เที่ยวหน้าฝนแบบเย็นฉ่ำใจ มีที่เที่ยวสวยๆ และกิจกรรมสนุกๆ หลากหลายให้ได้เพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็น ดูดอกไม้สวยที่ออกดอกในช่วงฤดูฝน เที่ยวนาขั้นบันได สดชื่นกับน้ำตก และล่องแก่งสุดตื่นเต้น
ช่วงกรีนซีซั่นที่มีฝนชุ่มฉ่ำ หลายคนอาจจะบอกว่าไม่เหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยว แต่ในบางจุด บางแหล่งท่องเที่ยว ก็ต้องอาศัยความชุ่มฉ่ำของน้ำฝน ที่จะช่วยให้มีความงดงาม และเป็นเพียงช่วงเดียวของปีที่จะเที่ยวได้สนุกสนาน โดยเฉพาะป่าเขา ต้นไม้ และดอกไม้ ที่ดูจะเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำเป็นพิเศษ จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ในช่วงฤดูฝน
และนี่คือ “4 กิจกรรมเที่ยวหน้าฝน” ที่กรีนซีซั่นนี้ไม่ควรพลาด
ดูดอกไม้ป่าหน้าฝน
พอฤดูฝนมาเยือน ก็นำพาเอาความชุ่มฉ่ำเขียวขจีมาสู่ผืนป่า สายฝนเหล่านี้ยังปลุกให้ดอกไม้ป่าที่หลับใหลอยู่ในพื้นดินได้ตื่นฟื้นคืน เพื่อมาแต่งแต้มสีสันของฤดูฝนให้สวยงามมากยิ่งขึ้น โดยในแต่ละปีจะมีดอกไม้ป่าแสนสวยให้ได้ชมกันหลายแห่ง เช่น
“ดอกกระเจียว” หรือ “บัวสวรรค์” ได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งป่าฝน” สามารถไปชมความงามของดอกกระเจียวกันได้ที่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต และ อุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ คาดว่าช่วงที่บานมากที่สุดคือราวต้น-กลางเดือน ส.ค.
“ดอกหงอนนาค” คือนางเอกของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ที่จะเบ่งบานอวดโฉมความงามในช่วงฤดูฝนอันสดชื่นประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย.
“เอื้องนวลจันทร์” หรือ "ดอกเหลืองพิศมร" ดอกไม้ป่าแสนสวย นางเอกของ "ทุ่งโนนสน" อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง นอกจากนี้ ดอกไม้ป่าที่ทุ่งโนนสนยังมีอีกหลากหลาย อาทิ ดอกจอกบ่วายหรือหยาดน้ำค้าง ดอกกระดุมเงิน กระดุมทอง จุกนกยูง ข้าวตอกฤาษี สิงโตสมอหิน สิงโตรวงข้าว สิงโตกลอกตา (กล้วยไม้ป่าที่พบเห็นได้ยาก) สร้อยสุวรรณา ดุสิตา เอื้องม้าวิ่ง เอื้องบายศรี เอื้องมัน ฯลฯ สามารถชมได้ในช่วงปลายฝนต้นหนาวราวเดือนตุลาคม
นาขั้นบันได
ช่วงฤดูฝนราวเดือนกรกฎา-สิงหาคม เป็นต้นมา ชาวนาในหลายๆ พื้นที่ได้เริ่มหว่านดำข้าวกล้าในนาอันเป็นวัฏจักรตามปกติของเกษตรกร จวบจนใกล้จะเข้าสู่เดือนกันยายน ต้นข้าวเหล่านั้นก็กำลังเขียวขจีมองแล้วสบายตาสบายใจเป็นที่สุด
สำหรับในภาคเหนือซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาที่มีความลาดชันจึงยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้นาข้าวมากขึ้นไปอีกเพราะเป็น “นาขั้นบันได” ซึ่งเป็นภูมิปัญญาในการทำนาบริเวณภูเขา เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเพาะปลูก และยังเป็นการรักษาหน้าดินไม่ให้ถูกกัดเซาะหรือชะล้างไป
ซึ่งที่ภาคเหนือก็มีหลายแห่งที่สามารถชมนาขั้นบันไดสวยๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น “บ้านป่าบงเปียง” ไฮไลต์นาขั้นบันไดแห่งแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มองเห็นทุ่งนาแผ่กว้างไกลออกไป มีกระท่อมหลังน้อยแทรกตัวอยู่ในนาข้าว เบื้องหน้าเป็นภูเขาสลับซับซ้อน
“บ้านแม่กลางหลวง” อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ทุ่งนาขั้นบันไดบริเวณนี้เป็นผืนกว้างสวยงามเขียวขจี มีฉากหลังเป็นภูเขาสูงให้ได้ถ่ายรูปกันแบบสวยงาม โดยเฉพาะในยามที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องยิ่งเขียวสดใส
