Facebook :Travel @ Manager
กลับมาอีกครั้งสำหรับกิจกรรมดีๆ และฟรีๆ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ได้จัดรถเวียนให้นักท่องเที่ยวได้ไป “สวัสดีปีใหม่ไทย...ไหว้พระ 10 วัด” เสริมสิริมงคลช่วงสงกรานต์โดยการนั่งรถเมล์เที่ยวแบบฟรีๆ ไปยังวัดสำคัญในกรุงเทพฯ ถึง 10 แห่งด้วยกันตั้งแต่วันนี้-17 เมษายน ในช่วงเวลา 08.00-16.00 น. โดยมีจุดเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รถเมล์จะวิ่งพาเรามาที่ “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” ก่อนเป็นวัดแรก วัดนี้มีความงดงามโดดเด่นอยู่ตรงพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนอย่างดีจากอิตาลี เป็นสถาปัตยกรรมไทยทรงจตุรมุขที่ได้สัดส่วนสวยงามยิ่งนัก ภายในประดิษฐานพระพุทธชินราชที่สร้างจำลองมาจากพระพุทธชินราชแห่งวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมืองพิษณุโลก ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งของไทย อีกทั้งบริเวณกำเเพงแก้วรอบพระอุโบสถก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่รวมรวมมาไว้ให้ชื่นชมบูชากันอีกด้วย
จากนั้นรถวิ่งมายังย่านบางลำพู มาที่ “วัดสามพระยาวรวิหาร” วัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัดคือพระพุทธรูปนอนและพระพุทธรูปนั่งองค์ใหญ่ โดย “หลวงพ่อนอน” ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาพระนอน เป็นพระพุทธรูปไสยาสน์ปางโปรดอสุรินทราหู พระโอษฐ์ยิ้มดูเปี่ยมสุข ส่วนด้านหลังคือศาลาพระนั่ง โดยมี “หลวงพ่อนั่ง” ในปางคล้ายพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์แต่พระหัตถ์ทั้งสองโอบอุ้มบาตรที่วางอยู่บนพระเพลา(ตัก) คนส่วนใหญ่จึงนิยมเรียกท่านว่าพระนั่งอุ้มบาตร อีกทั้งยังมี “หลวงพ่อสมปรารถนา” ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร มีผู้คนมากราบไหว้อยู่เสมอ
จากนั้นมาต่อที่ “วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร” วัดที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (วังหน้าในรัชกาลที่ ๑) ทรงปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดชนะสงคราม” ภายในพระอุโบสถขนาดค่อนข้างใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน “พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดมบรมศาสดาอนาวรญาณ” หรือ “หลวงพ่อปู่” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย ด้วยชื่อของวัดอันเป็นมงคลจึงมีผู้นิยมมากราบไหว้พระที่วัดนี้อยู่เสมอ
ถัดมาคือ “วัดบวรนิเวศวิหาร” เป็นวัดสำคัญที่สร้างขึ้นโดยวังหน้าในรัชกาลที่ ๓ ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน 2 องค์ด้วยกัน องค์แรกคือพระสุวรรณเขต หรือหลวงพ่อโต พระประธานองค์ใหญ่ตั้งอยู่ด้านในสุด อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี ส่วนองค์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าคือพระพุทธชินสีห์ พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัย อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
วัดบวรฯ ยังเป็น 1 ใน 2 วัดซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ (อีกหนึ่งวัดคือวัดราชบพิธ) โดยได้บรรจุพระบรมราชสรีรางคารไว้บริเวณฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถ
รถพาเราเข้าสู่ท้องสนามหลวง มายัง “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร” วัดที่วังหน้าในรัชกาลที่ ๑ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์และทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมารัชกาลที่ ๑ ทรงโปรดให้เรียกวัดนี้ว่าวัดมหาธาตุ เพื่อให้เป็นหลักของพระนครเหมือนราชธานีก่อนๆ ภายในวัดมีสิ่งสำคัญคือพระมณฑปอันเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และภายในพระอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานพระประธานนามว่าพระศรีสรรเพชญ์ และยังมีพระอรหันต์ 8 ทิศให้สักการะอีกด้วย
จากนั้นไปที่วัดสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของไทย “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” หรือ “วัดพระแก้ว” อันเป็นวัดที่สร้างขึ้นพร้อมกับพระบรมมหาราชวัง และสร้างขึ้นมาพร้อมๆ กับการสร้างกรุงเทพฯ เลยทีเดียว เป็นศูนย์รวมความสุดยอดของงานจิตรกรรม สถาปัตยกรรม และมรดกที่มีค่ายิ่งของเรา แน่นอนว่ามาที่นี่ย่อมไม่ควรพลาดที่จะมากราบ “พระแก้วมรกต” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และชมสถาปัตยกรรมงดงามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระมณฑป พระศรีรัตนเจดีย์ หอพระคันธารราษฎร์ รวมไปถึงเดินชมภาพจิตรกรรมฝาผนังอลังการเรื่องราวของรามเกียรติ์บริเวณระเบียงคดรอบวัดพระแก้ว
มาวัดพระแก้วแล้วก็ต้องต่อด้วย “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือ “วัดโพธิ์” อีกหนึ่งวัดที่รวมสุดยอดงานศิลป์หลายแขนงไว้ อย่าพลาดมาเยือนวิหารพระพุทธไสยาส ที่ประดิษฐานพระนอนขนาดใหญ่มีความยาวถึง 46 ม. ไปกราบพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานที่งดงามราวเทวดามาสร้างไว้ซึ่งประดิษฐานในพระอุโบสถ เดินชมรูปปั้นฤๅษีดัดตนและเหล่าบรรดาตุ๊กตาหินจีนหลากหลายอิริยาบถล้วนน่าชมทั้งสิ้น
ถัดมาคือ “วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร” วัดใจกลางพระนครที่ตั้งอยู่คู่กับเสาชิงช้า เข้าไปในวัดแล้วจะพบกับพระวิหารซึ่งประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่งดงามยิ่งนัก รอบพระวิหารมีระเบียงคดประดิษฐานพระพุทธรูปเรียงราย บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นนัก
จากนั้นมาชมโลหะปราสาทที่ “วัดราชนัดดารามวรวิหาร” ที่นอกจากจะเป็นโลหะปราสาทแห่งเดียวในโลกที่เหลืออยู่แล้ว ก็ยังเป็นจุดชมวิวมุมสูงของกรุงเทพฯ ด้วย อีกทั้งด้านบนปราสาทยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้เราได้กราบไหว้เป็นสิริมงคลกัน
และปิดท้ายกันที่ “วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร” อันเป็นที่ตั้งของภูเขาทองงามโดดเด่น เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นจุดชมวิวกรุงเทพฯ ที่งดงามยิ่ง ออกกำลังขาด้วยการเดินขึ้นบันไดไปยังยอดภูเขาทอง แล้วลงมากราบ “พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร” พระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ในพระวิหาร รวมถึงมากราบ “หลวงพ่อดวงดี” หรือ “พระพุทธมงคลบรมบรรพต” พระพุทธรูปศิลปะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่หล่อขึ้นจากแผ่นดวงมหาโภคทรัพย์ซึ่งบรรจุอยู่บนยอดภูเขาทอง
เป็นอันครบจบเส้นทางไหว้พระ 10 วัด ซึ่งหากใครมานั่งรถเวียนไหว้พระในช่วงวันสงกรานต์ รถก็จะผ่านสถานที่จัดงานสงกรานต์ที่น่าสนใจถึง 5 งานด้วยกัน ได้แก่ “สงกรานต์วัดโพธิ์ วันนักขัตฤกษ์ นมัสการพระพุทธไสยาส” 12-16 เม.ย. ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มาร่วมทำบุญสรงน้ำพระพร้อมเที่ยวชมตลาดวิถีไทย “สงกรานต์บางกอกใหญ่ ไร้แอลกอฮอล์ ทำบุญสรงน้ำพระ 13 วัด” 12-16 เม.ย. ณ วัดอรุณราชวราราม (ต้องนั่งเรือข้ามฟากไปเอง) มาร่วมสรงน้ำพระศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 13 วัดในเขตบางกอกใหญ่
“สงกรานต์วิสุทธิ์กษัตริย์” 12-13 เม.ย. ณ ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งพระนคร ร่วมงานสงกรานต์ที่จัดมาต่อเนื่องยาวนานถึง 77 ปี “สงกรานต์บางลำพู” 13-15 เม.ย. ณ สวนสันติชัยปราการ ร่วมสรงน้ำพระพุทธบางลำพูประชานารถ และ “สงกรานต์ภูเขาทอง มหาสมัยสูตร 205 ปี ศรีมหาโพธิ์” 13-15 เม.ย. ณ วัดสระเกศฯ มาร่วมสรงน้ำต้นพระศรีมหาโพธิ์ พร้อมรับน้ำพระพุทธมนต์มหามงคลพิธีมหาสมัยสูตร หนึ่งเดียวในประเทศไทย
