สถาปัตยกรรมที่สร้างสรรค์โบสถ์ หรือ อุโบสถ ภายในวัดต่างๆ มีความวิจิตรงดงามแบบเป็นเอกลักษณ์ ด้วยสีสัน และวัสถุที่ใช้ รวมไปถึงลวดลายที่ถูกออกแบบอย่างบรรจง และรวมไปถึงรูปร่างของโบสถ์ที่บางแห่งถูกออกแบบให้ดูสวยแปลกตามากกว่าที่อื่นๆ อย่างเช่น โบสถ์ทรงเรือ ที่มีหน้าตาคล้ายๆ กับเรือลำใหญ่ตั้งอยู่ในวัด
ซึ่ง “5 โบสถ์ทรงเรือ” ที่สวยงามชวนไปชมมีที่ไหนบ้าง ต้องตามไปดู
เรือสุพรรณหงส์ โบสถ์วัดชลอ จ.นนทบุรี
“วัดชลอ” เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ภายในวัดมีอุโบสถเก่าแก่ศิลปะสมัยอยุธยา ฐานอาคารโบสถ์แอ่นโค้งแบบที่เรียกว่า “ตกท้องสำเภา”
สำหรับ “อุโบสถเรือสุพรรณหงส์” ที่ลอยสง่างามอยู่ภายในวัดเห็นโดดเด่นแต่ไกลนั้นเป็นอุโบสถหลังใหม่ที่ริเริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี 2526 โดยดำริของพระครูนนทปัญญาวิมล (หลวงพ่อสุเทพ) อดีตเจ้าอาวาสวัดชะลอ ผู้ซึ่งมีกิตติศัพท์เลื่องลือในด้านการรักษาโรค โดยเฉพาะโรคไซนัส อีกทั้งท่านยังเป็นผู้พัฒนาวัดชลอจากวัดเก่าทรุดโทรมให้มีความเจริญรุ่งเรืองมาจนปัจจุบัน
พระครูนนทปัญญาวิมลได้มีนิมิตเห็นเรือหงส์ลอยมาอยู่หน้าอุโบสถหลังเก่าที่ท่านจำพรรษาอยู่ จึงเป็นมูลเหตุให้ท่านมีความคิดอยากจะสร้างเรือสุพรรณหงส์ขึ้น แต่เมื่อคิดถึงประโยชน์ใช้สอยแล้วหากสร้างแต่เรืออย่างเดียวอาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ ท่านจึงคิดสร้างโบสถ์ไว้บนลำเรือสุพรรณหงส์ก็จะได้ใช้ประโยชน์ทางพุทธศาสนา ท่านจึงให้บรรดาลูกศิษย์ออกแบบก่อสร้างในปี 2525
การก่อสร้างเริ่มในราว พ.ศ.2526 และดำเนินงานต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนเมื่อช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจช่วงปี 2540 การก่อสร้างจึงหยุดชะงักไป จนบัดนี้ตัวโบสถ์สุพรรณหงส์ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี แต่ก็คืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 90 ได้เห็นความงดงามของเรือสุพรรณหงส์ที่โดดเด่นได้สัดส่วน ยังคงเหลือรายละเอียดเกี่ยวกับการตกแต่ง ติดกระจกสี ลงรักปิดทอง เป็นต้น
เรือสำเภา โบสถ์วัดยานนาวา กรุงเทพมหานคร
“วัดยานนาวา” แต่เดิมนั้นชื่อวัดคอกควาย เป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง แต่ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี (ประมาณปีพ.ศ.2319) พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดคอกกระบือ”
ส่วนการสร้างเรือสำเภาจำลองขึ้นมานั้น เป็นพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ที่พระองค์ต้องการจะสร้างพระสถูปเจดีย์ขึ้นที่วัดนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการที่พระองค์ทรงใช้เรือสำเภาขนส่งสินค้าไปทำมาค้าขายถึงเมืองจีนและประเทศต่างๆ ประกอบกับพระองค์ทรงรำลึกในพระธรรมเวสสันดรชาดก ตอนที่พระเวสสันดรทรงตรัสเรียกกัณหาและชาลีให้อุทิศตน เพื่อร่วมกับพระบิดาสร้างมหากุศล อันจักเป็นเสมือนเรือสำเภาใหญ่พามนุษย์ชาติข้ามโอฆะสงสารไปสู่พระนิพพาน
จากพระราชประสงค์นี้เองจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างพระสถูปเจดีย์แบบใหม่ขึ้น เป็นสำเภาจีนมีพระเจดีย์ 2 องค์อยู่บนเรือ พร้อมกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ราชทานนามจากวัดคอกกระบือเป็น “วัดญาณนาวาราม” มีความหมายว่า ญาณอันเป็นพาหนะดุจดั่งสำเภาข้ามโอฆะสงสาร ต่อมาภายหลังชื่อจึงได้เลือนมาเป็น “วัดยานนาวา” ที่มีความหมายใกล้เคียงกับชื่อเดิมคือ วัดอันมีพาหนะดุจสำเภาในการที่จะนำพาเวไนยสัตว์ให้ข้ามพ้นโอฆะสงสาร
เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ โบสถ์วัดท่ามะกอก จ.ระยอง
