พาไปตระเวนกิน 5 ร้านเด็ด ที่วันนี้ยังคงเสน่ห์ปลายจวักด้วยการใช้เตาถ่านเป็นหลักในการทำอาหาร นำโดย ร้าน “เจ๊ไฝ” ดีกรี 1 ดาวมิชลิน เจ้าแรกของเมืองไทย ที่มีชื่อเสียงดังไกลไปถึงต่างแดน และร้าน “เอลวิส สุกี้” ที่มีดีกรีร้านบิบ กูร์มองด์ จากมิชลินไกด์
จากกรณี “กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน” (พพ.) กระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊ก แนะนำให้ประชาชนหันมาใช้ “เตาซูเปอร์อั้งโล่” หรือ “เตามหาเศรษฐี” แทน “เตาอั้งโล่” (ทั่วไป) เพื่อประหยัดพลังงาน ในยุคที่โลกกำลังอยู่ในภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้ก๊าซ น้ำมัน รวมถึงข้าวของต่าง ๆ มีราคาสูงขึ้นมาก
ทั้งนี้ พพ. ได้โพสต์ ระบุว่า “เตามหาเศรษฐี ร้อนสูง ประหยัดถ่าน ทนทาน ช่วยประหยัดเงิน” โดยเตามหาเศรษฐี เป็นเตาหุงต้มประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาขึ้นมาทดแทนเตาอั้งโล่ตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งมีประสิทธิภาพเชิงความร้อนมากกว่าเตาอั้งโล่ตามท้องตลาดถึง 29% ถ้าหากตามบ้านเรือนหันมาใช้เตามหาเศรษฐีจะสามารถประหยัดไม้ ฟืนและถ่านที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ถึง 500-600 บาท/ครัวเรือน/ปี และช่วยลดการใช้ก๊าซ LPG ในครัวเรือน
หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตบ้านเราก็ได้เข้าแสดงความคิดเห็นและแชร์โพสต์นี้ออกไปเป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นดราม่าโด่งดังในโลกออนไลน์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการมุ่งโจมตีเรื่องการใช้เตามหาเศรษฐีของ พพ. ไปต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น ราคาก๊าซหุงต้มแพงแต่ราคาถ่านก็แพงขึ้นเช่นกัน, การใช้เตาแบบนี้ยังเป็นการเพิ่มฝุ่นควัน PM2.5 ในอากาศเข้าไปอีก, กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานแห่งชาติ สนับสนุนการใช้เตาถ่าน เป็นต้น รวมถึงมีการโพสต์เสียดสีและด่าแบบอคติอย่างไร้เหตุผลอีกจำนวนหนึ่ง
ขณะที่คนที่เคยใช้ “เตามหาเศรษฐี” ก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นว่า อะไรดีก็ว่าดี เตามหาเศรษฐีใช้ดีจริง ๆ ประหยัดไฟ ไฟลุกแรงและนาน ใครที่สามารถหามาใช้ได้ก็ดี แต่ที่บางบ้านสถานที่ก็ไม่เอื้ออำนวย
อย่างไรก็ดีหากพิจารณาวัตถุประสงค์ของ พพ. จะพบว่า ต้องการแนะนำเตามหาเศรษฐี เพื่อให้ใช้แทนเตาอั้งโล่เก่าที่มีคุณสมบัติด้อยกว่า ไม่ได้ให้ใช้เตามหาเศรษฐีแทนเตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้าแต่อย่างใด
ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันบ้านเรามีประชาชนที่ยังคงใช้เตาถ่านในชีวิตประจำวันอยู่เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงตามร้านอาหารต่าง ๆ ด้วย โดยหนึ่งในเหตุผลหลักของร้านอาหารที่ยังคงใช้เตาถ่านแบบดั้งเดิม ไม่ได้หันมาใช้เตาแก๊สตามสมัยนิยม เนื่องจากให้กลิ่นที่หอมเป็นธรรมชาติและรสชาติของอาหารที่อร่อยกว่า
ด้วยเหตุนี้บ้านเราจึงยังคงมีร้านอาหารที่ใช้เตาถ่านเป็นหลักในการปรุงอาหารอยู่เป็นจำนวนมาก และนี่ก็คือ 5 ร้านอาหารเจ้าเด็ดในเมืองกรุงฯ ที่นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติชวนกินแล้ว ยังโดดเด่นไปด้วยเมนูที่ทำจากเตาถ่าน จนกลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของร้านเหล่านี้
ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ
ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ” ตั้งอยู่ที่ย่านสวนมะลิ ถนนยุคล 2 แขวงเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.
ทีเด็ดของร้านนี้ก็คือ เป็นก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่คั่วบนเตาถ่านไฟแรง โดยจะผัดไก่และเนื้อสัตว์อื่น ๆ จนเกือบสุก จากนั้นคั่วเส้นไปมาในกระทะให้ทั่ว ใส่ไข่ลงไปแล้วคั่วต่อให้เข้ากัน จนได้ก๋วยเตี๋ยวคั่วร้อน ๆ รสอร่อย ที่มาพร้อมกับความหอมของเส้นและเครื่องที่คั่วบนเตาถ่านไฟแรง ซึ่งมีให้เลือกอิ่มอร่อย ทั้งเส้นเล็ก เส้นหมี่ และเส้นใหญ่ (ต้นตำรับ) รวมถึงเมนูอื่น ๆ อีกหลากหลาย
ผัดไทยใบตอง (เจ๊ตา)
ร้าน “ผัดไทยใบตอง (เจ๊ตา)” ตั้งอยู่ หลังวัดบางบำหรุ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 45 (ซอยปฐมบุตร) หรือซอยบรมราชชนนี 15 แขวงบางบำหรุ เขตบางกอกน้อย กทม.
ร้านนี้มีเมนูเด็ดคือ ผัดไทยธรรมดา และผัดไทยกุ้งสด ซึ่งทางร้านใช้เส้นจันทน์มาผัดด้วยสูตรและเครื่องปรุงแบบโบราณ ผัดบนเตาถ่านที่ใช้ความหอมละมุนมากกว่าการใช้เตาแก๊ส
เมื่อเสร็จแล้วเสิร์ฟบนใบตองแล้วจึงวางลงในจานอีกที ถือเป็นอีกหนึ่งร้านผัดไทยสุดคลาสสิกที่มีเอกลักษณ์ทั้งจากการผัดบนเตาถ่านและเสิร์ฟบนใบตอง ที่คอผัดไทยไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ข้าวหมูแดงสีมรกต
ร้าน “สีมรกต” หรือ “ข้าวหมูแดงสีมรกต” ตั้งอยู่ที่ ซ.สุกร 1 (ตรอกโรงหมู) ถ.ตรีมิตร ตลาดน้อย สัมพันธวงศ์ กทม.
ร้านสีมรกต เปิดขายมานานกว่า 70 ปี ถือเป็นข้าวหมูแดงรสเลิศแห่งย่านเยาวราช ที่ยังคงสืบทอดการทำข้าวหมูแดงสูตรแต้จิ๋วแบบต้นตำรับที่ยังคงรสชาติชวนกินไม่เปลี่ยนแปลง
ความพิเศษของข้าวหมูแดงของร้านนี้ อยู่ตรงที่เครื่องทุกอย่างทางร้านทำเองหมด ไม่ว่าจะเป็นหมูแดงที่ทางร้านเลือกใช้หมูเนื้อแดงส่วนสะโพกหลัง ที่มีความนุ่มนำมาหมักกับเครื่องเทศไทยจนเข้าเนื้อ แล้วนำไปย่างด้วยเตาถ่านจนหมูสุกหอม ส่วนหมูกรอบเป็นหมู 3 ชั้น ที่เอาไปต้มก่อนนำมาย่างด้วยเตาถ่านจนสุกหอมชวนกินเช่นเดียวกัน
สำหรับเมนูเด็ดชวนกินก็นำโดยข้าวหมูแดงที่มาพร้อมกับน้ำราดสูตรเด็ดของทางร้าน นอกจากนี้ก็ยังมีข้าวหมูกรอบที่จัดว่าเด็ดไม่แพ้กัน รวมถึงมี เป็ดตุ๋นฟักมะนาวดอง และ ต้มมะระซี่โครงหมู ซดน้ำให้ลื่นคออีกด้วย
เอลวิส สุกี้ ซอยยศเส
ร้าน “เอลวิส สุกี้” (สาขาซอยยศเส) ตั้งอยู่ที่ ถนนพลับพลาไชย แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. (นอกจากนี้ยังมี สาขาบรรทัดทอง ซึ่งเป็นลูกหลานและใช้สูตรความอร่อยเดียวกัน)
ร้านอาหารร้านนี้เปิดขายมานานกว่า 50 ปี เดิม ชื่อร้าน “ฮะเซ่งฮวด” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “เอลวิส สุกี้” ตามชื่อของ “เอลวิส เพรสลีย์” ราชาร็อกแอนด์โรลล์ชื่อก้องโลก
ปัจจุบัน เอลวิส สุกี้ มีดีกรีเป็นร้านอาหารประเภท “บิบ กูร์มองด์” หรือ ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา จากมิชลินไกด์ การันตีในความอร่อย
สำหรับอาหารเมนูเด็ดสำคัญของร้านนี้ก็คือ “สุกี้” ที่มีทั้งเนื้อ ไก่ หมู ทะเล ซึ่งเนื้อต่าง ๆ มีการหมักเครื่องปรุงมาเป็นอย่างดี โดยมีเมนูต้องห้ามพลาด คือ “สุกี้แห้ง” เนื้อนุ่มชุ่มลิ้น ได้กลิ่นผงกะหรี่นิด ๆ หอมกลิ่นไข่และเตาถ่าน วุ้นเส้นเหนียวนุ่ม ผักเยอะ พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่ครบรสเผ็ด เปรี้ยว หวานเข้ากันได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ทางร้านยังมีอีกหลายเมนูที่น่าลิ้มลอง โดยเฉพาะพำวกซีฟู้ดต่าง ๆ นำโดย หอยเชลล์ทรงเครื่อง ที่ใช้หอยเชลล์สดเกรดพรีเมียมย่างทั้งเปลือกบนเตาถ่านจนสุกพอดีได้ที่ตามสูตรของทางร้าน กินคู่น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ดของร้าน หอยมีความฉ่ำเข้ากับเครื่องเคียงกินอร่อยจบได้ในคำเดียว
เจ๊ไฝ
ร้านเจ๊ไฝ ตั้งอยู่ที่สี่แยกสำราญราษฎร์ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม.
ร้านเจ๊ไฝ ย่านประตูผี เปิดขายมานานกว่า 30 ปี โดย คุณสุภิญญา จันสุตะ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เจ๊ไฝ”
ร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านอาหารชื่อดังในตำนานที่โด่งดังไกลไปถึงต่างแดน การันตีคุณภาพและความอร่อยด้วย รางวัล 1 ดาวมิชลิน ประเภทสตรีทฟู้ดเจ้าแรกของเมืองไทย จากการจัดอันดับของมิชลินไกด์ (ตั้งแต่ปี 2018)
จุดเด่นของร้านนี้คือวัตถุดิบสดใหม่ ที่สั่งมาสดๆ จากเจ้าประจำ คัดสรรคุณภาพให้ได้ขนาดตามมาตรฐานของทางร้าน รวมถึงการใช้เตาถ่านในการปรุงอาหาร ที่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมของแต่ละเมนูได้เป็นอย่างดี
สำหรับเมนูเด็ดชื่อดังของร้านเจ๊ไฝนั้นนำโดย ไข่เจียวปู, ราดหน้าทะเล, สุกี้น้ำกุ้ง, ต้มยำแห้งกุ้ง-ปลา-ทะเล และโจ๊กแห้งทะเล-กุ้ง เป็นต้น
และนี่ก็คือ 5 ร้าน อร่อยเตาถ่านใน กทม. ซึ่งนอกจากจะใช้เตาถ่านเป็นหลักในการทำอาหารแล้ว แต่ละร้านยังขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติความอร่อย ที่ผู้บริโภคหลายคนเชื่อว่าเตาถ่านมีส่วนสำคัญในการสร้างความอร่อยของร้านเหล่านี้ ซึ่งบรรดานักกินไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
