xs
xsm
sm
md
lg

มีแต่ประทับใจ! อุทัยธานีเปิด “แหล่งท่องเที่ยวชีวภาพวังทอง” สุดอันซีน “ชาดา” จ่อดันสร้างสกายวอล์กต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุทัยธานี - “ชาดา” การันตี..แหล่งท่องเที่ยวชีวภาพแห่งใหม่ “วังทอง เมืองอุทัยธานี” สุดอันซีนของจริง ชูไฮไลต์ล่องเรือชมสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง-กรุ่นกลิ่นปลาเผาห้วยระบำ” เตรียมแผนสร้างสกายวอล์กเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทยในอนาคต


ขณะนี้ชาวบ้านวังทอง หมู่ 6 ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ป่าไม้ ชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผสานพลังปลุกการรักษ์ผืนป่าสู่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างชุมชนบ้านวังทองให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนภายใต้สโลแกน “เที่ยวชมวิถีชีวิต ล่องเรือใกล้ชิดธรรมชาติ ชมสัตว์ป่าทับเสลา กินปลาเผาห้วยระบำ เลิศล้ำมรดกโลกห้วยขาแข้ง”

นักท่องเที่ยวสามารถชมทิวเขาป่าห้วยขาแข้งกับแหล่งกักเก็บน้ำเขื่อนระบำที่มีความกว้างมากกว่า 11,200 ไร่ ได้พักผ่อนหย่อนใจแบบธรรมชาติ นอนพักกางเต็นท์ รับประทานอาหารริมอ่างเก็บน้ำ ล่องเรือชมธรรมชาติและสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้เปิดมุมมองเห็นความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด ทั้งช้าง กวาง วัวแดง เสือ เป็นต้น นำไปสู่การร่วมกันอนุรักษ์สัตว์ป่าและป่าไม้ ซึ่งสามารถสร้างจุดเปลี่ยนแปลงของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างยั่งยืน เกิดการพึ่งพาอาศัยกัน ลดการรุกป่าและล่าสัตว์ป่าได้เป็นอย่างมาก

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี หนึ่งในผู้มีส่วนริเริ่มผลักดันการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ บ้านวังทอง กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการสร้างแหล่งท่องเที่ยวชีวภาพบ้านวังทองและการล่องเรือชมธรรมชาติ-สัตว์ป่าห้วยขาแข้งนี้ เกิดจากที่ต้องการให้คนที่เฝ้าป่าแห่งนี้มีรายได้จากป่า โดยที่ไม่ไปรบกวนป่า และที่สำคัญก็คือ ส่งเสริมให้เกิดความรัก-หวงแหนป่า เพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันระหว่างป่ากับคนที่อยู่กับป่า ให้เกิดการรักษาธรรมชาติ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดูแลสัตว์ป่า ตามผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก UNPD

ซึ่งนักท่องเที่ยวมาล่องเรือชมสัตว์ป่านั้น หากมาในช่วงเช้า นักท่องเที่ยวจะได้เห็นสัตว์ป่าแน่นอน และต่อไปก็จะมีสัตว์ป่าเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีลานกางเต็นท์ ลานรถบ้าน และมีบ้านต้นไม้ ตรงจุดเขตป้องกันไฟป่า เวลาเย็นที่พระอาทิตย์ตกดินที่นี่ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นบรรยากาศทิวเขาที่สวยงามมาก อาจจะเรียกได้ว่าเหนือกว่าประเทศบางประเทศที่มีการโปรโมตกัน

“มั่นใจว่าทิวเขาของเรานั้นมีความสวยงามไม่แพ้ใคร ไม่ว่าจะเป็นจุดบริเวณบ้านต้นไม้ และบริเวณริมอ่างบ้านวังทอง พระอาทิตย์ยามเย็นและยามเช้าที่นี่มีความสวยงามมาก และนอกจากจะได้ชมความสวยงามแล้วนักท่องเที่ยวก็ยังจะได้รับความรู้เรื่องสัตว์ป่า มีความรู้เรื่องการดำรงตนในแบบการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะต้องทำอย่างไรด้วย” นายชาดากล่าว

และหลังจากทำสถานที่ตรงนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ก็จะมีการต่อยอดทำสกายวอล์กเดินดูสัตว์ป่าต่อไปด้วย ซึ่งตรงส่วนนี้จะค่อยๆ ดำเนินการไป โดยจะมีศูนย์เรียนรู้คอยให้เด็กๆ ได้มีความรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ใช้ชีวิตประจำวันอย่างไร ที่จะไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อมมาก รวมไปถึงการเผยแพร่ห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นป่าที่พวกเราภาคภูมิใจ

“การดำเนินการจะเป็นไปในลักษณะให้ชาวบ้านมีส่วนบริหารจัดการ ส่วนราชการเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งก็มีทั้งกรมชลประทานให้พื้นที่ ทางอนุรักษ์ฯ ก็ให้ความร่วมมือผ่านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”


นายชาดากล่าวต่อว่า หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะเป็นอีกไฮไลต์หนึ่งที่ว่าถ้ามาเมืองไทยต้องมาที่นี่ ซึ่งเราก็จะพยายามค่อยๆ ทำไป ซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลาอยู่พอสมควร โดยจะพยายามทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดอุทัยธานีและของประเทศไทยต่อไปในอนาคตให้ได้

นายสมคิด มาท้วม นายก อบต.ระบำ กล่าวว่า หลังจากที่ตำบลเราได้มีการเปิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ ก็มีผู้คนเข้ามาเที่ยวมากขึ้น ทำให้วิถีชีวิตของคนชุมชนที่นี่เปลี่ยนแปลงไปมาก จากแต่ก่อนที่เคยมีการล่าสัตว์ ตัดไม้ พอมีการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศขึ้นก็ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพมีรายได้จากตรงนี้แทน เกิดการอยู่ร่วมกันระหว่างคน สัตว์ป่า และป่าไม้ได้เป็นอย่างดี และจะมีการพัฒนาโครงการนี้ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทั้งคุณภาพชีวิต คน สัตว์ป่า และป่าไม้ โดยคาดว่าช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางอีกมากแน่นอน


นางนุชรี วงษ์ทองศรี หนึ่งในชาวบ้านที่มาตั้งร้านขายของในแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ เล่าว่า หลังจากที่มีการออกข่าวไปก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะมาก ทำให้ตอนนี้ชาวบ้านที่นี่พอมีรายได้กันเพิ่มขึ้น จากแต่ก่อนที่เราจะประกอบอาชีพหาปลาและรับจ้างทั่วไป และทำไร่กันเป็นหลัก ยามว่างก็อยู่กันเฉยๆ พอมีสถานที่ท่องเที่ยวตรงนี้ขึ้นมา ก็ทำให้เรามีช่องทางทำมาหากิน มีรายได้กันมากขึ้น หมู่บ้านมีการพัฒนาที่ดีขึ้น

นายบุญชิด พันแตง อายุ 36 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่รับหน้าที่ล่องเรือพานักท่องเที่ยวชมธรรมชาติ และสัตว์ป่า เล่าว่า หากจะล่องเรือชมสัตว์ป่าที่นี่จะเน้นเป็นช่วงเช้า ตั้งแต่ 6-8 โมงเช้า ซึ่งนักท่องเที่ยวมาจะชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ล่องเรือหาปลาแบบพื้นบ้าน ตกเย็นประมาณ 4-6 โมงเย็นจะเป็นช่วงที่จะเห็นสัตว์ป่าได้มาก นักท่องเที่ยวก็จะได้เห็นวัวแดง ช้าง เก้ง กวาง และเนื้อทราย












กำลังโหลดความคิดเห็น