xs
xsm
sm
md
lg

“10 ที่เที่ยว” คิดถึง “กาญจน์” มั้ย ไปเที่ยวกันนะ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่กาญจนบุรี
ทำงานอยู่ในเมืองทุกวัน พอถึงวันหยุดหรือพอมีเวลาว่างก็อยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ไปเที่ยวสนุกๆ ท่ามกลางธรรมชาติ ถ้าไม่อยากเดินทางไกลมากนัก ที่ “กาญจนบุรี” ก็เป็นอีกจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ มีที่เที่ยวหลากหลาย ทั้งทางธรรมชาติ วัด ตลาด และวิถีชุมชน

ถ้ายังไม่รู้ว่าไปทริปกาญจนบุรีรอบนี้จะไปเที่ยวที่ไหนดี เรามี “10 ที่เที่ยว” ที่กาญจนบุรี มาให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกทริปสนุกในวันหยุดนี้

สะพานข้ามแม่น้ำแคว

สะพานข้ามแม่น้ำแคว
สะพานข้ามแม่น้ำแคว (อ.เมือง)
เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันจุดนี้ถือเป็นไฮไลต์อีกแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี ที่จะต้องแวะมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ได้เห็นสะพานเหล็กที่ทอดข้ามผ่านแม่น้ำแควใหญ่ พร้อมกับวิวรอบๆ

แต่ถ้าใครอยากสัมผัสเส้นทางรถไฟ ก็สามารถมาดักรอขึ้นรถไฟที่บริเวณสถานีรถไฟใกล้กับสะพานได้ โดยแต่ละวันก็จะมีรถไฟวิ่งข้ามสะพานตามตารางเวลาทั้งช่วงเช้าและบ่าย หรือจะขึ้นรถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษมาจากกรุงเทพฯ ก็ได้ ซึ่งรถไฟก็จะวิ่งไปตามเส้นทางรถไฟสายมรณะ ตรงไปสุดอยู่ที่สถานีน้ำตก บริเวณน้ำตกไทรโยคน้อย

ต้นจามจุรียักษ์

ต้นจามจุรียักษ์
ต้นจามจุรียักษ์ (อ.เมือง)
เป็นต้นไม้มีอายุยืนยาวมากกว่า 100 ปี ขนาดของลำต้นโดยรอบประมาณ 10 คนโอบ มีเส้นรอบวงประมาณ 15 เมตร ความสูงประมาณ 20 เมตร ถือเป็นอีกหนึ่งต้นจามจุรีที่มีขนาดใหญ่และหาชมได้ยากในปัจจุบัน ความร่มรื่นจากกิ่งก้านน้อยใหญ่ แผ่กว้างออกไปรอบๆ บริเวณของพื้นที่พุ่มที่มีประมาณ 1 ไร่เศษเลยทีเดียว ไม่ว่าใครที่ได้มาเห็นแล้วจะต้องตะลึงกับความใหญ่โตมโหฬารของต้นไม้จามจุรียักษ์ ในส่วนของบริเวณโคนต้นจะมีรากไม้ขนาดใหญ่ชอนไชแผ่ออกไปทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบ

โดยมีการทำสะพานไม้ทางเดินเป็นวงกลมล้อมรอบต้นจามจุรียักษ์ เป็นทางเดินเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมรอบๆ แบบไม่ต้องเหยียบรากต้นไม้ให้ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งปรับภูมิทัศน์รอบๆ ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับอย่างสวยงาม เพื่อเป็นอีกจุดพักผ่อนหย่อนใจ แวะถ่ายรูปสวยๆ เก็บเป็นที่ระลึก

วัดถ้ำเสือ

วัดถ้ำเสือ
วัดถ้ำเสือ (อ.ท่าม่วง)
สิ่งสำคัญที่นักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาที่นี่ ก็เพื่อมาสักการะพระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดในกาญจนบุรี ตัวองค์พระงดงาม ประดับด้วยโมเสกสีเหลืองอมทองดูอร่ามไปทั้งองค์ ไหว้พระเสร็จแล้วจะเดินไปชมวิวทุ่งหน้ากว้างๆ ให้สดชื่นที่ด้านหลังองค์พระ หรือถ้าเดินไหวก็แนะนำให้ขึ้นไปยังพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท บนชั้นต่างๆ ก็จะประดิษฐานพระพุทธรูป ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งที่ชั้นอื่นๆ ก็มีหน้าต่างรับลม และชมความงามของวิวรอบๆ และจะได้เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่เป็นสีทอง ตัดกับความเขียวขจีของทุ่งนาที่อยู่โดยรอบ

สตรีทอาร์ตท่าม่วง

สตรีทอาร์ตท่าม่วง
สตรีทอาร์ตท่าม่วง (อ.ท่าม่วง)
ภาพสตรีทอาร์ตของชุมชนตลาดเก่าท่าม่วง มีไฮไลท์อยู่ที่ถนนเทศบาล ซอย 20 (วัฒนผล) ข้างโรงเรียนวีรศิลป์ รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง โดยในบริเวณนี้จะมีส่วนหนึ่งที่มีการบอกเล่าเรื่องราวชุมชนตลอดทั้งซอย ซึ่งภาพอาร์ตๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นภาพที่ผสมผสานมาจากจินตนาการของศิลปิน ถ่ายทอดออกมาสร้างบรรยากาศให้กับชาวท่าม่วงและนักท่องเที่ยวมีสีสันและคึกคักมากยิ่งขึ้น

ถนนคนเดินปากแพรก

ถนนคนเดินปากแพรก ย่านเมืองเก่า
ถนนคนเดินปากแพรก (อ.เมือง)
ถนนคนเดินปากแพรก อยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรี จะเปิดทุกเย็นวันเสาร์ โดยจะเริ่มตั้งของวางขายในช่วงแดดร่มลมตก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านค้าท้องถิ่นนำของอร่อยๆ มาวางขาย มีขนมท้องถิ่น ผลไม้ต่างๆ ของกินเล่น อาหารคาวหวาน ไปจนถึงของใช้ของฝากต่างๆ เดินเล่นกันได้จนถึงมืดค่ำ

นอกจากจะเป็นตลาดยามเย็นวันหยุดที่คึกคักแล้ว บริเวณนี้ก็ถือว่าเป็นย่านเก่าแก่ของกาญจนบุรี เป็นที่ตั้งชุมชนตั้งแต่สมัยโบราณ มียุทธศาสตร์ที่ดีเยี่ยมเนื่องจากมีแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน ปัจจุบันยังคงมีกำแพงเมืองเก่า บ้านเรือนยุคเก่า และอาคารสถานที่เก่าๆ ให้เดินถ่ายรูปได้

สะพานทางรถไฟบริเวณถ้ำกระแซ

ด้านในถ้ำกระแซ
ถ้ำกระแซ (อ.ไทรโยค)
บริเวณนี้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่ง เป็นถ้ำขนาดเล็กที่เคยเป็นที่พักอาศัยของเชลยศึกเมื่อครั้งมาสร้างทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งปัจจุบันนี้เปิดให้เข้าชมได้โดยสามารถเข้าไปสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ภายใน และหากเดินออกมาบริเวณปากถ้ำ ก็จะเป็นเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่ปัจจุบันก็ยังใช้เป็นเส้นทางการคมนาคมทางรถไฟ โดยตัวสะพานถ้ำกระแซนั้น เป็นสะพานไม้เลียบหน้าผา มีความยาวกว่า 450 เมตร เส้นทางจะโค้งเลียบเขาไป ด้านหนึ่งติดกับภูเขา อีกด้านเบื้องล่างเป็นแม่น้ำแควน้อย มองแล้วสวยงามน่าชม

ช่องเขาขาด

ช่องเขาขาด
ช่องเขาขาด (อ.ไทรโยค)
หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ “ช่องไฟนรก” (Hellfire Pass) ที่นี่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำในช่วงนั้น เพราะบริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะ และเป็นจุดที่เชลยศึกและกรรมกรจะต้องขุดภูเขาให้เป็นช่อง เพื่อเปิดเส้นทางให้รถไฟสามารถวิ่งผ่านไปได้ ปัจจุบันพื้นที่ในบริเวณนี้ได้รับการออกแบบและปรับปรุง จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ ภาพถ่าย และบรรยากาศในสมัยนั้นมาไว้ รวมถึงพื้นที่ด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ จะมีเส้นทางเดินลัดเลาะลงไปยังเส้นทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งบางจุดยังคงมีรางรถไฟให้เห็นอยู่บ้าง ตลอดสองข้างทางเป็นป่าครึ้ม มีจุดที่จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ที่ใช้ในการก่อสร้างทางรถไฟ และมีจุดที่แสดงความไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิต ณ ที่นี้

น้ำตกไทรโยคน้อย

รถจักรไอน้ำเก่าแก่บริเวณน้ำตกไทรโยคน้อย
น้ำตกไทรโยคน้อย (อ.ไทรโยค)
น้ำตกไทรโยคน้อย เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ตัวน้ำตกเกิดจากหน้าผาหินปูนที่พังทลายลงมา จนเกิดโขดหินปูนลดหลั่นกันอยู่ตรงบริเวณเชิงเขา มีต้นกำเนิดเป็นน้ำผุดจากภูเขาแล้วไหลมาตามลำธารเล็กๆ ไหลตกลงที่ผาหินปูนที่มีความสูง ประมาณ 15 เมตร แล้วแผ่กระจายไปตามพื้นเขาลาดเอียง รอบข้างร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์

จากน้ำตกไทรโยคเดินไปไม่ไกลจะพบกับร่อยรอยของเส้นทางรถไฟสายมรณะ และรถจักรไอน้ำ ซี 56 หมายเลข 702 ผลิตในประเทศญี่ปุ่น นำมาใช้ปี พ.ศ. 2489-2519 การรถไฟแห่งประเทศไทยมอบให้ จ.กาญจนบุรี ไว้ ณ น้ำตกไทรโยคน้อย เพื่อเป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์และส่งเสริมการท่องเที่ยว

บ้านอีต่อง

บ้านอีต่อง
บ้านอีต่อง (อ.ทองผาภูมิ)
หมู่บ้านชายแดนที่ตั้งของเหมืองปิล๊อก เหมืองแร่ชื่อดังในยุคอุตสาหกรรมเหมืองแร่เฟื่องฟู ในปัจจุบันบ้านอีต่องกลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ เป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศความเงียบสงบท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา

แม้หน้าตาของบ้านและอาคารต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมากแล้ว แต่บ้านอีต่องก็ยังคงความเรียบง่ายของและมีเสน่ห์แอบแฝงอยู่ สายน้ำด้านหน้า เดินผ่านตัวสะพานข้ามมายังชุมชน มีย่านร้านตลาด ที่จะคึกคักในช่วงเช้าและค่ำ โดยเฉพาะช่วงปลายปีต่อต้นปีที่ถือว่าเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของบ้านอีต่อง จะเห็นนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา เข้ามาสัมผัสบรรยากาศสงบงามของที่นี่

สังขละบุรี
สังขละบุรี (อ.สังขละบุรี)
เมืองชายแดนที่ล้อมรอบด้วยขุนเขาและป่าไม้เขียวขจี ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ผสมผสานชาติพันธุ์ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน ที่เห็นเด่นชัด ก็คือ ชาวไทย และชาวมอญ ซึ่งชาวมอญสังขละบุรีนี้ อพยพมาจากฝั่งพม่า มาตั้งรกรากอยู่ที่สังขละบุรีแห่งนี้นับร้อยปี กระทั่งมีการสร้างเขื่อน ชาวมอญจึงต้องย้ายจากเมืองสังขละเก่าที่ถูกน้ำในเขื่อนท่วม ขึ้นมาอยู่ยังเมืองสังขละในปัจจุบัน

อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชาวมอญสังขละ นั่นก็คือ “สะพานมอญ” หรือ “สะพานอุตตมานุสรณ์” ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2538 เพื่อให้ชาวบ้านใช้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำซองกาเลีย เดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างฝั่งไทยและฝั่งมอญ โดยมีหลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้ดำเนินการสร้าง ซึ่งตัวสะพานมีความยาว 850 เมตร นับว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ภายหลังมีการชำรุดจากน้ำป่าเมื่อปี 2556 และได้ซ่อมแซมจนสะพานมอญกลับมาเป็นเหมือนเดิม

สะพานมอญ สังขละบุรี
นอกจาก 10 ที่เที่ยวชวนคิดถึงเมืองกาญจน์แล้ว ที่ จ.กาญจนบุรี ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ให้แวะไปเที่ยวกัน ใครนิยมการพักผ่อนริมสายน้ำ ที่นี่ก็มีรีสอร์ทหลายแห่งให้เลือกพัก พร้อมกิจกรรมสนุกๆ ท่ามกลางสายน้ำ ใครชอบเช็คอินที่คาเฟ่สวยๆ ตอนนี้ที่กาญจนบุรีก็มีคาเฟ่และร้านอาหารเก๋ๆ มากมาย

วันหยุดนี้ถ้ายังเลือกไม่ได้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ลองคิดถึงกาญจนบุรีแล้วมาเที่ยวกันนะ

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่Youtube :Travel MGR




กำลังโหลดความคิดเห็น