“…ป่าชายเลนมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์ของพื้นที่ชายทะเลและอ่าวไทย แต่ปัจจุบัน ป่าชายเลนของประเทศไทย กำลังถูกบุกรุกและถูกทำลายไป โดยผู้แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน จึงควรหาทางป้องกันอนุรักษ์และขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นโกงกาง เป็นไม้ชายเลนที่แปลก และขยายพันธุ์ค่อนข้างยาก เพราะต้องอาศัยระบบน้ำขึ้นน้ำลงในการเติบโตด้วย จึงขอให้ส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง คือกรมป่าไม้ กรมประมง กรมชลประทาน และกรมอุทกศาสตร์ ร่วมกันหาพื้นที่ที่เหมาะสม ในการทดลองขยายพันธุ์โกงกาง และปลูกสร้างป่าชายเลนกันต่อไป…”
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙) พระราชทานพระราชดำริแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ (นายโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ในพระราชพิธีแรกนาขวัญหว่านข้าว บริเวณสวนจิตรลดา วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๓๔
นับจากนี้ (ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป) วันที่ 10 พฤษภาคม ของทุกปี ถือเป็นวัน “ป่าชายเลนแห่งชาติ”
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้มีพระราชดำริเกี่ยวกับป่าชายเลนไว้เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2534 ถึงคุณประโยชน์และความสำคัญของป่าชายเลน พร้อมให้หน่วยงานที่รับผิดชอบร่วมกันหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการทดลองและขยายพันธุ์โกงกางและปลูกสร้างป่าชายเลน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับป่าชายเลน
ด้วยเหตุนี้ ทส. โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จึงได้เสนอคณะกรรมการนโยบายและแผนทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 ซึ่ง คณะรัฐมนตรี ได้เห็นพ้องและมีมติอนุมัติเมื่อเดือนมีนาคมปี 63 ที่ผ่านมาให้วันที่ 10 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น “วันป่าชายเลนแห่งชาติ” เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและคุณประโยชน์ของป่าชายเลนที่มีต่อระบบนิเวศ รวมถึงเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความสมบูรณ์อย่างยั่งยืน
ดังนั้นวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 จึงถือเป็นการเปิดตัววัน วันป่าชายเลนแห่งชาติครั้งแรกในเมืองไทย
และเพื่อเป็นการฉลองวันป่าชายเลนแห่งชาติครั้งแรกของเมืองไทย เราขอพาไปรู้จักกับ 10 ป่าชายเลนมากเสน่ห์ ที่แต่ละแห่งถือว่าไม่ธรรมดา ซึ่งหลังจากโควิด-19 ผ่านพ้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกชั้นดีที่รอคอยให้ผู้สนใจได้ไปเยือนกัน
1.บางขุนเทียน
“ป่าชายเลนบางขุนเทียน” ตั้งอยู่ที่แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. เป็นทะเลกรุงเทพฯ ของจริงเพียงหนึ่งเดียว
ป่าชายเลนบางขุนเทียน อวลไปด้วยแมกไม้ป่าชายเลนนานาพันธุ์ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้ชมวิวทิวทัศน์ พืชพรรณ สัตว์ต่าง ๆ รวมถึงมีอุโมงค์ต้นไม้เส้นทางเดิน-ปั่นจักรยานชมธรรมชาติ มี “ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนบางขุนเทียน” ให้ผู้สนใจได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของป่าชายเลน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมล่องเรือชมทิวทัศน์ วิถีชีวิต และชมไฮไลท์ “หลักเขตกลางทะเล” ที่กั้นแบ่งระหว่างเขตบางขุนเทียน กทม.กับ จ.สมุทรปราการ ส่วนสายกินไม่ควรพลาดอาหารทะเลสดใหม่ ๆ ในบรรยากาศร้านอันหลากหลายให้นั่งชิลล์ รับลมทะเลเย็น ๆ
2.บางกะเจ้า
“บางกะเจ้า” หรือ “คุ้งบางกะเจ้า” ตั้งอยู่บริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบไปด้วยพื้นที่ 6 ตำบล ของ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นพื้นที่สีเขียวที่มีความอุดมสมบูรณ์จนได้ชื่อว่าเป็น “ปอดของคนกรุงเทพฯ” ซึ่งในนปี 2006 ทางนิตยสาร Time Asia ได้ยกย่องให้เป็น The Best Urban Oasis of Asia
บางกะเจ้ามีส่วนของป่าชายเลนเป็นพื้นที่หลัก ร่วมด้วยสวนสาธารณะ และชุมชนเชื่อมโยงที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ ได้รับการยกย่องว่าเป็น The Best Urban Oasis of Asia ในปี 2006 จากนิตยสาร Time Asia
ใครที่มาเที่ยวบางกะเจ้านอกจากจะได้สูดอ็อกซิเจนอย่างชุ่มปอดแล้ว ยังสามารถปั่นจักรยานเที่ยวชมสิ่งน่าสนใจต่าง ๆ อาทิ ชิมช้อปที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เที่ยวบ้านธูปหอม-บ้านลูกประคบสมุนไพร ชมสวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์อันร่มรื่น และการขึ้นชมวิวมุมสูงบนหอดูนก
ซึ่งถือเป็นกิจกรรมไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
3.ทุ่งชะคราม 7 สี
“ป่าชายเลนคลองตำหรุ” ต.คลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี ถือเป็นหนึ่งในต้นแบบโมเดลท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์พัฒนาอาชีพและฟื้นฟูป่าชายเลน เนื่องจากป่าชายเลนแห่งนี้ในอดีตเคยเสื่อมโทรมอย่างมากจากการทำนากุ้ง และโรงงานอุตสาหกรรม
จนกระทั่งชาวบ้านร่วมกันขอคืนพื้นที่ป่าอย่างสันติวิธีจากนายทุนแล้วทำการปลูกป่า-ฟื้นฟูป่า พร้อมทั้งมีการพัฒนาป่าชายเลนแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ขึ้นในเวลาต่อมา
สำหรับผู้มาเยือนป่าชายเลนคลองตำหรุ นอกจากจะได้สัมผัสกับความอุดมสมบูรรืของผืนป่าชายเลน ชมวิถีชีวิตการประกอบอาชีพของชาวบ้านจากผืนป่าชายเลนแล้ว ที่นี่ยังมีไฮไลท์ไม่ธรรมดา คือ “ทุ่งชะคราม 7 สี”
ทุ่งชะครามในป่าชายเลนแห่งนี้มีพื้นที่ราว 200 กว่าไร่ ด้วยอิทธิพลของสภาพพื้นที่ น้ำทะเล ดินฟ้าอากาศ ทำให้ต้นชะครามที่นี่มีหลากสีสัน ทั้งเขียว เหลือง แดง ม่วง น้ำตาล จนได้ชื่อว่าเป็น “ทุ่งชะคราม 7 สี” (อันที่จริงมีมากกว่า 7 สี) ถือเป็นแลนด์มาร์กทางการท่องเที่ยวใหม่ของ จ.ชลบุรี
4. ทุ่งโปรงทอง
“ทุ่งโปรงทอง” ปากน้ำประแส เป็นป่าชายเลนผืนใหญ่ที่สุดในจังหวัดระยอง ตั้งอยู่ที่ บ้านแสมภู่ ต.ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง
ทุ่งโปรงทองมีพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ เหตุที่เรียกว่า “ทุ่งโปรงทอง” เพราะที่นี่มีไม้เด่นคือ “ต้นโปรง”ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ใบของต้นโปรงมีสีเขียวตองอ่อน ยามเมื่อถูกแสงแดดจะสะท้อนให้เห็นเป็นสีทองอร่ามเต็มสะพรั่งทั่วท้องทุ่ง
ทุ่งโปรงทองมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ให้เดินชมวิวทิวทัศน์ ชมความสวยงามของต้นโปรง และพืชพันธุ์ป่าชายเลนอื่น ๆ รวมถึงหาโชคดีจะได้พบกับนกหายาก อาทิ นกนางนวลแกลบแม่น้ำ นกชายเลนปากแอ่น นกหัวโตสีเทา เป็นต้น ขณะที่ตรงจุดชมวิวกลางทุ่งต้นโปรงสามารถชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามได้รอบทิศทาง
5.อ่าวคุ้งกระเบน
“ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙)
พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสโปรดเกล้าฯ ให้จัดหาพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมหรือพื้นที่สาธารณประโยชน์ เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาด้านอาชีพการประมงและการเกษตรในเขตที่ดินชายทะเล เมื่อปี พ.ศ.2524
จากนั้นป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนจึงได้พลิกฟื้นจากป่าเสื่อมโทรม กลายเป็นป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มากไปด้วยระบบนิเวศอันหลากหลาย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวศึกษาระบบป่าชายเลนอันดีเยี่ยมในระดับต้น ๆ ของเมืองไทย
ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ทอดยาวที่สร้างได้อย่างกลมกลืน มีป้ายสื่อความหมายให้ข้อมูลไปตลอดทาง
ในเส้นทางสายนี้มีไฮไลท์สำคัญอยู่ 2 จุดด้วยกัน คือ “สะพานแขวน” อันทรงเท่ที่ทอดข้ามคลองเล็ก ๆ และอนุสรณ์“หมูดุด”หรือ“พะยูน” ซึ่งในอดีตเคยเป็นเจ้าแห่งอ่าวคุ้งกระเบน แต่ปัจจุบันแทบสูญพันธุ์เหลือไว้แค่รูปปั้นเตือนใจ
6.หาดทรายดำ
“ป่าชายเลนแหลมมะขาม” หรือ ป่าสงวนแห่งชาติป่าแหลมมะขาม ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด เป็นอีกหนึ่งผืนป่าชายเลนมากเสน่ห์ที่มีความพิเศษต่างจากที่อื่น ๆ นั่นก็คือ “หาดทรายดำ” หนึ่งเดียวในเมืองไทย
หาดทรายดำ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หาดหัวสวน” มีลักษณะเป็นหาดทรายในพื้นที่ป่าชายเลน มีความงามแปลกตาตรงที่หาดทรายมีลักษณะละเอียด เม็ดทรายเป็นสีน้ำตาลแดงเข้มไปจนถึงดำ ซึ่งทั่วโลกมีหาดทรายดำลักษณะเช่นนี้มีเพียงไม่กี่แห่งในโลกเท่านั้น
ทรายดำที่หาดแห่งนี้มีชื่อทางวิชาการว่า “ไลโมไนต์” (Limonite) เป็นแร่ที่เกิดจากการยุบตัวของเศษเหมืองและเปลือกหอยผสมด้วยควอตซ์ หรือเป็นแร่ที่เกิดจากการผุกร่อนของเหล็ก เชื่อกันว่าทรายดำที่นี่มีแร่ธาตุที่ช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และรักษาอาการปวดเมื่อยได้ ใครที่อยากทดลองก็สามารถมาทำ “สปาหาดทรายดำ” ด้วยการมานอนหมกตัวอยู่ในทราย หรือจะลองเพียงฝังเท้าในทรายดูก็ได้เช่นกัน
7.ลานตะบูน
“ป่าชายเลนบ้านท่าระแนะ” ตั้งอยู่ที่ ต.หนองคันทรง อ.เมือง จ.ตราด เป็นป่าชายเลนอันกว้างใหญ่แสนอุดมสมบูรณ์ ภายใต้การดูแลอย่างดีของ “ชุมชนท่าระแนะ”
จนได้รับรางวัลชุมชนต้นแบบที่มีการดูแลทรัพยากรป่าชายเลนดีเป็นอันดับหนึ่งของประเทศในปี 2556
ป่าชายเลนบ้านท่าระแนะ มีไฮไลท์สำคัญคือ “ต้นตะบูน”จำนวนมาก ที่รากลอยของมันในแต่ละต้นต่างเลื้อยแผ่กว้างสานถักทอเป็นเส้นสายลวดลายธรรมชาติอันสวยงาม กลายเป็น “ลานตะบูน” ที่มองดูน่าตื่นตาตื่นใจ คล้ายกับป่าในเทพนิยาย จนทำให้ที่นี่ได้รับการเรียกขานว่า “มหัศจรรย์ลานตะบูน”
นอกจากนี้ต้นตะบูนที่นี่ยังได้รับยกย่องให้เป็น "รุกข มรดกของแผ่นดิน” อันทรงคุณค่าของประเทศไทยอีกด้วย
8.ป่าชายเลนสิรินาถราชินี
“ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี” ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่เดิมที่นี่เคยมีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรมอย่างหนักจากการทำนากุ้ง
แต่ต่อมาได้รับการพัฒนาพื้นที่ ปลูกป่าชายเลน จนกระทั่งระบบนิเวศป่าชายเลนฟื้นคืนกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง กลายเป็นศูนย์เรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่น่าสนใจยิ่ง
ป่าชายเลนสิรินาถราชินี มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ที่จะนำไปรู้จักกับระบบนิเวศในป่าชายเลน ทั่งพืชพรรณ สรรพสัตว์ โดยมีไฮไลท์ไม่ควรพลาดคือ “หอชะคราม” จุดชมวิวหอสูงเท่าตึก 6 ชั้น ที่สามารถชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามกว้างไกลได้รอบทิศทาง 360 องศา
9.ป่าชายเลนหงาว
“ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว” หรือ “ศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง” ที่นิยมเรียกสั้นๆว่า “ป่าชายเลนหงาว” ต.หงาว อ.เมือง จ.ระนอง เป็นหนึ่งในผืนป่าที่มีระบบนิเวศหลากหลายและอุดมสมบูรณ์มาก จนองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็น “พื้นที่เขตสงวนชีวมณฑล” ใน พ.ศ. 2540
ป่าชายเลนหงาวมีพื้นที่กว้างขวางนับแสนไร่ กระจายตัวบริเวณปากแม่น้ำกระบุรี โดยมีเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญอยู่ 2 จุดด้วยกัน
จุดแรก คือ สวนรุกขชาติป่าชายเลน มีสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติทอดตัวยาวไปในผืนป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มากไปด้วยพืชพันธุ์ไม้และสรรพสัตว์นานาชนิด
ส่วนจุดสอง คือ บริเวณป่าชายเลนหาดทรายขาว ที่เต็มไปด้วยต้นโกงกางขนาดใหญ่ พร้อมทั้งมีไฮไลท์เป็นต้นโกงกางยักษ์ อายุประมาณ 200 ปี มีความสูงกว่า 25 เมตร มีเส้นรอบวงถึง 2 เมตร จนได้รับฉายาเรียกขานว่าเป็น “ปู่โกงกาง” ซึ่งสันนิษฐานว่านี่น่าจะเป็นต้นโกงกางที่มีขนาดใหญ่และมีอายุมากที่สุดในเมืองไทย
นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังมีเส้นทางนั่งเรือชมผืนป่าชายเลน ชมวิถีชีวิตการทำประมงพื้นบ้าน การเลี้ยงปู ปลา ในกระชัง เป็นต้น
10.ป่าชายเลนยะหริ่ง
“ป่าชายเลนยะหริ่ง” ตั้งอยู่ในพื้นที่อ่าวปัตตานี จ.ปัตตานี มีพื้นที่เกือบหมื่นไร่ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในป่าชายเลนที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทย
ป่าชายเลนยะหริ่ง มีทั้งป่าชายเลนที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ และป่าชายเลนผืนเก่าหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ป่าโบราณ” ที่เต็มไปด้วยป่าโกงกางหนาทึบ ต้นสูงใหญ่ โกงกางหลาย ๆ ต้นสูงเกินกว่า 10 เมตรขึ้นไป ซึ่งทางชุมชนในละแวกนี้ได้จัดกิจกรรม การล่องเรือท่องอ่าวปัตตานี ชมป่าชายเลนยะหริ่ง โดยมีไฮไลท์คือ การ “นั่งเรือลอดอุโมงค์โกงกาง” อันน่าตื่นตาตื่นใจ
อุโมงค์โกงกางมีความยาวประมาณ 700-800 เมตร กว้างประมาณ 6 เมตร เบื้องบนปกคลุมไปด้วยโกงกางต้นสูงใหญ่ใน 2 ฟากฝั่งที่โน้มตัวลงมาคารวะสายน้ำ เกิดเป็นลักษณะของอุโมงค์ต้นไม้ที่ถูกเรียกขานให้เป็น “อุโมงค์โกงกาง”อันสวยงามน่าทึ่ง และมีไม่กี่แห่งในเมืองไทย
และนี่ก็คือ 10 ป่าชายเลนมากเสน่ห์รับวัน “วันป่าชายเลนแห่งชาติ” 10 พ.ค. ซึ่งนอกจาก 10 ป่าชายเลนตามที่กล่าวมาแล้ว เมืองไทยยังมีป่าชายเลนน่าสนใจ น่าเที่ยวชมอีกมากมาย ซึ่งเราต้องช่วยกันดูแลรักษาเอาไว้ให้ดี
เพราะถ้าโลกนี้ไม่มีป่า ไม่มีต้นไม้
คนก็อยู่ไม่ได้