาน์นันท์ อัศวธรรมานนท์ อาจารย์ประจำสาขาพระพุทธศาสนา-วิทยาลัยสงฆ์ที่ศรีลังกา ซึ่งเป็นผู้ออกตามหาพลายประตูผาจนพบ และขอให้ผู้เกี่ยวข้องช่วยพาพลายประตูผากลับไทย จากสภาพถูกล่ามโซ่ที่ขา กัดผิวจนมีบาดแผล
ต่อมา ดร.ชญาน์นันท์ ได้โพสต์ว่า สัตวแพทย์ได้แจ้งให้ทราบว่าพลายประตูผาอายุมากแล้ว (49 ปี) หากขนย้ายจะเสี่ยงอันตรายเกินไป
ทางที่ดีที่สุดคือให้ไทยส่งสัตวแพทย์ที่ชำนาญเรื่องช้างไปดูแลประตูผาที่ศรีลังกา ซึ่งคุณกัญจนาก็ได้ดำเนินการเรื่องนี้อยู่
ล่าสุด ดร.ชญาน์นันท์ ได้แจ้งเพิ่มเติมว่า พลายประตูผา ซึ่งถูกย้ายไปอยู่วัดซูดูฮูมโปลา ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี สมฐานะ (ตามมาตรฐานของที่นั่น) และอยู่อย่างสุขสบายดี ไม่ต้องห่วง
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline