หนึ่งในตัวเลือกการเดินทางท่องเที่ยวที่สุดแสนจะคลาสสิก ก็คือการนั่งรถไฟไปตามเส้นทางต่างๆ ระหว่างทางก็ได้ชื่นชมทิวทัศน์รอบๆ ตัว อย่างเส้นทางรถไฟที่มุ่งหน้าไปที่ “กาญจนบุรี” ก็ถือว่าเป็นอีกเส้นทางที่มีบรรยากาศดี มีไฮไลต์สวยๆ ชวนชมมากมาย
หากใครมีเวลาว่างในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็สามารถเลือกใช้บริการรถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษได้เลย โดยจะเป็นรถไฟท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ออกจากสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปสิ้นสุดที่สถานีน้ำตก (จ.กาญจนบุรี) ซึ่งระหว่างเส้นทางจะแวะให้ลงไปเที่ยวในบางจุดด้วย
จากจุดสตาร์ทเส้นทางรถไฟไปกาญจนบุรีที่ “สถานีกรุงเทพ” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “หัวลำโพง” ตั้งแต่ช่วงเช้า มุ่งหน้าตรงมาที่นครปฐม ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พอถึง “สถานีนครปฐม” จะแวะจอดประมาณ 40 นาที สามารถเดินไปสักการะ “องค์พระปฐมเจดีย์” ที่อยู่ใกล้ๆ ได้ (แต่แนะนำให้สักการะอยู่ด้านล่าง เพราะต้องเผื่อเวลาเดินกลับมาที่สถานีรถไฟด้วย)
ใครเป็นสายกิน บริเวณใกล้ๆ สถานีรถไฟนครปฐมก็ถือเป็นย่านของกินที่มีให้เลือกแบบละลานตา ตั้งแต่ข้าวเหนียวหมู โจ๊ก ก๋วยเตี๋ยว ขนมครก ปาท่องโก๋ ขนมจีบ ข้าวหลาม ผลไม้สด ฯลฯ จะแวะกินอาหารเช้าที่นี่ หรือจะซื้อไว้เป็นเสบียงตอนนั่งรถไฟก็ได้
กลับขึ้นรถไฟ นั่งต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อมุ่งหน้าไปยังกาญจนบุรี ระหว่างทางทั้งสองฝั่งก็จะได้เห็นบ้านเรือน ทุ่งนา ต้นหญ้า และทิวทัศน์ที่มองแล้วสบายตา นั่งรถไฟเพลินๆ เต็มอิ่มกับเสบียงที่เตรียมมา ก็จะมาถึง “สถานีสะพานแควใหญ่” ที่อยู่ติดกับ “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะ
สำหรับเส้นทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นจากสถานีชุมทางหนองปลาดุก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผ่านกาญจนบุรี ข้ามแม่น้ำแควใหญ่ จนถึงด่านเจดีย์สามองค์ และมีปลายทางอยู่ที่เมืองตาน-พยูซะยะ พม่า ทางรถไฟสายนี้ใช้แรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรและพรรกรชาวเอเชียที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้าง เพื่อให้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านพม่า เหตุที่ชื่อทางรถไฟสายมรณะ เนื่องจากระหว่างการสร้างทางรถไฟสายนี้ มีแรงงานเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ทั้งจากความทารุณของสงคราม โรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงการขาดแคลนอาหาร ปัจจุบัน ทางรถไฟสายมรณะเส้นนี้ไปสุดปลายทางอยู่ที่บ้านท่าเสา หรือ สถานีน้ำตก
สะพานข้ามแม่น้ำแควในปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของกาญจนบุรี ในทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก หากเดินทางมาในรถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษ ก็จะแวะจอดให้ลงไปถ่ายรูปวิวสวยๆ บริเวณสะพาน ก่อนจะขึ้นรถไปข้ามแม่น้ำแควใหญ่ไปอีกฝั่งเพื่อเดินทางต่อ แต่หากเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็สามารถรอถ่ายภาพช่วงที่รถไฟกำลังข้ามสะพานได้ โดยจะมีรถไฟหลายขบวนทั้งช่วงเช้าและบ่ายที่จะใช้เส้นทางบนสะพานแห่งนี้
นั่งรถไฟต่อมาเรื่อยๆ อีกสักครู่ ก็จะมาถึงอีกช่วงที่เป็นไฮไลต์ของเส้นทางรถไฟสายนี้ นั่นคือ “ถ้ำกระแซ” บริเวณนี้ถือว่าเป็นเส้นทางรถไฟช่วงที่สวยที่สุด เนื่องจากเป็นเส้นทางโค้งไปตามภูเขา ความยาวกว่า 400 เมตร อีกฝั่งเป็นแม่น้ำแควน้อย ทำให้เวลาที่รถไฟวิ่งผ่านเส้นทางช่วงนี้ ทั้งคนที่โดยสารอยู่ในรถไฟและนักท่องเที่ยวด้านล่างต้องหยิบกล้องหยิบมือถือขึ้นมาบันทึกภาพวิวสวยๆ เก็บไว้
บริเวณถ้ำกระแซ นอกจากจะมีเส้นทางรถไฟแล้ว ยังมีถ้ำขนาดเล็กเคยเป็นที่พักอาศัยของเชลยศึกเมื่อครั้งมาสร้างทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งปัจจุบันนี้เปิดให้เข้าชมได้โดยสามารถเข้าไปสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ภายใน
รถไฟยังวิ่งตรงต่อไปจนถึงจุดสุดท้ายที่ “สถานีน้ำตก” โดยในจุดนี้อยู่ใกล้กับ “น้ำตกไทรโยคน้อย” สามารถใช้บริการรถสองแถวให้ไปส่งที่น้ำตกได้
น้ำตกไทรโยคน้อย เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ตัวน้ำตกเกิดจากหน้าผาหินปูนที่พังทลายลงมา จนเกิดโขดหินปูนลดหลั่นกันอยู่ตรงบริเวณเชิงเขา มีต้นกำเนิดเป็นน้ำผุดจากภูเขาแล้วไหลมาตามลำธารเล็กๆ ไหลตกลงที่ผาหินปูนที่มีความสูง ประมาณ 15 ม. แล้วแผ่กระจายไปตามพื้นเขาลาดเอียง รอบข้างร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์
จากน้ำตกไทรโยคเดินไปไม่ไกลจะพบกับร่อยรอยของเส้นทางรถไฟสายมรณะ และรถจักรไอน้ำ ซี 56 หมายเลข 702 ผลิตในประเทศญี่ปุ่น นำมาใช้ปี พ.ศ. 2489-2519 การรถไฟแห่งประเทศไทยมอบให้ จ.กาญจนบุรี ไว้ ณ น้ำตกไทรโยคน้อย เพื่อเป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์และส่งเสริมการท่องเที่ยว
หากขับรถมาเที่ยวที่น้ำตกไทรโยคน้อย ก็มีที่จอดรถสะดวกสบาย ตัวน้ำตกอยู่ติดกับถนน ไม่ต้องเดินเข้าไปไกล บริเวณที่จอดรถก็มีร้านค้าร้านอาหารมากมาย เสร็จแล้วสามารถเดินทางไปเที่ยวต่อได้ทั้งแถวๆ ไทรโยค บริเวณนั้นมีรีสอร์ท ที่พัก โรงแรมหลากหลายสไตล์ จะนอนแพริมน้ำ สนุกกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์ หรือทดลองกิจกรรมยอดฮิตคือล่องแพไม้ไผ่ในแม่น้ำแควน้อย ชมธรรมชาติสองฝั่ง นอกจากนี้ยังสามารถขับรถไปเที่ยวต่อได้ถึงทองผาภูมิหรือสังขละบุรี
แต่สำหรับคนที่มาเที่ยวกับรถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษ หากต้องการเดินทางกลับในช่วงเย็นวันเดียวกัน รถไฟจะจอดให้เล่นน้ำบริเวณน้ำตกประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนจะออกเดินทางกลับจากสถานีน้ำตกในช่วงบ่าย แวะชมสุสานทหารสัมพันธมิตร และเดินทางกลับเข้าไปถึงสถานีกรุงเทพในช่วงค่ำ
ความพิเศษของรถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษแบบนี้คือ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สามารถแวะเที่ยวได้สะดวก ระหว่างทางมีจุดแวะ (โดยเฉพาะในเส้นทางน้ำตก จ.กาญจนบุรี) บนขบวนรถจะมีเจ้าหน้าที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว จุดแวะพัก และเมนูอร่อยของท้องถิ่น รวมถึงนัดแนะเวลาตามตารางการเดินรถไฟ
* * * * * * * * * * * * * *
รถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษน้ำตกไทรโยคน้อย ให้บริการโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยเป็นขบวนเช้าไปเย็นกลับ ในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าบริการ รถนั่งธรรมดา ชั้น 3 คนละ 120 บาท / รถนั่งปรับอากาศ ชั้น 2 คนละ 240 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Call Center การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่Youtube :Travel MGR