ปราจีนบุรี - “เตาอั้งโล่” เมืองปราจีนฯ เริ่มขายดีแม้ราคาปรับขึ้นจากปีก่อนถึงเตาละ 30 บาท แต่ประชาชนและพ่อค้าแม่ค้ายังหาซื้อหวังลดภาระต้นทุนดำเนินการ หลังราคาแก๊สหุงต้มปรับแล้ว กก.ละ 1 บาท
จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก กระทรวงพลังงาน แชร์โพสต์ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เชิญชวนคนไทยลดการใช้พลังงานด้วยการหันมาใช้ “เตาอั้งโล่” หรือในชื่อ “เตามหาเศรษฐี” ที่สามารถประหยัดไม้ ฟืนและถ่านที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ถึง 500-600 บาทต่อครัวเรือนต่อปี และยังช่วยลดการใช้แก๊ส LPG ในครัวเรือนด้วยนั้น
วันนี้ (22 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวในพื้นที่สำรวจบรรยากาศการจำหน่าย “เตาอั้งโล่” และร้านขายอาหารต่างๆ ใน จ.ปราจีนบุรี พบว่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารที่ใช้แก๊ส หรือเตาอั้งโล่ในการประกอบอาชีพต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ว่าจะเป็นแก๊ส หรือถ่าน หรือเตาอั้งโล่ก็พร้อมใจกันปรับขึ้นราคาเกือบหมด
โดยเฉพาะแก๊สหุงต้มที่ขณะนี้ได้มีการปรับราคาขึ้นอีกกิโลกรัมละ 1 บาท และหากเป็นถังแก๊สขนาด 15 ลิตร ปรับขึ้นจากเดิมอีกถังละ 15 บาท ส่วนถ่านมีการปรับราคาขึ้นถุงละ 5 บาทแล้วเช่นกัน
แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ราคาขาย “เตาอั้งโล่” ที่กระทรวงพลังงานพยายามรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้เพื่อลดปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้า ก็ปรับราคาขึ้นจากปีก่อนถึงเตาละ 30 บาท
จากการสอบถาม น.ส.นุ่น (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของร้าน 304 center ซึ่งขายสินค้าทั้งส่งและปลีก บอกว่าปัจจุบัน “เตาอั้งโล่” มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นและจะขายดีในช่วงเทศกาลต่างๆ และเมื่อราคาแก๊สหุงต้มปรับตัวสูง ความต้องการใช้เตาถ่านทดแทนพลังงานอื่นๆ ก็พุ่งสูงตาม
ด้าน น.ส.ดวงใจ อดกลั้น เจ้าของร้านปัมปั๊มลูกชิ้นเดือด ซึ่งใช้เตาอั้งโล่บอกว่า ผลกระทบจากราคาแก๊สและถ่านที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้กำไรที่ได้จากการขายลูกชิ้นลดน้อยลง ส่วน “เตาอั้งโล่” ที่ตนซื้อมาใช้เมื่อปีก่อนมีราคาเพียง 150 บาท สำหรับเตาไซส์ใหญ่ แต่ในปีนี้ราคาปรับสูงขึ้นเป็นเตาละ 180 บาทแล้ว
“อยากจะให้รัฐบาลช่วยมองเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนเพราะตอนนี้ข้าวของแพงมากทำให้ส่งผลกระทบกันหมด การค้าขายไม่ดีจึงไม่มีสภาพคล่องในการจับจ่าย การหาเงินยากขึ้นมาก” น.ส.ดวงใจ กล่าว