xs
xsm
sm
md
lg

“ผาชะนะได” โฉมใหม่ ชวนตื่นตาตื่นใจแสงแรกของวัน ณ จุดรับตะวันก่อนใครในสยาม

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี


 ทะเลหมอกอลังการ ที่ผาชะนะได
“ผาชะนะได” เป็นสถานที่ที่กรมอุตุนิยมวิทยาใช้อ้างอิงถึงตำแหน่งที่เห็นแสงอาทิตย์ขึ้นเป็นจุดแรกของเมืองไทย ณ เส้นแวง (ลองจิจูด) ที่ 105 องศา 37 ลิปดา 17 ฟิลิปดา

ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงให้ฉายาผาชะนะได ว่าเป็น “จุดรับตะวันก่อนใครในสยาม” หรือ จุดชมแสงอาทิตย์แห่งแรกของเมืองไทย

ยิ่งคนที่ถือเคล็ดเชื่อเรื่องโชคลาง ในช่วงต่อคืนของวันส่งท้ายปีเก่า วันที่ 31 ธันวาคม ที่จะต่อช่องกับวันขึ้นปีใหม่ วันที่ 1 มกราคมของทุกปี ก็จะต้องหาที่ที่รับแสงแรกของปีที่ผาชะนะไดแห่งนี้ ด้วยถือกันว่าถ้าแสงแรกของปีใหม่ฟ้าโปร่ง สดใส ก็หมายความว่าปีนั้นชีวิตจะราบรื่น กิจการงานก็สดใจ แต่ถ้าหมอกฟุ้งคลุมตัว ฟ้าขมุกขมัว เมฆบังแสง ชีวิตปีนั้นก็คงไม่ต่างกัน ขลุกขลัก อุปสรรคตลอดปี

 ป่าดงนาทาม มองเห็นแม่น้ำโขงและวัดริมน้ำ
นี่เป็นแค่คนเดินทางเขาตั้งเป็นการทำนายในวันปีใหม่แบบสนุกๆ ไม่ได้มีตำราหรือศาสตร์อะไรมาสนับสนุน ก็คงดีกว่ามานั่งเหงา ๆ ดูแสงเช้าไปเปล่า ๆโดยไม่มีอะไร ก็เลยหาเหตุหรือกิมมิกมาเป็นสีสันของการเดินทาง

อย่างไรก็ดีสำหรับผาชะนะไดนั้น ไม่ได้มีดีแค่เป็นจุดรับตะวันก่อนใครในสยาม แต่ยังมีความสวยงามเปี่ยมเสน่ห์และมีของดีให้สัมผัสกันอีกหลากหลาย


ผาชะนะได โฉมใหม่

ผาชะนะได ตั้งอยู่ในผืนป่าดงนาทาม อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เดิมการเข้าไปสู่ผาชะนะไดนั้นค่อนข้างลำบาก ทุกลักทุเล เนื่องจากมีถนนลาดยางที่รถทุกชนิดจะเข้าไปได้ก็มาแค่ทางแยกไปวัดถ้ำปาฏิหาริย์เท่านั้น นอกนั้นในระยะทางเกือบ 13 กิโลเมตรที่เหลือ จะเป็นทางที่แล่นเข้าไปบนทางลำลองที่เป็นลูกรัง แนวหิน บางช่วงทางต้องลัดเลาะไปตามช่องหินแคบ ๆ บางทีขึ้นเนินแล้วหักศอกลง บางช่วงผ่านเข้าไปจะเป็นทรายที่เกือบท่วมยางรถยนต์

จุดตั้งแคมป์ กางเต็นท์บนลานหิน
ด้วยเหตุนี้รถเก๋ง รถตู้ จึงเข้าไม่ได้เด็ดขาด แม้แต่รถปิคอัพที่ไม่ชินทางก็ไม่ควรเข้า ต้องเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถกระบะ รถปิคอัพของชาวบ้านในพื้นที่ที่ชำนาญทาง นอกจากนี้โชเฟอร์ต้องขับไปไปด้วยความใจเย็น ระมัดระวัง ขืนใครเร่งความเร็ว ช่วงล่างรถคงได้รวนกันพอดี

แต่นั่นเป็นสภาพการณ์เมื่อครั้งอดีต มาวันนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในเส้นทางสู่ผาชะนะได ป่าดงนาทาม หลังจากทาง อช.ผาแต้ม ได้ปิดการท่องเที่ยวที่ผาชะนะได เพื่อปรับปรุงเส้นทางตั้งแต่ ปี 2562

ถนนสายใหม่เข้าป่าดงนาทาม ผาชะนะได
ล่าสุดในฤดูกาลท่องเที่ยว ปี 63-64 ทาง อช.ผาแต้ม ได้เปิดผาชะนะได ให้ท่องเที่ยวอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับเส้นทางสู่ผาชะนะได ป่าดงนาทาม โฉมใหม่ที่ลาดยางตลอดสาย ตั้งแต่แยกเข้าวัดถ้ำปาฏิหาริย์ไปจนถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดงนาทาม ซึ่งเป็นทั้งจุดจอดรถ จุดพักแรม ตั้งแคมป์กางเต็นท์ และจุดเริ่มต้นเดินเท้าไปอีก 500 เมตร เพื่อสัมผัสกับแสงแรกแห่งสยามที่ผาชะนะได รวมถึงเดินไป “น้ำตกห้วยพอก” ที่อยู่ไม่ไกลกัน

อย่างไรก็ดีสำหรับเส้นทางที่ลาดยางปรับปรุงใหม่นั้น เป็นถนนเลนเดียว ทางแคบจนรถสวนกันแทบไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ทาง อช.ผาแต้ม จึงต้องจัดระเบียบ จัดคิว รถขึ้น-ลง เพื่อความปลอดภัย แบ่งเป็น 2 รอบ เช้าและบ่าย

ป้ายบอกเวลาขึ้นลงตรงด่านเก็บค่าธรรมเนียม
ช่วงเช้า : รถรอบขาขึ้น จะเริ่มตั้งแต่เวลา 04.30-07.00 น. (เก็บค่าธรรมเนียมที่แยกวัดถ้ำปาฏิหาริย์) เพื่อไปดูทะเลหมอกและรับแสงยามเช้าที่ผาชะนะได หลังจากนั้นจะเป็นขาลงในช่วงเวลา 08.30-10.30 น. จากศูนย์บริการฯดงนาทาม

ช่วงบ่าย : รถรอบขาขึ้น จะเปิดให้ขึ้นในเวลา 13.00-15.30 น. แล้วขาลงจะอยู่ในช่วงเวลา 16.30-17.30 น.

ลานจอดรถกว้างใหญ่
ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เลือกไปนอนพักค้างกางเต็นท์ ตั้งแคมป์กางป่าดงนาทาม ทาง อช.ผาแต้ม จัดพื้นที่ไว้ให้ โดยมีลานหินให้จอดรถ และลานกางต็นท์กว้างขวาง ตั้งอยู่ริมลำธารน้ำตกห้วยพอก โดยทางอุทยานฯ มีเต็นท์ มีอุปกรณ์การนอนให้เช่าบริการ ซึ่งหากในช่วงวันปกติคงไม่ต้องจอง แต่ถ้ามาช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ช่วงวันหยุดเทศกาล หรือช่วงวันหยุดยาวพิเศษ ควรจองไว้ก่อน เพื่อความแน่นอน

เที่ยวผาชะนะได-ป่าดงนาทาม

นักท่องเที่ยวมารอชมแสงแรกแห่งวันที่ผาชะนะได
สำหรับใครที่มาเที่ยวผาชะนะไดนั้นก็มีกิจกรรมหลากหลายให้ได้สัมผัสกัน นำโดยไฮไลท์ คือการไปชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม ที่จุดชมวิว (ห่างจากลานกางเต็นท์ 500 เมตร) ที่เมื่อมองลงไปจะเห็นผืนป่าเขียวขจีริมชายแดนเบื้องล่าง และแม่น้ำโขงไหลผ่านกั้นเขตแดนไทย-ลาว รวมถึงถ้าวันไหนอากาศเป็นใจก็จะมองเห็นทะเลหมอกขาวโพลนลอยอ้อยอิ่งดูสวยงามจับใจ

