เมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง หลายคนก็จะนึกถึงชายหาดสวยงาม และน้ำทะเลใสๆ ให้เราได้ไปนั่งพักผ่อน แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจอีกมากมายให้เราได้ไปสัมผัสกัน
เริ่มกันที่ย่านเก่าของเมืองระยองที่ “ถนนยมจินดา” ถนนแห่งนี้ถือเป็นถนนเก่าแก่ที่ทอดตัวยาวขนานไปกับแม่น้ำระยอง ในอดีตถูกจัดให้เป็นหัวเมืองชั้นตรี มีสภาพอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรป่าไม้ มีแม่น้ำระยองไหลผ่านใจกลางเมือง
ในสมัยนั้นชาวบ้านจะใช้แม่น้ำระยอง เป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมและขนส่งสินค้าลงเรือสำเภา เพื่อไปส่งยังหัวเมืองต่างๆ รวมทั้งลำเลียงเข้าสู่กรุงเทพฯ อีกด้วย ต่อมาพระศรีสมุทรโภค (อิ่ม ยมจินดา) เจ้าเมืองระยองคนสุดท้ายได้ริเริ่มให้มีการตัดถนนขึ้นกลางเมือง อันเป็นเส้นทางคมนาคมสายแรก พร้อมกับขนานนามว่า “ถนนยมจินดา” นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ต่อมาถนนยมจินดาจึงกลายเป็นศูนย์กลางเมืองระยอง ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนชุมชนบ้านไม้ และยังเป็นย่านการค้าที่มีทั้งตลาดสด โรงหนัง ธนาคาร เป็นแหล่งการค้าและเศรษฐกิจแห่งแรกของเมืองระยอง ถือเป็นต้นกำเนิดประวัติศาสตร์ของเมืองระยองมาอย่างยาวนาน
บนถนนสายเก่าแห่งนี้ นอกจากจะได้เดินชมอาคารบ้านเรือนโบราณแล้ว ยังมีร้านอาหารให้เราได้มาแวะนั่งพักผ่อนคลาย และลิ้มรสกับอาหารเพื่อเติมพลังให้ร่างกาย ได้มีแรงได้เดินเยี่ยมชมกันต่อ หรือจะเลือกนั่งชิลร้านกาแฟ เลือกเครื่องดื่มที่มีขายทั้งเครื่องดื่มร้อน และเครื่องดื่มเย็นมาจิบให้ชื่นใจคลายเหนื่อย
บนเนื้อที่ 1 ไร่เศษ ริมถนนสุนทรภู่ 3161 ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง เป็นที่ตั้งของ "พิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง" จัดแสดงของสะสมกว่าหมื่นชิ้น ของครูกัง-บุญเกียรติ บุญช่วยเหลือ ที่สะสมของมา 40 กว่าปี เก็บชิ้นแรกปี 2517
ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็นห้องต่างๆ กว่า 20 ห้อง อาทิ ห้องกระปุกออมสิน, ห้องเรียนคุณธรรม, เรือนสบาย, ห้องภูมิปัญญา รวมเครื่องมือช่างสารพัดชนิด, ร้านซาลอนจอมใจและร้านบาเบอร์ไทยเจริญ โดดเด่นด้วยเก้าอี้นั่งโบราณและอุปกรณ์ตัดแต่งทรงผม ที่ทุกชิ้นสามารถใช้งานได้จริง, ระยองโฟโต้ จำลองร้านถ่ายรูปพร้อมจัดแสดงกล้องฟิล์มสมัยต่างๆ, ครัวบ้านกร่ำ มีอุปกรณ์ทำครัวที่หาดูยากอย่างกระต่ายขูดมะพร้าว โม่หิน เครื่องครัวเก่า ปิ่นโตเถา เป็นต้น
จุดเด่นของที่นี่คือ ของชนิดเดียวกันจะมีให้ชมหลายรุ่นหลายสมัย ผู้ชมจะเห็นถึงวิวัฒนาการของสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ และของบางอย่างยังสามารถจับต้องทดลองใช้งานได้จริง จึงเหมาะเป็นสถานที่รำลึกเรื่องราววันวานของคนรุ่นก่อน และเป็นแหล่งถ่ายทอดแบบแผนการดำเนินชีวิตที่แฝงไปด้วยแง่คิดของคนในอดีตสู่สายตาของคนรุ่นต่อๆ ไป
ในอำเภอแกลง จ.ระยอง ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ บริเวณปากแม่น้ำประแส ที่ให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องระบบนิเวศน์ของป่าชายเลน ป่าโกงกาง ไม้โปรง และไม้ริมชายฝั่ง โดยเฉพาะต้นโปรงที่ขึ้นเป็นพุ่มหนาแน่นเต็มพื้นที่
"ทุ่งโปรงทอง" ตั้งอยู่ในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ หมู่ 7 ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง มีพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ ซึ่งแต่เดิมเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านทำการประมง เลี้ยงกุ้ง ทำการเกษตร ทำสวนผลไม้ จนกระทั่งทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณนี้ได้ถูกทำลาย และจากนั้นจึงมีการฟื้นฟูพื้นที่และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ และมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบริเวณทุ่งโปรงทองให้ได้เดินชมกัน
เมื่อเดินผ่านสะพานไม้เพื่อเข้าไปชมทุ่งโปรงทองที่อยู่ด้านใน จะเห็นเสน่ห์ของใบต้นโปรงที่มีสีเขียวอมหลืองสดใส เมื่ออยู่รวมกันเป็นจำนวนมากจึงทำให้ท้องทุ่งแห่งนี้กลายเป็นสีทองสว่างไสว ยิ่งถ้าอยู่กลางแสงแดดแล้วก็จะยิ่งเพิ่มความงามขึ้นอีก สมกับชื่อที่ชาวบ้านเรียกว่าทุ่งโปรงทองเสียจริงๆ
ตรงจุดชมวิวกลางทุ่งต้นโปรงนี้ สามารถเห็นวิวได้รอบทิศ เสมือนถูกโอบด้วยทุ่งสีเหลืองทอง ตัดด้วยขอบสีเขียวเข้มของใบโกงกางที่เป็นพุ่มล้อมอยู่โดยรอบ ถือเป็นจุดชมวิวที่สร้างความตื่นตา ประทับใจให้กับหลายๆ คน ที่ได้มาสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติป่าโปรงทองแห่งนี้
ปิดท้ายที่ “สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” ตั้งอยู่ใน อ.แกลง จ.ระยอง จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์ศึกษาวิจัย และรวบรวมพรรณไม้ในภาคตะวันออก และเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรพันธุ์พืช บริเวณโดยรอบของสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ มีพื้นที่รวมกว่า 3,800 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งมีคุณประโยชน์หลากหลาย ทั้งลดการพังทลายของชายฝั่ง ช่วยป้องกันน้ำเค็มไม่ให้เข้ามาในแผ่นดินจนเกินไป และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชพรรณต่างๆ
สำหรับไฮไลต์สำคัญของที่นี่ก็คือ แพกอหญ้าที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า “หญ้าหนังหมา” หรือ “แพหนังหมา” โดยเป็นแพกอหญ้าที่ทับถมกันเป็นชั้นๆ มีหนาถึง 50-100 ซม. ลอยเป็นผืนแผ่นเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง บนแพกอหญ้าหนังหมานี้เราสามารถขึ้นเดินบนนั้นได้ด้วย
นอกจากกอหญ้าหนังหมาแล้ว ยังมีอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ นั่นคือ “ป่าเสม็ดพันปี” ที่ส่วนใหญ่จะเป็นต้นเสม็ดขาว แต่ก็มีเสม็ดแดงขึ้นอยู่บ้าง โดยต้นเสม็ดที่นี่จะขึ้นอยู่บนพื้นทราย มีสภาพพื้นที่เป็นดินและป่าพรุน้ำท่วมขังมาก-น้อย ตามฤดูกาล ต้นเสม็ดที่นี่มีอยู่เป็นจำนวนมากหลายร้อยต้น ส่วนใหญ่เป็นต้นเสม็ดเก่าแก่ที่ขึ้นมาช้านาน โดยดูได้จากขนาดลำต้นที่ใหญ่และของต้นขึ้นสูงตระหง่าน โดยมันจะแผ่กิ่งก้านสาขาและลำต้นขยายออกไปไกล อีกทั้งยังมีรูปทรงที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR