โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
ยามสงบหลับใหล ภูเขาไฟหลาย ๆ แห่ง นับเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ และน่าเพริศแพร้วกระไรปานนั้น
แต่...ภูเขาไฟยามเมื่อปะทุรุนแรง มันจะเปลี่ยนไปดูคล้ายกับปีศาจที่กำลังตื่นจากการหลับใหลที่พร้อมจะออกอาละวาดได้ทุกเมื่อ
ยิ่งยามภูเขาไฟระเบิด มันดูไม่ต่างอะไรกับอสูรร้ายที่มีอำนาจทำลายล้างสูงล้น สามารถคร่าได้แทบทุกสรรพชีวิต
สำหรับ “ภูเขาไฟตาอัล” ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน วันนี้ภูเขาไฟเลื่องชื่อลูกนี้ของประเทศฟิลิปปินส์ได้เกิดปะทุรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง พ่นเถ้าถ่าน ปล่อยกลุ่มควันดำทมึนใหญ่พวยพุ่ง พร้อมกับมีเสียงภูเขาไฟคำรามกึกก้อง อีกทั้งยังเกิดแรงสั่นสะเทือนของพื้นแผ่นดินโดยรอบ
ทำให้ทางการฟิลิปปินส์ต้องอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบ ๆ ภูเขาไปแห่งนี้กว่า 8,000 คน โดยด่วน รวมถึงต้องยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากเพื่อความปลอดภัยในการบิน
สำหรับ “ภูเขาไฟตาอัล” (Taal Volcano) ตั้งอยู่กลางทะเลสาบตาอัล (Taal) ในเขตจังหวัดบาตังกัส(Batangas) บนเกาะลูซอน ห่างจากกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ประมาณ 60 กิโลเมตร
ภูเขาไฟตาอัล เป็นภูเขาไฟที่เล็กที่สุดในโลก แต่ว่ากลับมีพลังรุนแรงคุคั่งมากที่สุดในดินแดนตากาล็อก เนื่องจากตั้งอยู่บนแนว “วงแหวนแห่งไฟ”
ภูเขาไฟลูกนี้มีลักษณะพิเศษคือ เป็นแอ่งภูเขาไฟรูปกระจาด มีปล่องภูเขาไฟเล็ก-ใหญ่ กระจายอยู่ราว 50 ปล่อง บนเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลสาบตาอัล จนทำให้ถูกเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า “เกาะภูเขาไฟ” (Volcano Island)
มีบันทึกว่า ภูเขาไฟตาอัลเคยมีการปะทุมามากกว่า 30 ครั้ง โดยการปะทุครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการคือ ปี พ.ศ. 2115 ส่วนการปะทุครั้งรุนแรงที่สุดกินเวลาต่อเนื่องยาวนานถึง 7 เดือน เกิดขึ้นในปี 2297 และการปะทุรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุดถึง 1,335 ศพ เกิดขึ้นในปี 2454
ขณะที่การปะทุครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นในปี 2520 ก่อนเกิดการปะทุครั้งล่าสุดในปีนี้ (ม.ค. 2563)
อย่างไรก็ดีแม้ในยามปะทุภูเขาไฟตาอัลจะดูรุนแรงเกรี้ยวกราดบ้าคลั่ง หากแต่ในยามหลับใหลปกติ ภูเขาไฟตาอัลนับได้ว่ามีเสน่ห์อย่างยิ่งยวดที่เชิญชวนให้ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาสัมผัสในมนต์เสน่ห์ของภูเขาไฟลูกนี้ เกิดเป็นแหล่งสร้างเงิน สร้างรายได้ให้กับชุมชน ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกรอบ ๆ ภูเขาไฟ รวมถึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งในการดึงดูดเม็ดเงินจำนวนมากจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาพิชิตภูเขาไฟลูกนี้
สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวภูเขาไฟตาอัลนั้น ส่วนใหญ่ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวในฟิลิปปินส์มักจะให้นักท่องเที่ยวสัมผัสกับบรรยากาศความเป็นตากาล็อกแบบเต็มเปี่ยมด้วยการขึ้นรถ “จิ๊ปนีย์”(Jeepney) หนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นของดินแดนตากาล็อก เพื่อนั่งขึ้นเขา-ลงเขาคดโค้ง สู่ท่าเรือริมทะเลสาบตาอัล
จากนั้นก็จะเป็นการนั่ง “เรือแมงมุม” ข้ามทะเลสาบตาอัลมุ่งหน้าสู่เกาะภูเขาไฟ เพื่อไปทำกิจกรรม “นั่งม้า” ขึ้นไปพิชิตปากปล่องภูเขาไฟต่อไป โดยมีจ็อกกี้หนึ่งคนทำหน้าที่คอยเดินจูงม้าหรือขึ้นนั่งบังคับม้าในเส้นทางยากๆ รวมถึงคอยเป็นไกด์ไปในตัว ร่วมเดินทางไปกับเราด้วย ซึ่งที่นี่มีม้าที่เลี้ยงในหมู่บ้านตีนภูเขาไฟอยู่ร่วม 500 ตัว
ส่วนใครที่ไม่อยากนั่งม้าจะเลือก “เดินเท้า” ก็ได้ เพียงแต่ที่นี่มีกฎว่า ถ้าจะขึ้นไปพิชิต “ปากปล่องภูเขาไฟ” ที่ถือเป็นกิจกรรมไฮไลท์ของการมาเยือยภูเขาไฟตาอัล ก็จะต้องมีไกด์นำทางไปด้วย เพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวหลงทาง และเพื่อให้ความรู้ รวมถึงเพื่อกระจายรายได้ให้ชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนแถวนี้เป็นหลัก
ปากปล่องภูเขาไฟเป็น 1 ใน 3 ส่วนหลักของภูเขาไฟตาอัล ประกอบไปด้วย ปากปล่องภูเขาไฟ หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “ภูเขาแม่” ส่วนภูเขาลูกนั้น คือภูเขาไฟตาอัลลูกไฮไลท์ที่เป็นดังสัญลักษณ์และภาพจำของภูเขาไปแห่งนี้ตั้ง ขณะที่ “ภูเขาพ่อ” นั้นเป็นส่วนที่แยกไกลออกไป
สำหรับการเดินเท้าขึ้นยอดปากปล่องใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ส่วนถ้านั่งม้าไปก็ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ตามขนาดและความแข็งแรงของม้า
ไม่ว่าจะเดินเท้าหรือนั่งม้าสู่ปากปล่องภูเขาไฟ เมื่อขึ้นไปถึงบนนั้นแล้วจะได้พบกับภาพของทะเลสาบขนาดย่อมหรือแอ่งน้ำขนาดใหญ่ในปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งน้ำในทะเลสาบนี้มีสีเขียวสวยงาม ปานประหนึ่ง “ทะเลสาบมรกต” ที่สะกดให้เรารู้สึกอึ้ง ทึ่งไปกับความน่าตื่นตาตื่นใจของธรรมชาติ
อันที่จริงทะเลสาบแห่งนี้มันก็คือหลุมของปากปล่องภูเขาไฟ ที่มีน้ำจากธรรมชาติไปท่วมขังอยู่ดูคล้ายทะเลสาบหรือแอ่งขนาดใหญ่ ซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลายาวนานนับพันนับหมื่นปีกว่าที่ธรรมชาติจะจัดสมดุลของมัน จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของฟิลิปปินส์ในทุกวันนี้
นับเป็นมนต์เสน่ห์ของภูเขาไฟตาอัล ซึ่งในยามที่มันหลับใหลสงบ จะดูสวยงามน่ามหัศจรรย์ ดุจดังเทพที่ประทานสิ่งล้ำค่าให้แก่มนุษย์
แต่ทว่า...ในยามที่ภูเขาไฟลูกนี้ปะทุรุนแรงเกรี้ยวกราดบ้าคลั่ง มันไม่ต่างอะไรกับอสูรร้ายที่คร่าชีวิตมนุษย์อย่างไม่ปรานีปราศัย
นับได้ว่าตาอัลเป็นเทพและอสูรในร่างเดียวกัน เพียงแต่ว่านานๆ (มาก) จะกลายเป็นอสูรที่คร่าชีวิตผู้คนสักที ส่วนในยามปกตินั้นตาอัลคือเทพที่มีความสวยงาม ความน่าทึ่ง ที่รอคอยให้ผู้รักความท้าทายได้เดินทางไปพิสูจน์ในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติกัน
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
ยามสงบหลับใหล ภูเขาไฟหลาย ๆ แห่ง นับเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ และน่าเพริศแพร้วกระไรปานนั้น
แต่...ภูเขาไฟยามเมื่อปะทุรุนแรง มันจะเปลี่ยนไปดูคล้ายกับปีศาจที่กำลังตื่นจากการหลับใหลที่พร้อมจะออกอาละวาดได้ทุกเมื่อ
ยิ่งยามภูเขาไฟระเบิด มันดูไม่ต่างอะไรกับอสูรร้ายที่มีอำนาจทำลายล้างสูงล้น สามารถคร่าได้แทบทุกสรรพชีวิต
สำหรับ “ภูเขาไฟตาอัล” ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน วันนี้ภูเขาไฟเลื่องชื่อลูกนี้ของประเทศฟิลิปปินส์ได้เกิดปะทุรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง พ่นเถ้าถ่าน ปล่อยกลุ่มควันดำทมึนใหญ่พวยพุ่ง พร้อมกับมีเสียงภูเขาไฟคำรามกึกก้อง อีกทั้งยังเกิดแรงสั่นสะเทือนของพื้นแผ่นดินโดยรอบ
ทำให้ทางการฟิลิปปินส์ต้องอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบ ๆ ภูเขาไปแห่งนี้กว่า 8,000 คน โดยด่วน รวมถึงต้องยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากเพื่อความปลอดภัยในการบิน
สำหรับ “ภูเขาไฟตาอัล” (Taal Volcano) ตั้งอยู่กลางทะเลสาบตาอัล (Taal) ในเขตจังหวัดบาตังกัส(Batangas) บนเกาะลูซอน ห่างจากกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ประมาณ 60 กิโลเมตร
ภูเขาไฟตาอัล เป็นภูเขาไฟที่เล็กที่สุดในโลก แต่ว่ากลับมีพลังรุนแรงคุคั่งมากที่สุดในดินแดนตากาล็อก เนื่องจากตั้งอยู่บนแนว “วงแหวนแห่งไฟ”
ภูเขาไฟลูกนี้มีลักษณะพิเศษคือ เป็นแอ่งภูเขาไฟรูปกระจาด มีปล่องภูเขาไฟเล็ก-ใหญ่ กระจายอยู่ราว 50 ปล่อง บนเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลสาบตาอัล จนทำให้ถูกเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า “เกาะภูเขาไฟ” (Volcano Island)
มีบันทึกว่า ภูเขาไฟตาอัลเคยมีการปะทุมามากกว่า 30 ครั้ง โดยการปะทุครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการคือ ปี พ.ศ. 2115 ส่วนการปะทุครั้งรุนแรงที่สุดกินเวลาต่อเนื่องยาวนานถึง 7 เดือน เกิดขึ้นในปี 2297 และการปะทุรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุดถึง 1,335 ศพ เกิดขึ้นในปี 2454
ขณะที่การปะทุครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นในปี 2520 ก่อนเกิดการปะทุครั้งล่าสุดในปีนี้ (ม.ค. 2563)
อย่างไรก็ดีแม้ในยามปะทุภูเขาไฟตาอัลจะดูรุนแรงเกรี้ยวกราดบ้าคลั่ง หากแต่ในยามหลับใหลปกติ ภูเขาไฟตาอัลนับได้ว่ามีเสน่ห์อย่างยิ่งยวดที่เชิญชวนให้ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาสัมผัสในมนต์เสน่ห์ของภูเขาไฟลูกนี้ เกิดเป็นแหล่งสร้างเงิน สร้างรายได้ให้กับชุมชน ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกรอบ ๆ ภูเขาไฟ รวมถึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งในการดึงดูดเม็ดเงินจำนวนมากจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาพิชิตภูเขาไฟลูกนี้
สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวภูเขาไฟตาอัลนั้น ส่วนใหญ่ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวในฟิลิปปินส์มักจะให้นักท่องเที่ยวสัมผัสกับบรรยากาศความเป็นตากาล็อกแบบเต็มเปี่ยมด้วยการขึ้นรถ “จิ๊ปนีย์”(Jeepney) หนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นของดินแดนตากาล็อก เพื่อนั่งขึ้นเขา-ลงเขาคดโค้ง สู่ท่าเรือริมทะเลสาบตาอัล
จากนั้นก็จะเป็นการนั่ง “เรือแมงมุม” ข้ามทะเลสาบตาอัลมุ่งหน้าสู่เกาะภูเขาไฟ เพื่อไปทำกิจกรรม “นั่งม้า” ขึ้นไปพิชิตปากปล่องภูเขาไฟต่อไป โดยมีจ็อกกี้หนึ่งคนทำหน้าที่คอยเดินจูงม้าหรือขึ้นนั่งบังคับม้าในเส้นทางยากๆ รวมถึงคอยเป็นไกด์ไปในตัว ร่วมเดินทางไปกับเราด้วย ซึ่งที่นี่มีม้าที่เลี้ยงในหมู่บ้านตีนภูเขาไฟอยู่ร่วม 500 ตัว
ส่วนใครที่ไม่อยากนั่งม้าจะเลือก “เดินเท้า” ก็ได้ เพียงแต่ที่นี่มีกฎว่า ถ้าจะขึ้นไปพิชิต “ปากปล่องภูเขาไฟ” ที่ถือเป็นกิจกรรมไฮไลท์ของการมาเยือยภูเขาไฟตาอัล ก็จะต้องมีไกด์นำทางไปด้วย เพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวหลงทาง และเพื่อให้ความรู้ รวมถึงเพื่อกระจายรายได้ให้ชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนแถวนี้เป็นหลัก
ปากปล่องภูเขาไฟเป็น 1 ใน 3 ส่วนหลักของภูเขาไฟตาอัล ประกอบไปด้วย ปากปล่องภูเขาไฟ หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “ภูเขาแม่” ส่วนภูเขาลูกนั้น คือภูเขาไฟตาอัลลูกไฮไลท์ที่เป็นดังสัญลักษณ์และภาพจำของภูเขาไปแห่งนี้ตั้ง ขณะที่ “ภูเขาพ่อ” นั้นเป็นส่วนที่แยกไกลออกไป
สำหรับการเดินเท้าขึ้นยอดปากปล่องใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ส่วนถ้านั่งม้าไปก็ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ตามขนาดและความแข็งแรงของม้า
ไม่ว่าจะเดินเท้าหรือนั่งม้าสู่ปากปล่องภูเขาไฟ เมื่อขึ้นไปถึงบนนั้นแล้วจะได้พบกับภาพของทะเลสาบขนาดย่อมหรือแอ่งน้ำขนาดใหญ่ในปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งน้ำในทะเลสาบนี้มีสีเขียวสวยงาม ปานประหนึ่ง “ทะเลสาบมรกต” ที่สะกดให้เรารู้สึกอึ้ง ทึ่งไปกับความน่าตื่นตาตื่นใจของธรรมชาติ
อันที่จริงทะเลสาบแห่งนี้มันก็คือหลุมของปากปล่องภูเขาไฟ ที่มีน้ำจากธรรมชาติไปท่วมขังอยู่ดูคล้ายทะเลสาบหรือแอ่งขนาดใหญ่ ซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลายาวนานนับพันนับหมื่นปีกว่าที่ธรรมชาติจะจัดสมดุลของมัน จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของฟิลิปปินส์ในทุกวันนี้
นับเป็นมนต์เสน่ห์ของภูเขาไฟตาอัล ซึ่งในยามที่มันหลับใหลสงบ จะดูสวยงามน่ามหัศจรรย์ ดุจดังเทพที่ประทานสิ่งล้ำค่าให้แก่มนุษย์
แต่ทว่า...ในยามที่ภูเขาไฟลูกนี้ปะทุรุนแรงเกรี้ยวกราดบ้าคลั่ง มันไม่ต่างอะไรกับอสูรร้ายที่คร่าชีวิตมนุษย์อย่างไม่ปรานีปราศัย
นับได้ว่าตาอัลเป็นเทพและอสูรในร่างเดียวกัน เพียงแต่ว่านานๆ (มาก) จะกลายเป็นอสูรที่คร่าชีวิตผู้คนสักที ส่วนในยามปกตินั้นตาอัลคือเทพที่มีความสวยงาม ความน่าทึ่ง ที่รอคอยให้ผู้รักความท้าทายได้เดินทางไปพิสูจน์ในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติกัน
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR