กรมอุทยานฯ ปล่อย “น้องทับเสลา” ลูกช้างป่าหลงโขลงที่นำมาอนุบาลไว้ กลับคืนสู่ป่าในขสป.ดอยผาเมือง ให้น้องได้เผชิญและเรียนรู้โลกใบใหม่ของสัตว์ป่า ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของโครงการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ พร้อมทำ FC ทับเสลาหลายคนน้ำตาซึมด้วยความรักและคิดถึงน้องช้างแสนรู้ผู้น่ารักตัวนี้
งานนี้เล่นเอาแฟนคลับหลายคนน้ำซึม เมื่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ปล่อย “น้องทับเสลา” ลูกช้างป่าหลงโขลงที่นำมาอนุบาลไว้ พร้อม 2 แม่รับกลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างเต็มรูปแบบในพื้นที่ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง จังหวัดลำปาง ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2565
ทั้งนี้ก่อนหน้านั้นหลังขสป.ดอยผาเมือง ได้นำน้องทับเสลามาอนุบาลเลี้ยงดู ได้ทดลองให้ทับเสลาหากินกับแม่รับอย่างจำกัดพื้นที่อยู่ในบริเวณป่าอ่างเก็บน้ำแม่ยาว เนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ โดยผูกโซ่ยาวให้บริเวณเดียวกันภายในรั้วไฟฟ้าที่เป็นกระแสไฟฟ้าอ่อน
จากการทดลองพบว่าลูกช้างป่าสามารถเลียนแบบพฤติกรรมช้างแม่รับในการดำรงชีวิตในป่าธรรมชาติไต้ดี กินพืชอาหารในธรรมชาติเป็นหลัก บางครั้งเสริมหญ้าบาน่า กล้วย วิตามินบี วิตามินซี และยาบำรุงตับตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
จากการตรวจสุขภาพล่าสุดพบว่า ร่างกายของทั้งลูกช้างและช้างแม่รับสมบูรณ์แข็งแรงและไม่มีเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ดังนั้นจึงเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่เหมาะสมที่จะปลดโซ่ช้างแม่รับและลูกช้างป่าคืนสู่ป่าธรรมชาติในขสป.ดอยผาเมือง โดยหวังให้น้องได้เข้าโขลงที่หากินบริเวณใกล้เคียงได้
อย่างไรก็ดีหลังการปล่อยน้องทับเสลาให้กลับคืนสู่ป่าทางเจ้าหน้าที่ ขสป.ดอยผาเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
สำหรับ “น้องทับเสลา” เป็นหนึ่งในลูกช้างแสนรู้สุดน่ารักขวัญใจชาวเน็ตที่มีแฟนคลับมากมาย
เรื่องราวการพบลูกช้างป่าพลัดหลงตัวนี้ ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2563 หลังเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี พบกับลูกช้างป่า (ช่วงแรกยังไม่สามารถรู้เพศชัดเจน ตอนพบจึงยังระบุว่าเพศผู้) อายุประมาณ 2-3 เดือน พลัดหลงแม่ เดินเดี่ยวเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ
นายธานี วงศ์นาค หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในขณะนั้น เปิดเผยว่า “ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านเรื่องพบลูกช้าง 1 ตัว เพศผู้ อายุประมาณ 2-3 เดือน เดินเข้าไปในหมู่บ้าน บ้านไผ่งาม ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 27 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา”
“หลังรับแจ้ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พร้อมหัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และเจ้าหน้าที่จำนวน 30 นาย จึงเข้าพื้นที่เพื่อเพื่อตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง”
“การลงพื้นที่ พบลูกช้างป่า ตัวยังเล็ก อายุประมาณ 2-3 เดือน เดินอยู่ตรงทางเข้าศาลาประชาคมของหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ ร่วมกับราษฎรบ้านไผ่งาม ช่วยกันจับลูกช้าง เพื่อนำออกจากหมู่บ้าน แต่จับตัวไว้ไม่อยู่ เนื่องจากลูกช้างแข็งแรงและดิ้น จึงได้เปลี่ยนแผนเป็นร่วมกันทำการต้อนลูกช้างให้ออกจากหมู่บ้าน กลับเข้าป่าไปหาฝูงแทน”
“แต่ปรากฏว่าเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ลูกช้างได้หลบหายไปท่ามกลางความมืด เจ้าหน้าที่ก็ไม่ละความพยายาม ยังแกะรอยติดตามลูกช้างอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเกรงว่าลูกช้างอาจจะได้รับอันตราย เช่น ตกลงไปในบ่อน้ำ หรืออาจโดนสุนัขไล่กัด ในคืนนั้นเจ้าหน้าที่ออกติดตามหาลูกช้างกันตลอดทั้งคืน แต่ไม่พบ”
“กระทั่ง เวลาประมาณ 08.30น.ของวันที่ 28 เมษายน 2563 เจ้าหน้าที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้พบลูกช้างป่ากำลังเดินอยู่บนเส้นทางระหว่างบ้านไผ่งาม-ทุ่งแฝก จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ชุดติดตามลูกช้าง มาช่วยจับลูกช้าง จนสามารถจับไว้ได้ พร้อมต้อนเพื่อนำไปอนุบาลต่อที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้งในเบื้องต้นก่อน เพราะไม่ทราบแน่ชัดว่าลูกช้างพลัดหลงฝูงบริเวณใด และจากช้างฝูงใด เพื่อความปลอดภัยของลูกช้าง เจ้าหน้าที่จึงนำลูกช้างไปพักไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ก่อน”
เมื่อนำกลับมาดูแลที่ห้วยขาแข้งตอนแรกเรียกลูกช้างตัวนี้ว่า “น้องห้วยขาแข้ง” ต่อมาจึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “ทับเสลา” ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ดูแลเลี้ยงดูเหมือนกับคนในครอบครัว
น้องทับเสลา เป็นช้างพังแสนรู้ แรกเริ่มได้อยู่ที่ปรับตัวที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และถึงแม้จะใช้เวลาอยู่ที่นี่เพียงแค่ครึ่งปี แต่ก็ได้เผยความน่ารัก แสนรู้ จนครองใจพ่อๆ (คำเรียกเจ้าหน้าที่ดูแลลูกช้างน้อย) และยังได้ใจชาวเน็ตไปไม่น้อยทีเดียว
วันเวลาผ่านไปเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลจำเป็นต้องวางแผนหาบ้านใหม่ที่มีความพร้อมและหาครอบครัวใหม่เพื่อนำน้องทับเสลาไปดูแลต่อ เพราะช้างเด็กในวัยนี้ยังจำเป็นต้องกินนมแม่ช้างและต้องการครอบครัวเพื่อสอนให้รู้จักการใช้ชีวิตแบบช้าง
จากการพูดคุยลงความเห็นกันแล้ว บ้านใหม่ของน้องทับเสลาก็คือที่หน่วยพิทักษ์ป่าหัวทุ่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง จ.ลำปาง เพราะที่นั่นมีความพร้อมในเรื่องของข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ในการดูแลลูกช้างอย่างครบวงจร รวมทั้งมี “แม่รับ” หลายเชือกที่พร้อมจะทำหน้าที่แม่ให้น้องทับเสลา
สำหรับ “แม่รับ” คือช้างเพศเมียที่เคยตกลูกมาแล้ว ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แม่เลี้ยงให้ลูกช้างที่ต้องขาดแม่ไป เพื่อให้ลูกช้างป่าได้เรียนรู้ ซึมซับพฤติกรรมของช้างป่า จนกว่าจะมีความพร้อมในการดำรงชีวิตได้เองในธรรมชาติ
จากนั้นในวันที่ 13 พฤศจิกายน2563 จึงเคลื่อนย้ายน้องทับเสลามาดูแลและปรับพฤติกรรมเพื่อจะได้นำไปปล่อยคืนสู่ป่าตามธรรมชาติในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง จังหวัดลำปาง โดยทำคอกอนุบาลบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าหัวทุ่ง ท้องที่อำเภอห้างฉัตร มีผู้ดูแลตลอด24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ในการหาแม่รับให้น้องทับเสลานั้น ทางมูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติได้จัดเตรียมหาแม่รับไว้ทั้งหมด 5 เชือก ได้แก่ พังทีน่า พังดุ พังดอกรัก พังวาเลนไทน์ และพังตุ๊กตา ซึ่งในการเลือกหาแม่รับนี้จะต้องคอยเฝ้าดูพฤติกรรมทั้งของน้องทับเสลาและแม่รับแต่ละตัว ว่าจะเข้ากันได้หรือไม่นั่นเอง
สุดท้ายแล้วน้องทับเสลา ได้ “แม่ดอกรัก” และ “แม่วาเลนไทน์” เป็นแม่รับ โดยแม่วาเลนไทน์ช่วงนั้นเพิ่งเสียลูกช้างน้อยไป ส่วนแม่ดอกรักก็ได้แสดงตัวเป็นแม่รับต่อลูกช้างของแม่วาเลนไทน์ด้วยเช่นกัน
จากนั้นเรื่องราวความผูกพันของ ช้างแม่รับและลูกช้างหลงโขลง บวกกับเรื่องราวความน่ารักแสนซนของน้องทับเสลาได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะจนกลายเป็นหนึ่งลูกช้างขวัญใจมหาชนที่มีแฟนคลับติดตามมากมาย ก่อนที่จะมาถึงวันที่ทำเอาหลาย ๆ คน ใจหายเมื่อต้องปล่อยน้องทับเสลา และ 2 แม่รับ คือ แม่ดอกรักและแม่วาเลนไทน์คืนสู่ป่าตามธรรมชาติตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของโครงการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติในบ้านเรา
นอกจากนี้นี่ยังถือเป็นโลกใบใหม่ของน้องทับเสลา เป็นโลกของสัตว์ในธรรมชาติตามวิถีของช้างป่าตามที่ควรจะเป็น แต่กระนั้นก็ยังมีแฟนคลับหลาย ๆ คนรู้สึกใจหายต่อการลาจากกลับคืนสู่ธรรมชาติของน้องทับเสลาชนิดที่หลาย ๆ คน ถึงกับน้ำตารื้นด้วยความรักและคิดถึงต่อลูกช้างแสนรู้สุดน่ารักที่ชื่อ “ทับเสลา” ไม่ได้