มหาสารคาม-ก๊าซหุงต้มราคาแพง ปรับราคาเพิ่มไม่หยุด ทำให้ตามบ้านเรือน หันมาใช้เตาถ่านกันมากขึ้น ส่งผลให้เจ้าของร้านทำเตาใช้ถ่านใช้ฟืน ใน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ขายดิบขายดี จนทำแทบไม่ทันกับความต้องการ มีรายได้จากการขายเตาแต่ละเดือนนับแสนบาท
ที่บ้านเลขที่ 53 บ้านน้ำโจ้ก ม14 ต.ดงใหญ่ อ.วาปีปทุม 2 สามีภรรยาเร่งผลิตเตาถ่านเพื่อเตรียมส่งขายให้กับลูกค้า หลังจากมีลูกค้าจากทั่วประเทศสั่งทำเตาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้ต่างต้องเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพสูง ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มขึ้น ราคาแก๊สหุงต้มปรับราคาขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้ลูกค้าหันมาใช้เตาฟืนเตาถ่านมากขึ้น เพราะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า
นางทุมมา พุทธมา เจ้าของร้านทำเตาถ่าน กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงที่ราคาแก๊สปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ชาวบ้านหันมาใช้เตาฟืนเตาถ่านกันมากขึ้น ยอดสั่งจองจากลูกค้าเพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนจะสูงจนต้องขึ้นราคาเตาเมื่อตอนต้นปีแต่ลูกค้าก็ไม่บ่น ยังต่อคิวจองซื้ออย่างไม่ขาดสาย จากเดิมจากที่เคยผลิตได้วันละ 100 เตา แต่ปัจจุบันต้องเร่งผลิตเพิ่มเป็น 200 เตา ก็ยังไม่พอกับความต้องการของลูกค้า เพราะมีลูกค้ามารับซื้อจากทั่วประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย
สำหรับการทำเตาถ่าน เริ่มจากนำปูน ดินทราย และหินเกล็ด ผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นจึงนำไปเทใส่แม่พิมพ์เตาที่ทาน้ำมันเครื่องไว้แล้ว เพื่อกันไม่ให้ปูนติดพิมพ์แล้วแกะออกยาก เมื่อเทปูนแล้วต้องใช้ไม้แทงปูนให้แทรกเต็มพิมพ์ ซึ่งขั้นตอนนี้ถือเป็นเคล็ดลับที่ทำให้เตามีความแข็งแรงคงทน อายุการใช้งานนาน แล้วจึงใช้เกียงปาดปูนที่ฐานเตาให้เรียบ ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงแกะออกมาตากแดดอีกประมาณ 3 ชั่วโมง และติดรังผึ้ง ซึ่งทำจากดินเผา ก็เป็นอันเสร็จพร้อมขายได้
ทั้งนี้เตาไฟที่ทำขายมีอยู่ 2 แบบคือ เตาฮ๊าด ซึ่งเป็นเตาปากอ้าไม่ติดรังผึ้ง เน้นเติมเชื้อไฟด้วยไม้ฟืน และเตาซิ่ง ซึ่งติดรังผึ้งกันระหว่างชั้นใส่ถ่านไม้หรือไม้ฟืนกับชั้นขี้เถ้า ส่วนราคาขายปลีกจะขึ้นตามขนาด โดยราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 50 บาท ไปจนถึง 100 บาท แต่ถ้าลูกค้ากลุ่มขายส่งที่มารับซื้อถึงที่ในจำนวนมาก ก็จะมีราคาขายส่งให้
นางทุมมา บอกว่าเตาที่ตนผลิตจะมีจุดเด่น คือ ประหยัดไฟ ให้ไฟแรงและยาวนาน เพราะตัวเตาก้นลึก ความร้อนกระจายออกได้น้อย ตัวเตามีความทนทาน ลูกค้าซื้อไปใช้ได้นานหลายปี อีกทั้งราคาถูกเพราะขายราคา 50 – 100 บาท ทำให้ลูกค้ามาซื้อต่อเนื่อง ทุกวันนี้มียอดขายเตาไฟอยู่ที่วันละประมาณ 6,000 บาท
รวมรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายก็ทำให้ครอบครัวตนมีรายได้รวมกันเดือนละเกือบ 100,000 บาท ซึ่งอาชีพนี้ถือว่าทำให้ครอบครัวตนมีอยู่มีกินและส่งลูกเรียนจนจบ โดยไม่ต้องเดินทางไปทำงานหาเงินต่างถิ่น