“บ้านดง” อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ในช่วงฤดูฝนทุ่งนาขั้นบันไดที่นี่จะดูเขียวจีสดสวยสบายตา ขณะที่ในช่วงยามเช้าไปจนถึงช่วงสายๆ จะมีสายหมอกฝนลอยไต่ไล่เลี่ยปกคลุมยอดเขา เป็นฉากหลังประดับทุ่งนาดูสวยงามโรแมนติกชวนฝันเป็นยิ่งนัก
เที่ยวน้ำตก
“น้ำตก” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ เพราะจะเป็นช่วงที่น้ำตกมีน้ำเยอะมากที่สุด และบรรยากาศของธรรมชาติโดยรอบจะชุ่มฉ่ำ เขียวขจีเป็นอย่างมาก
และน้ำตกสวยๆ ของเมืองไทยก็มีหลายแห่ง เช่น “น้ำตกทีลอซู” เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จ.ตาก เกิดจากลำห้วยกล้อทอที่อยู่ด้านบน ซึ่งได้ไหลมารวมกัน และไหลตกลงมายังช่องเขาขาดที่สูงประมาณ 300 เมตร กว้างประมาณ 500 เมตร เกิดเป็นน้ำตกทีลอซูอันสวยงามอลังการ ได้รับการยกย่องจากคนส่วนใหญ่ให้เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในเมืองไทย (ในปี 2566 นี้ มีประกาศปิดการท่องเที่ยวน้ำตกทีลอซู ตั้งแต่ 1 ก.ค.- 31 ส.ค. 66)
“น้ำตกเอราวัณ” อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี น้ำตกมี 7 ชั้นด้วยกัน โดยชั้น 7 ภูผาเอราวัณ ถือเป็นชั้นไฮไลต์ของน้ำตกเอราวัณเลยทีเดียว ตรงจุดนี้สายน้ำตกไหลลงมาจากหน้าผาสูงที่ต้องแหงนมองคอตั้งบ่า เมื่อน้ำตกไหลลงมายังก้อนหิน (โดยเฉพาะเวลาที่น้ำมาก) จะมีลักษณะคล้ายช้างสามเศียรหรือช้างเอราวัณ จนเป็นที่มาของชื่อน้ำตกและชื่ออุทยานแห่งชาติเอราวัณนั่นเอง
"น้ำตกพลิ้ว" อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว จ.จันทบุรี น้ำตกพลิ้ว เกิดจากการไหลทิ้งตัวลงมาจากผาสูงราว 20 เมตร ลงมาสู่แอ่งน้ำใสขนาดใหญ่ มีความลึกราว 2 เมตร เป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวที่มาแหวกว่ายรับความเย็นกับสายน้ำ และมาว่ายน้ำเล่นกับ “ปลาพลวงหิน” หรือ “ปลาพลวง” ตัวสีดำเป็นเงาว่ายนิ่งๆ อยู่ในธารน้ำใส เป็นสัญลักษณ์คู่กับน้ำตกพลิ้วนั่นเอง
ล่องแก่ง
กิจกรรมยามหน้าฝนกับสายน้ำที่ไม่ควรพลาดอีกหนึ่งอย่างก็คือ “ล่องแก่ง” ด้วยสายน้ำที่มีปริมาณมากขึ้นในช่วงนี้ ก็ทำให้การล่องแก่งนั้นสนุกสนานตื่นเต้นมากขึ้น ยิ่งหากว่าใครชื่นชอบกิจกรรมแอดเวนเจอร์ในสายน้ำ ต้องห้ามพลาดกับการล่องแก่งสุดสนุกในเมืองไทย ที่มีอยู่หลายแห่ง เช่น
“ล่องแก่งน้ำเข็ก” อ.วังทอง จ.พิษณุโลก โดยปกติแล้วลำน้ำเข็กจะเป็นสีขาวใสในช่วงหน้าแล้ง แต่จะเปลี่ยนเป็นสายน้ำสีน้ำตาลแดงไหลเชี่ยวกรากมากไปด้วยแก่งต่างๆ ในช่วงหน้าน้ำ ราวเดือนกรกฎาคม-ตุลาคมของทุกๆ ปี จุดเด่นคือแก่งที่นี่มีความมันครบตั้งแต่ระดับ 1-5 จากน้ำนิ่งไปจนถึงน้ำไหลเชี่ยวกราก โดยเส้นทางล่องเรือยางมีระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำ) โดยเรือจะล่องไปยังบริเวณตอนบนของน้ำตกแก่งซอง ผจญฝ่าแก่งต่างๆ จำนวน 15 แก่ง
“ล่องแก่งหินเพิง” อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี กิจกรรมล่องแก่งหินเพิงเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศยอดนิยมของคนรักการผจญภัย โดยล่องผ่านแก่งต่างๆ ที่มีระดับความยากง่ายของสายน้ำอยู่ที่ 3-5 แก่งหินเพิงจะสวยงามมากที่สุดในยามน้ำหลาก ฤดูฝนจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการล่องแก่งหินเพิง (ราวเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม)
ฤดูฝน-กรีนซีซั่นนี้ เตรียมตัวเตรียมใจกันให้พร้อม แล้วเก็บกระเป๋าออกเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติชุ่มฉ่ำให้ชื่นใจ
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline