พาย้อนรอยไปรู้จักกับ “เสือวิจิตร” เสือโคร่งดาวดัง แห่งผืนป่าห้วยขาแข้ง ที่ล่าสุดเสียชีวิตกลางป่าแม่วงก์ กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานของเสือเมืองไทย โดยซากจะเก็บไว้เพื่อศึกษาวิจัยต่อไป
การจากไปของ “เสือวิจิตร” หรือ “เสือโคร่งวิจิตร” ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าแห่งวงการสัตว์ป่าและอนุรักษ์ของบ้านเรา โดยเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 มกราคม 2566 ทางเพจ ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รายงานว่า
พบเสือโคร่งตายในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เมื่อตรวจสอบจากการพิสูจน์เปรียบเทียบลวดลายบนตัวเสือที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จำแนกระบุยืนยันตัวเสือโคร่ง พบว่าเสือโคร่งมีรหัสข้อมูลตามโครงการฟื้นฟูประชากรเสือโคร่ง WWF หรือชื่อ “เสือวิจิตร” ที่ข้อมูลสถานีวิจัยเขานางรำบันทึกไว้ ในการนี้
ส่วนสาเหตุการตายนั้น คาดว่ามาจากการเปิดศึกชิงอาณาเขตจนโดนเสือเจ้าถิ่นตะปบ ทำให้เสือวิจิตรเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเบื้องต้นพบว่า บริเวณลำตัวและคอมีบาดแผลคล้ายถูกฟันเขี้ยวของสัตว์ป่ากัด มีร่องรอยเล็บของสัตว์ป่าขนาดใหญ่อยู่ทั่วลำตัว บริเวณข้อเท้าหน้าหัก มีแผลเน่าหลายจุด ตรวจสอบบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุไม่พบสิ่งผิดปกติและบุคคลอื่นแต่อย่างใด
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าซากเสือโคร่งที่ไม่เน่าเสีย ได้แก่ กระดูก ซึ่งมีคุณค่าสมควรแก่การเก็บรักษาไว้เพราะเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายากใกล้สูญพันธุ์ ดังนั้นเพื่อประโยชน์ในทางราชการและการศึกษาวิจัย จึงให้เก็บรักษาซากสัตว์ป่าไว้มิให้ทำลาย โดยวิธีการต่อกระดูกสัตว์ ในส่วนของซากอื่น ๆ ได้แก่ หนัง และเนื้อ เห็นควรทำลายซากโดยวิธีการเผา ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
และเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อการจากไปของเสือวิจิตร เราขอย้อนรำลึกไปทำคงามรู้จักกับเสือหนุ่มดาวดังแห่งผืนป่าห้วยขาแข้งตัวนี้กัน
“เสือวิจิตร” หรือ “เสือโคร่งวิจิตร”เป็นเสือหนุ่มอายุประมาณ 5 ปี เกิดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี โดยข้อมูลจาก Thailand Tiger Project DNP ระบุว่า “วิจิตร” เกิดมาในช่วงเวลาที่เป็นขาลงของแม่เอื้องและพ่อธนากร ด้วยเพราะอายุอานามที่มากขึ้น ในครอกเดียวกันก็มีวิจิตรตัวเดียวที่เป็นตัวผู้ ส่วนอีกสองสาว คือ “อภิญญา” และ “ผกา” นอกจากนี้วิจิตรยังเป็นหลานยาย “บุบผา” อีกด้วย
เสือวิจิตรและน้องพี่ เติบโตในป่าใหญ่เรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเมื่ออายุเกือบสองปี ฮอร์โมนในกายพลุ่งพล่านนึกอยากผจญภัยจึงชวนกันไปเที่ยวเล่นที่ชุมชน ที่อยู่ติดกับบ้านของแม่ ก็ได้สนุกกันพักหนึ่งทั้งเสือและเจ้าหน้าที่ติดตาม แต่อะไรก็ไม่เด็ดเท่า ไม้เรียวในมือแม่เอื้องสั่นหนักมาก ต้องลงแรงออกไปตาม วิจิตรกับเจ๊ภิญญา ด้วยตนเอง เรื่องจึงสงบลง....
เมื่ออายุล่วงเลยสองขวบปี อภิญญาและผกา ก็ได้ยึดพื้นที่เพื่อครอบครองหากินในบริเวณข้างเคียงบ้านแม่เดิม โดยวิจิตรก็ใช้สิทธิ์ความเป็นพี่น้องร่วมครอกแอบอาศัยหากินตามแนวขอบบ้านของอภิญญา ซึ่งเป็นบริเวณที่ปราศจากความสงบ เพราะระงมไปด้วย เสียงเครื่องจักรทำงาน งานบุญ จุดบอลไล่สัตว์ป่าที่ออกมากินพืชไร่ แต่ วิจิตร ยังอยู่ได้สบาย
ในช่วงเวลาที่เป็นเล่นบทเสือแอบ เพราะอิงแอบหากินอยู่ในพื้นที่อภิญญา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แตกต่างจาก เพศผู้วัยรุ่นตัวอื่นๆที่มักรักการเดินทางไกลๆ สำหรับวิจิตรนั้นก็มีการเดินทางออกนอกพื้นที่บ้างเป็นครั้งคราว ทริปสั้นๆ แต่ก็ทำทีมงานใจสั่นได้เพราะลัดเลาะไปพื้นที่ที่เป็นหย่อมป่าที่ติดชุมชน ข้ามทางหลวงชนบทเป็นว่าเล่น...
แต่แล้วเมื่อมีโอกาสได้ดินเนอร์พูดจาประสาพ่อลูกกับธนากรในค่ำคืนหนึ่ง ชีวิตวิจิตรก็นิ่งขึ้นนัยว่าได้รับคำชี้แนะจากพ่อ จึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ตามแนวขอบติดชุมชน เพื่อเลี่ยงการเจอะเจอน้องเขย ที่อาจไม่พึงใจนักที่มันมาอิงแอบแบบนี้
วันเวลาผ่านไปจนวิจิตรมีโครงสร้างร่างกายที่ใหญ่โตขึ้น กล้ามเนื้อเป็นรูปที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงความมั่นใจที่มาเต็มด้วยหรือปล่าว ก็ไม่แน่ใจ จนเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ท่าทีของวิจิตรเริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มออกเดินจากห้วยขาแข้ง มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ทีมนักวิจัยก็จ้องเขม็งผ่านระบบดาวเทียม มันไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่มีการลังเล จนข้ามเขตไปอยู่ฝั่งอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ แล้วดูเหมือนว่าน่าจะได้กินอะไรบางอย่าง(ไม่น่าใช่หน่อไม้) เพราะมีการหยุดพักอยู่พอสมควร เมื่อมีพลังงานสะสม มันก็ออกเดินทางต่อ ในที่สุดทะลุไปประชิดชุมชน จนเคยกลายเป็นเรื่องเป็นข่าวโด่งดัง เมื่อปลายปี 2564
กระทั่งล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 มกราคม 2566 ซึ่งตรงกับเด็กแห่งชาติ ก็มีข่าวเศร้าเมื่อทาง กรมอุทยานฯ ได้รายงานการเสียชีวิตของเสือวิจิตร ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเสือวิจิตร ซึ่งเรื่องราวของเขายังคงอยู่ เป็นอีกหนึ่งตำนานของเสือบ้านเรา