“วัดท่ามะกอก” อีกวัดสำคัญของจังหวัดระยอง ตั้งโดดเด่นอยู่ใกล้ถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ ถนนสวยเลาะเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออก วัดแห่งนี้ได้รับอนุญาตให้สร้างวัดตั้งแต่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 และได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดอย่างทางการ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 เมื่อก่อนที่จะมีวัดท่ามะกอก ชาวบ้านในบริเวณนี้ ต้องไปบำเพ็ญกุศลต่างๆ กันที่วัดปากน้ำพังราด ซึ่งต้องเดินทางออกไปไกลมากกว่า 2 กิโลเมตร และถนนหนทางค่อนข้างลำบาก
พอริเริ่มสร้างวัดก็ได้เริ่มจากการสร้าง ศาลาการเปรียญ สำหรับบำเพ็ญกุศล 1 หลังขึ้นมาก่อน เป็นเรือนไม้แบบทรงไทย หลังจากนั้น ก็มีทั้งกุฏิสงฆ์ 6หลัง ทรงไทยเหมือนกัน และฌาปนสถาน ก่อนจะมาสร้างอุโบสถทรงเรือหลังนี้
อุโบสถหลังนี้เป็นรูปทรงเรือนารายณ์ทรงสุบรรณ ที่ถอดแบบมาจากเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ นำมาขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น ฉลุลวดลายรอบๆ ไว้อย่างสวยงาม มีประติมากรรมทางพระพุทธศาสนามากมาย ด้านในประดิษฐานพระประธาน มีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปพุทธประวัติ และอีกไฮไลต์ของวัดก็คือการลอดใต้โบสถ์ ด้านล่างมีพระพุทธรูปและลูกนิมิต
เรือหงส์ โบสถ์แก้ววัดหินแท่นลำภาชี จ.กาญจนบุรี
“วัดหินแท่นลำภาชี” สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2481 ส่วนแนวคิดการสร้างโบสถ์แก้วประดิษฐานอยู่บนเรือหงส์นั้น มาจากผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม ได้นิมิตเห็นสถานที่ก่อสร้างจึงนำคณะศรัทธาหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) มาช่วยสร้าง
“โบสถ์สำเภาแก้ว” ถูกสร้างขนาบข้างด้วยเรืออนันตนาคราชลักษมี สีขาวของโบสถ์หมายถึงกระจกขาว สื่อถึงพระพุทธเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์และจักรวาล ส่วน “เรืออนันตนาคราชลักษมี” นั้นหมายถึงการนำพามนุษย์ข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ
บนเรืออนันตนาคราชลักษมี ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดบ้านแหลม และหลวงพ่อวัดไร่ขิง โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี องค์ใหญ่ เด่นตั้งตระหง่านอยู่หน้าโบสถ์ และด้านหลังของโบสถ์มีท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวัณ อธิบดีแห่งอสูรหรือยักษ์ เจ้าแห่งผีหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ผู้คุ้มครองและ ดูแลโลกมนุษย์ สิงสถิตอยู่บนสวรรค์
เรือเภตรานิพพานัง วัดนอกปากทะเล จ.เพชรบุรี
“วัดนอกปากทะเล” วัดเล็กๆ ที่อยู่ใน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี มี “วิหารเรือเภตรานิพพานัง” ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ริมถนน สามารถมองเห็นได้แต่ไกล
เรือเภตรานิพพานัง มีต้นแบบมาจากเรือสำเภาทองโดดเด่นด้วยการออกแบบที่ดูแปลกตาและวิจิตรตั้งแต่ภายนอกถึงภายใน มีความกว้าง 8 เมตร ยาว 32 เมตร สูง 38 สื่อถึงความหมายประดุจว่าเป็นพาหนะในการนำพาพุทธศาสนิกชนข้ามวัฏสงสารไปสู่นิพพานด้วยการปฏิบัติธรรม ตัววิหารเป็นที่รวบรวมศิลปะหลายแขนง ทั้งงานปูนปั้นที่เป็นเลิศของเพชรบุรี โดยใช้ลายตามังกรแบบจีนเข้ามาผสมผสาน บานหน้าต่างเป็นงานแกะสลักไม้ตะเคียน รอบวิหารรายล้อมด้วยประติมากรรมปูนปั้นจากวรรณกรรมเรื่องสังข์ทอง ทั้งยังนำพวงมาลัยเรือ ใบพัด และเสากระโดง มาตกแต่ง ให้คล้ายกับเรือสำเภาจริง
บนชั้นดาดฟ้าของเรือเป็นหอระฆัง สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ด้านบนโดยรอบบริเวณวัดได้ ภายในวิหารงดงามด้วยภาพเขียนลายรดน้ำลงรักปิดทอง ประดับอยู่ทั่วผนังวิหาร ชมความวิจิตรงดงามของพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม และพระอุปคุต ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline