xs
xsm
sm
md
lg

“5 ที่เที่ยวหนีฝุ่น” ออกไปสูดอากาศดีๆ หนีฝุ่นพิษในเมือง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Youtube :Travel MGR

สูดอากาศดีๆ ที่คีรีวง
สถานการณ์ฝุ่นพิษที่มักจะมาเยือนในช่วงปลายปี-ต้นปีแบบนี้ เวียนมาให้เจออีกครั้งราวกับเป็นฤดูกาลประจำปี โดยทุกวันนี้ฝุ่นพิษก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย (บางครั้งก็ดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้น) ส่งผลกระทบกับสุขภาพมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่บุคคล จนหลายๆ คนอยากจะออกไปเสาะหาสถานที่พักผ่อนที่มีอากาศบริสุทธิ์เพื่อหลีกหนีฝุ่นควันอันตรายแบบนี้

เรื่องนี้ใช่ว่าคนที่อยู่จังหวัดอื่นๆ จะไม่มีปัญหา อย่างทางภาคเหนือ เมื่อถึงช่วงต้นปีก็มักจะมีปัญหาฝุ่นควันเช่นเดียวกัน ฉะนั้น การเลือกสถานที่ที่มีอากาศดีๆ ให้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด ก็ต้องเลือกสรรให้ดีๆ เราเลยมี 5 สถานที่ ที่สามารถออกไปรับความสดชื่นได้อย่างเต็มที่มาให้เลือกกัน

ฝุ่นพิษในเมืองใหญ่ที่อันตรายต่อสุขภาพ
“คีรีวง” หมู่บ้านวิวงามท่ามกลางขุนเขา
“หมู่บ้านคีรีวง” อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เป็นชุมชนเก่าแก่เชิงเขาหลวง ในอดีตที่นี่เป็นชุมชนเกษตรที่ชาวบ้านดำรงวิถีเรียบง่ายสงบงาม เดิมชาวบ้านที่นี่มีอาชีพหลักคือการทำสวนผลไม้แบบสวนผสม (สวนสมรม) ปลูกพืชผลหลากหลายในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเงาะ ทุเรียน สะตอ และมังคุด

กระทั่งเมื่อราวๆ 20 กว่าปีมานี้ หมู่บ้านคีรีวงได้ค่อยๆ เดินหน้าพัฒนาสู่ชุมชนท่องเที่ยว นอกจากนี้ หมู่บ้านคีรีวงยังได้ชื่อว่า(เคย)เป็นสถานที่ที่มีอากาศดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยจากการสำรวจในปี 2552 พบว่า คุณภาพอากาศบริสุทธิ์ของบ้านคีรีวงนั้นสูงเกินกว่าค่ามาตรฐานถึง 100 เท่า ทำให้คีรีวงมีเครดิตในเรื่องของหมู่บ้าน(เคย)อากาศดีที่สุดในเมืองไทยติดตัวมาจนทุกวันนี้

หมู่บ้านคีรีวง มี“คลองท่าดี” เป็นลำน้ำหลักไหลผ่านกลางหมู่บ้าน มี “สะพานบ้านคีรีวง คลองท่าดี” สะพานสายเล็กๆ สั้นๆ ที่สร้างทอดผ่านลำน้ำคลองท่าดีนั้น ถือเป็นหนึ่งในจุดที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม เมื่อมองทอดสายตาไปตามลำน้ำที่สวยใสไหลเย็น จะเห็นเทือกขุนเขาหลวงทอดตัวเด่นเป็นสง่า พร้อมทั้งความเขียวขจีของผืนป่าต้นน้ำ หากได้ไปยืนสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่ตรงนั้นคงจะดีไม่น้อย

สะพานบ้านคีรีวง คลองท่าดี

บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช

อีกจุดชมวิวสวยๆ ของบ้านคีรีวง
“บางกระเจ้า” เกาะกระเพาะหมู ปอดคนกรุง
“บางกะเจ้า” คือพื้นที่สีเขียวที่เป็นบริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกระเพาะหมูที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด ประกอบไปด้วยพื้นที่ 6 ตำบล ของ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ คือ ต.ทรงคนอง ต.บางยอ ต.บางกระสอบ ต.บางน้ำผึ้ง ต.บางกะเจ้า และ ต.บางกอบัว

ที่นี่มีความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นพื้นที่ที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น และเป็นพื้นที่รับลมทะเลก่อนพัดเข้ามาที่ฝั่งกรุงเทพฯ ดังนั้นต้นไม้และธรรมชาติเหล่านี้จะทำการฟอกอากาศที่สดชื่นและส่งต่อไปยังพื้นที่กรุงเทพฯ ที่แห่งนี้จึงถูกขนานนามว่า "ปอดกรุงเทพฯ" และได้รับการยกย่องว่าเป็น The Best Urban Oasis of Asia ในปี 2006 จากนิตยสาร Time Asia

ในพื้นที่บางกระเจ้าเป็นหนึ่งในเส้นทางปั่นจักรยานที่สามารถชมทิวทัศน์ที่ยังเขียวขจี สูดอากาศดีๆ ได้อย่างเต็มปอด มีจุดให้แวะพักเที่ยวหลายๆ แห่ง อาทิ บ้านธูปหอม บ้านลูกประคบสมุนไพร มี “ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง” ให้แวะชิมช้อป “สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์” ร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ บางส่วนก็ดูคล้ายป่าตามธรรมชาติ มีหอดูนกที่เป็นไฮไลต์สำคัญ “สวนสุขภาพลัดโพธิ์” ใกล้ๆ กับประตูน้ำคลองลัดโพธิ์ เป็นจุดชมวิวถนนวงแหวนอุตสาหกรรม สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 มีความร่มรื่นของต้นไม้ เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจและพื้นที่ออกกำลังกาย

ปั่นจักรยานในบางกระเจ้า

หอดูนก สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์

สวนสุขภาพลัดโพธิ์
“ศูนย์ศึกษาฯ อ่าวคุ้งกระเบน” พื้นที่ป่าชายเลนจันทบุรี
“ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ โดยมีพระราชดำรัสโปรดเกล้าฯ ให้จัดหาพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมหรือพื้นที่สาธารณประโยชน์ เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาเช่นเดียวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ให้เป็นศูนย์ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาด้านอาชีพการประมงและการเกษตรในเขตที่ดินชายทะเล เมื่อปี พ.ศ.2524

จากนั้นเป็นต้นมา ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนจึงได้พลิกฟื้นจากป่าเสื่อมโทรม กลายเป็นป่าชายเลนอันทรงคุณค่าที่มากไปด้วยระบบนิเวศอันหลากหลาย อีกทั้งภายหลังจากที่ฟื้นฟูสภาพป่ากลับคืนเป็นป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์แล้ว ชาวบ้านในพื้นที่รอบผืนป่าก็มีรายได้จากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและผลิตผลจากป่าเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้นแล้วที่นี่ยังกลายเป็นห้องเรียนธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นแห่งภาคตะวันออก ที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาชมสีสันของพืชและสัตว์บนสะพานไม้ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติของอ่าวคุ้งกระเบนอันร่มรื่น มีระยะทางประมาณ 1,600 เมตร ระหว่างทางจะมีศาลาและป้ายสื่อความหมายให้ความรู้ในเรื่องราวต่างๆ ของพืชและสัตว์ในป่าชายเลนตลอดเส้นทาง ทำให้ได้ทราบถึงระบบนิเวศของป่าชายเลนอันหลากหลายแต่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน

ส่วนใกล้ๆ กับศูนย์ศึกษาฯ อ่าวคุ้งกระเบน ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ที่สามารถแวะไปเที่ยวให้ชุ่มปอดกันได้ อย่างเช่น “หาดเจ้าหลาว” มีชายหาดและรีสอร์ทให้แวะพักได้ “จุดชมวิวเนินนางพญา” จุดชมวิวที่สามารถมองลงไปชมทิวทัศน์ของ “ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต” (ถนนชล-จันท์) อันคดโค้งเลาะเลียบไปกับท้องทะเลเมืองจันท์

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน ช่วยฟื้นฟูป่าชายเลนอันเสื่อมโทรม

สะพานแขวนระหว่างเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ

จุดชมวิวเนินนางพญา
“เขาใหญ่” ผืนป่าใหญ่ไม่ไกลกรุงเทพฯ
"เขาใหญ่" หรือ "อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" มีพื้นที่ครอบคลุมหลายจังหวัดคือ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก และ ปราจีนบุรี เป็นพื้นที่ผืนป่าขนาดใหญ่ มีความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นส่วนหนึ่งของป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ที่เป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติของไทย

สำหรับจุดท่องเที่ยวบนเขาใหญ่นั้นก็สามารถท่องเที่ยวได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการกางเต็นท์แคมปิ้งกันที่จุดกางเต็นท์ผากล้วยไม้ หรือจุดกางเต็นท์ลำตะคอง เที่ยวชมทิวทัศน์ผาเดียวดาย ผาตรอมใจ ไปรับความชุ่มฉ่ำของน้ำตกเหวนรก เหวสุวัต เดินเที่ยวในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หรือจะแค่มานอนพักในรีสอร์ทที่มีอยู่มากมายรอบๆ เขาใหญ่ก็สามารถมารับอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด

หรือจะทำกิจกรรมส่องสัตว์ก็มีทั้งภายในอุทยานฯ และบริเวณ “เขาแผงม้า” ที่เป็นจุดส่องกระทิง มีการจัดทำเป็นแนวเส้นทางส่องสัตว์ป่า และมีลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบบรรยากาศสบายๆ ได้ตื่นขึ้นมาดูสายหมอกยามเช้า

หากใครอยากขึ้นเขาใหญ่ทางฝั่งปากช่อง จ.นครราชสีมา ระหว่างสองข้างทางก็จะมีรีสอร์ทสวยๆ ร้านอาหาร-คาเฟ่สวยๆ ให้แวะพักแวะถ่ายรูปกัน รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวของเอกชนอยู่หลายแห่ง หากว่าอยากสัมผัสความเป็นธรรมชาติแต่ยังคงให้บรรยากาศแบบคนเมืองก็แนะนำพื้นที่เขาใหญ่ทางฝั่งปากช่อง

จุดกางเต็นท์ลำตะคอง เขาใหญ่

ผาเดียวดาย
"ศูนย์ฯสิรินาถราชินี" ป่าชายเลนอันสมบูรณ์แห่งปราณบุรี
“ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี” ในพื้นที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่เดิมนั้นเคยมีสภาพเสื่อมโทรมอย่างหนักจากการทำนากุ้ง จนได้รับการพัฒนาพื้นที่ ปลูกป่าชายเลน จนกระทั่งระบบนิเวศป่าชายเลนฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง

ปัจจุบันเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่สนใจเข้าไปศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ได้รู้จักกับพรรณไม้ต่างๆ ในป่าชายเลนแล้ว ก็ยังจะได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน และยังเป็นตัวบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าอีกด้วย แต่ที่เป็นไฮไลต์และพลาดไม่ได้หากมาเยี่ยมเยือนศูนย์ฯ สิรินาถ ก็คือการขึ้นไปชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศา บน “หอชะคราม” หอสูงเท่าตึก 6 ชั้นที่เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ป่าชายเลนในมุมกว้างได้แบบไม่มีอะไรบดบังสายตา และในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสก็จะสามารถมองไปได้ไกลถึงปากแม่น้ำปราณบุรี อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

ไม่ไกลจากจุดนี้มากนักก็ยังมีผืนป่าอุดมสมบูรณ์ นั่นคือ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” ที่ฟื้นฟูผืนป่าที่ถูกบุกรุกจากไร่สับปะรดด้วยการปลูกป่าแบบไม่ต้องปลูก นั่นคือการให้ผืนป่าฟื้นตัวตามธรรมชาติ มีแหล่งน้ำแหล่งอาหารให้กับสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่า ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและช้างป่า จนกลายมาเป็นกุยบุรีโมเดล จนปัจจุบันนี้กุยบุรีกลายมาเป็นซาฟารีเมืองไทย มีกิจกรรมท่องเที่ยวชมช้างป่า กระทิง และสัตว์ป่าอื่นๆ ที่ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมด้วย หากใครที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ อยากสัมผัสป่าอย่างใกล้ชิด มาที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวัง

ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี

ขึ้นหอชะคราม ชมป่าชายเลน

ช้างป่ากุยบุรี
นอกจาก 5 แห่งนี้ ก็ยังมีอีกหลายๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถไปสัมผัสอากาศบริสุทธิ์แบบไร้ฝุ่นควันได้ อย่างไรก็ดี คนที่ยังไม่มีโอกาสได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ต้องใช้ชีวิตอยู่กับฝุ่นพิษในทุกๆ วัน ก็มีคำแนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ หรือหากเป็นไปได้ก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้าน ในเมื่อรัฐบาลยังไม่มีทีท่าว่าจะจัดการปัญหาฝุ่นพิษได้อย่างเป็นรูปธรรม ประชาชนตาดำๆ ก็ได้แต่ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager

ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR



กำลังโหลดความคิดเห็น