xs
xsm
sm
md
lg

10 โบสถ์คริสต์ทั่วไทย ความงดงามแห่งศรัทธา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี
วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีถือเป็น "วันคริสต์มาส" เทศกาลสำคัญของคริสตศาสนิกชนที่จะร่วมกันเฉลิมฉลองเพื่อระลึกถึงการประสูติของพระเยซูเจ้า ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ และชาวคริสต์ก็จะใช้โอกาสนี้รวมตัวพบปะพร้อมหน้ากันในครอบครัว กินข้าวร่วมกัน แลกของขวัญกันอย่างอบอุ่น

ในเมืองไทยเราก็มีผู้นับถือศาสนาคริสต์เป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้ว่ามีโบสถ์คริสต์ที่สวยงามเก่าแก่ตั้งอยู่ในหลากหลายพื้นที่ ซึ่งสามารถไปเที่ยวชมเพื่อเรียนรู้อย่างสงบสำรวมได้ ดังที่เราได้รวบรวม 10 โบสถ์คริสต์ทั่วไทยที่งดงามน่าชมมาฝากกัน


1. อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี

“อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำจันทบุรี ใน อ.เมืองจันทบุรี เป็นโบสถ์คริสต์ที่ถูกยกให้เป็นอันซีนไทยแลนด์เนื่องจากมีความเก่าแก่และงดงาม โบสถ์แห่งแรกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2253 โดยชาวคาทอลิกที่ลี้ภัยมาจากเวียดนามได้มาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองจันท์ ต่อมาอาสนวิหารมีการเปลี่ยนแปลง ซ่อมแซมและสร้างใหม่ขึ้นอีกหลายครั้ง โดยโบสถ์หลังปัจจุบันสร้างเมื่อ พ.ศ.2452 โดดเด่นด้วยหน้าต่างโค้งแหลม และหอคอยสูงตั้งตระหง่านทั้ง 2 ข้าง ส่วนภายในประดับด้วยกระจกสีเป็นรูปภาพนักบุญต่างๆ อีกทั้งมีไฮไลท์อยู่ที่องค์พระแม่ซึ่งประดับพลอยกว่า 200,000 เม็ด

อาสนวิหารแม่พระบังเกิด สมุทรสงคราม
2. อาสนวิหารแม่พระบังเกิด สมุทรสงคราม

“อาสนวิหารแม่พระบังเกิด” หรือ “โบสถ์บางนกแขวก” ตั้งอยู่ใน อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เป็นอีกหนึ่งโบสถ์คริสต์งดงามในไทยที่สร้างขึ้นในสมัย ร.5 โดยบาทหลวงเปาโลซัลมอน มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมภายนอกงดงามด้วยศิลปะกอธิค มียอดแหลมพุ่งเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในประดับด้วยภาพเขียนบนกระจกสีจากฝรั่งเศส วาดเป็นเรื่องราวของพระเยซูและประวัติพระแม่มารีอา งดงามน่าชมอย่างมาก

วัดอัครเทวดามิคาแอล ยโสธร
3. วัดอัครเทวดามิคาแอล ยโสธร

“วัดอัครเทวดามิคาแอล” หรือ “โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้” ตั้งอยู่ที่ อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2452 แต่เดิมวัดซ่งแย้เป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆ ฝาขัดแตะ และต่อมาสร้างขึ้นใหม่อีกหลายครั้ง โดยโบสถ์คริสต์หลังปัจจุบันเป็นโบสถ์รุ่นที่ 3 สร้างขึ้นใน พ.ศ.2490 ถือเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ตัวโบสถ์กว้าง 16 ม. ยาว 57 ม. ใช้แผ่นไม้เป็นแป้นมุงหลังคา 80,000 แผ่น ใช้เสาขนาดต่างๆ กันถึง 360 ต้น เสาในแถวกลางมีขนาดใหญ่ยาวที่สุดมี 260 ต้น สูงจากพื้นดินกว่า 10 เมตร จุคนได้กว่าพันคนเลยทีเดียว

วัดนักบุญอันนา นครพนม
4. วัดนักบุญอันนา นครพนม

"วัดนักบุญอันนา” (หนองแสง) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมืองนครพนม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2469 โดยคุณพ่อเอทัวร์ นำลาภ อดีตอธิการโบสถ์ ลักษณะอาคารมีหอคอยคู่ยอดแหลม โดยโบสถ์หลังนี้เป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชนท้องถิ่นในแถบนี้ โดยในช่วงวันคริสต์มาส ชาวคริสต์แต่ละชุมชนจะประดิษฐ์ดาวขนาดใหญ่แล้วแห่มารวมกันไว้ที่นี่

โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล สกลนคร
5. โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล สกลนคร

“โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล” ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าแร่ อ.เมืองสกลนคร โดยบ้านท่าแร่ถือว่าเป็นชุมชนคาทอลิคเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีและถือว่าเป็นชุมชนชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตัวโบสถ์มีขนาดใหญ่สีขาวรูปทรงคล้ายเรือ มีอายุร่วม 100 ปี ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของทุกปีจะมีการจัด “แห่ดาวเทศกาลคริสต์มาส” โดยทั้งชุมชนจะเต็มไปด้วยดาวประดิษฐ์รูปแบบต่างๆ รวมไปถึงขบวนรถแห่ดาวเพื่อสืบสานความเชื่อความศรัทธา ซึ่งการแห่ดาวจะมาสิ้นสุดลงที่โบสถ์แห่งนี้

โบสถ์คอนเซ็ปชัญ กรุงเทพฯ
6. โบสถ์คอนเซ็ปชัญ กรุงเทพฯ

"วัดคอนเซ็ปชัญ" ตั้งอยู่ในซอยมิตตคาม ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต เป็นชุมชนชาวคริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยหลังจากที่พระสังฆราชหลุยส์ ลาโน ได้รับการอภิเษกที่กรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ.2217 แล้ว ท่านก็ได้เดินทางมาอยู่ที่เมืองบางกอก และได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเพื่อขอพระราชทานที่ดินสำหรับสร้างวัดและโรงพยาบาล พระองค์ได้พระราชทานที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือวัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และได้สร้างวัดในศาสนาคริสต์ขึ้นด้วยอิฐลาดปูน โดยตั้งชื่อว่า Immaculee Conception ซึ่งหมายถึง "แม่พระปฏิสนธินิรมล" วัดนี้จึงถูกเรียกว่า "วัดคอนเซ็ปชัญ"

โบสถ์เซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ กรุงเทพฯ
7. โบสถ์เซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ กรุงเทพฯ

“วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์” อยู่ใน ซอยมิตตคาม ถ.สามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต ใกล้กับวัดคอนเซ็ปชัญ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เมื่อกลุ่มคริสตังชาวญวนได้หนีการเบียดเบียนศาสนาเข้ามาในไทย พระองค์จึงพระราชทานที่ดินซึ่งอยู่ติดกับวัดคอนเซปชัญให้สร้างศาลาใหญ่เป็นที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้สร้างโบสถ์ขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจ โดยภายหลังได้นำพระรูปแม่พระและรูปนักบุญฟรังซิสเซเวียร์จากมะนิลามาตั้งในวัดแห่งนี้

โบสถ์อัสสัมชัญ กรุงเทพฯ
8. โบสถ์อัสสัมชัญ กรุงเทพฯ

“อาสนวิหารอัสสัมชัญ” ตั้งอยู่ในซอยโอเรียนเต็ล ถ.เจริญกรุง เขตบางรัก กทม. มีความเก่าแก่ถึง 200 กว่าปี ถูกสร้างครั้งแรกโดยบาทหลวงปาสกัล ในราวปี พ.ศ.2352 ส่วนโบสถ์หลังปัจจุบันนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.2452 มีความงดงามด้วยศิลปะแบบเรอเนซองส์ของอิตาลี มีความสูงตั้งแต่ยอดหอคอยจดพื้น 32 ม. ผนังและเพดานงดงามด้วยจิตรกรรมแบบเฟรสโกและประติมากรรมปูนปั้น มีศิลปะกระจกสีจำนวน 46 บาน พร้อมด้วยโรสวินโดว์ (Road window) ในปี พ.ศ. 2527 อาสนวิหารแห่งนี้ยังเคยได้มีโอกาสรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อปี 2562 ด้วย

โบสถ์กาลหว่าร์ กรุงเทพฯ
9. โบสถ์กาลหว่าร์ กรุงเทพฯ

"โบสถ์กาลหว่าร์" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธ์วงศ์ กทม. โบสถ์หลังเดิมสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ โดยกลุ่มชาวโปรตุเกสที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และเนื่องจากมีกางเขนตั้งอยู่ที่สุสานบริเวณด้านหลังของวัด จึงเรียกกันตามชื่อของภูเขาที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนว่า "กาลวารีโอ" ซึ่งภายหลังขนานนามวัดนี้ว่า "วัดกาลหว่าร์" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดแม่พระลูกประคำ" ส่วนโบสถ์หลังปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบนีโอโกธิคที่สวยงาม ที่เพดานมีดาวประดับเป็นลักษณะท้องฟ้า ตกแต่งกระจกสีเป็นเรื่องราวในคัมภีร์ทั้งพระธรรมใหม่และพระธรรมเก่าที่สวยงาม

โบสถ์ซางตาครูส กรุงเทพฯ
10. โบสถ์ซางตาครูส กรุงเทพฯ

วัดซางตาครูส ตั้งอยู่ที่ถนนเทศบาลสาย 1 แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี ใน พ.ศ.2312 ได้ชื่อว่า "โบสถ์ซางตาครูส" หมายความว่า กางเขนศักดิ์สิทธิ์ โบสถ์ซางตาครูสหลังปัจจุบันมีสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียนสมัยเรเนสซองส์ หรือที่เรียกว่านีโอคลาสสิค ตั้งตระหง่านหันหน้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ตัวอาคารก่ออิฐฉาบปูนตกแต่งด้วยปูนปั้นเป็นลวดลายใบไม้สวยงาม ส่วนภายในโบสถ์เป็นห้องโถงใหญ่เพดานสูง มีแท่นยืนสำหรับบาทหลวง ด้านหลังมีรูปปั้นพระเยซูถูกตรึงกางเขน




กำลังโหลดความคิดเห็น