 เอื้องนวลจันทร์ออกดอกสะพรั่งที่น้ำตกห้วยพอก
ไม่ไกลจากจุดชมวิวมี “น้ำตกห้วยพอก” อันสวยงามชุ่มฉ่ำที่อยู่ เป็นอีกหนึ่งจุดน่าสนใจ รวมถึงมีทุ่งดอกไม้ดินใกล้ ๆ น้ำตกห้วยพอก ให้ยลในสีสันความงาม

ในพื้นที่ป่าดงนาทามยังมี “เสาเฉลียงคู่” เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ ซึ่งปัจจุบันมีทางแยกออกไปห่างจากศูนย์บริการดงนาทามราว 3 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางอย่างดี มีบรรยากาศร่มรื่นสวยงาม

เสาเฉลียงคู่
เสาเฉลียงคู่ มีลักษณะเป็นเสาหิน 2 เสา ฐานกว้างด้านบนคอดมีแผ่นหินวางอยู่ข้างบนอย่างหวาดเสียว คล้ายดังจะตกไม่ตกแหล่ (แต่ก็ไม่เคยตกสักที) เสาเฉลียงคู่ถือเป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดีของเมืองไทย เพราะยามอาทิตย์อัสดงจะเกิดภาพเงามืด(ซิลูเอท)เห็นเค้าโครงอันสวยงามแปลกตาของเสาเฉลียงคู่ ตัดกับสีสันของท้องฟ้ายามโพล้เพล้ได้เป็นอย่างดี

ทุ่งดอกไม้ป่าดงนาทาม
นอกจากนี้ป่าดงนาทามยังมีทุ่งดอกไม้ป่าบนพลาญหิน หรือ “ทุ่งดอกไม้ป่าดงนาทาม” ที่มีดอกไม้ป่านานาชนิด อาทิ ดุสิตา สร้อยสุวรรณา ทิพย์เกสร สรัจจันทร พู่ม่วง เอนอ้า กระดุมเงิน หญ้าบัว หยาดน้ำค้าง ฯลฯ ซึ่งจะพร้อมใจกันออกดอกกันตั้งแต่ราวเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงมกราคม แล้วแต่ว่ายังมีความชื้นในดินมากน้อยขนาดใหญ่

ดุสิตาบานสะพรั่งในทุ่งดอกไม้ดงนาทาม
ทุ่งดอกไม้ที่นี่มีเป็นทุ่งกว้างไม่แพ้ที่น้ำตกสร้อยสวรรค์ (อีกหนึ่งจุดทุ่งดอกไม้ป่าชื่อดังของ อช.ผาแต้ม) นอกจากดอกไม้สีสันสะสดใสพลิ้วไหวตามสายล้มแล้ว ยังมองเห็นทิวทัศน์ของป่าดงนาทามอันกว้างใหญ่ ที่มีเสาเฉลียงคู่ ตั้งโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ของผืนป่าแห่งนี้อีกด้วย

 ภาพเขียนสีโบราณรูปฝ่ามือที่โหง่นแต้ม
ขณะที่จุดน่าสนใจอื่น ๆ ในป่าดงนาทาม นั้นก็มี “โหง่นแต้ม” เป็นเพิงหินที่มีรอยฝ่ามือแดง ซึ่งเป็นภาพเขียนสีโบราณก่อนประวัติศาสตร์ยุคเดียวกับที่ผาแต้ม

นอกจากนี้ก็ยังมี เสาเฉลียงพญาครุฑ หินเต่าชมจันทร์ ลานดอกไม้ป่าริมทาง ในระหว่าง รวมถึงกิจกรรมเดินป่าเที่ยวผากำปั่น หรือเดินชิลล์ ๆ ไปดูป่าสนสองใบบนหน้าผาที่ผาสนก็น่าสนใจไม่น้อย

เสาเฉลียงพญาครุฑ
นับได้ว่าวันนี้ผาชะนะไดโฉมใหม่นั้น สามารถส่งนักท่องเที่ยวให้เข้าถึงจุดรับชมแสงตะวันก่อนใครในสยามได้อย่างไม่ยากเย็นเหมือนก่อนแต่อย่างใด




กำลังโหลดความคิดเห็น