สงกรานต์นี้ถ้าใครอยากไหว้พระขอให้นึกถึงเส้นทางรถเวียน “สวัสดีปีใหม่ไทย...ไหว้พระ 10 วัด” ใครจะขึ้นจะลงที่วัดไหนก็ได้ ขอเพียงมารอรถที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและที่ป้ายรถเมล์หน้าวัดทั้ง 10 วัดที่กล่าวมา ถ้าสงสัยโทรถามคอลเซ็นเตอร์เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672 ได้เลย
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กลับมาอีกครั้งสำหรับกิจกรรมดีๆ และฟรีๆ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ได้จัดรถเวียนให้นักท่องเที่ยวได้ไป “สวัสดีปีใหม่ไทย...ไหว้พระ 10 วัด” เสริมสิริมงคลช่วงสงกรานต์โดยการนั่งรถเมล์เที่ยวแบบฟรีๆ ไปยังวัดสำคัญในกรุงเทพฯ ถึง 10 แห่งด้วยกันตั้งแต่วันนี้-17 เมษายน ในช่วงเวลา 08.00-16.00 น. โดยมีจุดเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รถเมล์จะวิ่งพาเรามาที่ “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” ก่อนเป็นวัดแรก วัดนี้มีความงดงามโดดเด่นอยู่ตรงพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนอย่างดีจากอิตาลี เป็นสถาปัตยกรรมไทยทรงจตุรมุขที่ได้สัดส่วนสวยงามยิ่งนัก ภายในประดิษฐานพระพุทธชินราชที่สร้างจำลองมาจากพระพุทธชินราชแห่งวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมืองพิษณุโลก ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งของไทย อีกทั้งบริเวณกำเเพงแก้วรอบพระอุโบสถก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่รวมรวมมาไว้ให้ชื่นชมบูชากันอีกด้วย
จากนั้นรถวิ่งมายังย่านบางลำพู มาที่ “วัดสามพระยาวรวิหาร” วัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัดคือพระพุทธรูปนอนและพระพุทธรูปนั่งองค์ใหญ่ โดย “หลวงพ่อนอน” ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาพระนอน เป็นพระพุทธรูปไสยาสน์ปางโปรดอสุรินทราหู พระโอษฐ์ยิ้มดูเปี่ยมสุข ส่วนด้านหลังคือศาลาพระนั่ง โดยมี “หลวงพ่อนั่ง” ในปางคล้ายพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์แต่พระหัตถ์ทั้งสองโอบอุ้มบาตรที่วางอยู่บนพระเพลา(ตัก) คนส่วนใหญ่จึงนิยมเรียกท่านว่าพระนั่งอุ้มบาตร อีกทั้งยังมี “หลวงพ่อสมปรารถนา” ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร มีผู้คนมากราบไหว้อยู่เสมอ
จากนั้นมาต่อที่ “วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร” วัดที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (วังหน้าในรัชกาลที่ ๑) ทรงปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดชนะสงคราม” ภายในพระอุโบสถขนาดค่อนข้างใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน “พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดมบรมศาสดาอนาวรญาณ” หรือ “หลวงพ่อปู่” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย ด้วยชื่อของวัดอันเป็นมงคลจึงมีผู้นิยมมากราบไหว้พระที่วัดนี้อยู่เสมอ
ถัดมาคือ “วัดบวรนิเวศวิหาร” เป็นวัดสำคัญที่สร้างขึ้นโดยวังหน้าในรัชกาลที่ ๓ ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน 2 องค์ด้วยกัน องค์แรกคือพระสุวรรณเขต หรือหลวงพ่อโต พระประธานองค์ใหญ่ตั้งอยู่ด้านในสุด อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี ส่วนองค์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าคือพระพุทธชินสีห์ พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัย อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
วัดบวรฯ ยังเป็น 1 ใน 2 วัดซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ (อีกหนึ่งวัดคือวัดราชบพิธ) โดยได้บรรจุพระบรมราชสรีรางคารไว้บริเวณฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถ
รถพาเราเข้าสู่ท้องสนามหลวง มายัง “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร” วัดที่วังหน้าในรัชกาลที่ ๑ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์และทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมารัชกาลที่ ๑ ทรงโปรดให้เรียกวัดนี้ว่าวัดมหาธาตุ เพื่อให้เป็นหลักของพระนครเหมือนราชธานีก่อนๆ ภายในวัดมีสิ่งสำคัญคือพระมณฑปอันเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และภายในพระอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานพระประธานนามว่าพระศรีสรรเพชญ์ และยังมีพระอรหันต์ 8 ทิศให้สักการะอีกด้วย
จากนั้นไปที่วัดสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของไทย “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” หรือ “วัดพระแก้ว” อันเป็นวัดที่สร้างขึ้นพร้อมกับพระบรมมหาราชวัง และสร้างขึ้นมาพร้อมๆ กับการสร้างกรุงเทพฯ เลยทีเดียว เป็นศูนย์รวมความสุดยอดของงานจิตรกรรม สถาปัตยกรรม และมรดกที่มีค่ายิ่งของเรา แน่นอนว่ามาที่นี่ย่อมไม่ควรพลาดที่จะมากราบ “พระแก้วมรกต” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และชมสถาปัตยกรรมงดงามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระมณฑป พระศรีรัตนเจดีย์ หอพระคันธารราษฎร์ รวมไปถึงเดินชมภาพจิตรกรรมฝาผนังอลังการเรื่องราวของรามเกียรติ์บริเวณระเบียงคดรอบวัดพระแก้ว
มาวัดพระแก้วแล้วก็ต้องต่อด้วย “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือ “วัดโพธิ์” อีกหนึ่งวัดที่รวมสุดยอดงานศิลป์หลายแขนงไว้ อย่าพลาดมาเยือนวิหารพระพุทธไสยาส ที่ประดิษฐานพระนอนขนาดใหญ่มีความยาวถึง 46 ม. ไปกราบพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานที่งดงามราวเทวดามาสร้างไว้ซึ่งประดิษฐานในพระอุโบสถ เดินชมรูปปั้นฤๅษีดัดตนและเหล่าบรรดาตุ๊กตาหินจีนหลากหลายอิริยาบถล้วนน่าชมทั้งสิ้น
ถัดมาคือ “วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร” วัดใจกลางพระนครที่ตั้งอยู่คู่กับเสาชิงช้า เข้าไปในวัดแล้วจะพบกับพระวิหารซึ่งประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่งดงามยิ่งนัก รอบพระวิหารมีระเบียงคดประดิษฐานพระพุทธรูปเรียงราย บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นนัก
จากนั้นมาชมโลหะปราสาทที่ “วัดราชนัดดารามวรวิหาร” ที่นอกจากจะเป็นโลหะปราสาทแห่งเดียวในโลกที่เหลืออยู่แล้ว ก็ยังเป็นจุดชมวิวมุมสูงของกรุงเทพฯ ด้วย อีกทั้งด้านบนปราสาทยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้เราได้กราบไหว้เป็นสิริมงคลกัน
และปิดท้ายกันที่ “วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร” อันเป็นที่ตั้งของภูเขาทองงามโดดเด่น เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นจุดชมวิวกรุงเทพฯ ที่งดงามยิ่ง ออกกำลังขาด้วยการเดินขึ้นบันไดไปยังยอดภูเขาทอง แล้วลงมากราบ “พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร” พระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ในพระวิหาร รวมถึงมากราบ “หลวงพ่อดวงดี” หรือ “พระพุทธมงคลบรมบรรพต” พระพุทธรูปศิลปะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่หล่อขึ้นจากแผ่นดวงมหาโภคทรัพย์ซึ่งบรรจุอยู่บนยอดภูเขาทอง
เป็นอันครบจบเส้นทางไหว้พระ 10 วัด ซึ่งหากใครมานั่งรถเวียนไหว้พระในช่วงวันสงกรานต์ รถก็จะผ่านสถานที่จัดงานสงกรานต์ที่น่าสนใจถึง 5 งานด้วยกัน ได้แก่ “สงกรานต์วัดโพธิ์ วันนักขัตฤกษ์ นมัสการพระพุทธไสยาส” 12-16 เม.ย. ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มาร่วมทำบุญสรงน้ำพระพร้อมเที่ยวชมตลาดวิถีไทย “สงกรานต์บางกอกใหญ่ ไร้แอลกอฮอล์ ทำบุญสรงน้ำพระ 13 วัด” 12-16 เม.ย. ณ วัดอรุณราชวราราม (ต้องนั่งเรือข้ามฟากไปเอง) มาร่วมสรงน้ำพระศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 13 วัดในเขตบางกอกใหญ่
“สงกรานต์วิสุทธิ์กษัตริย์” 12-13 เม.ย. ณ ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งพระนคร ร่วมงานสงกรานต์ที่จัดมาต่อเนื่องยาวนานถึง 77 ปี “สงกรานต์บางลำพู” 13-15 เม.ย. ณ สวนสันติชัยปราการ ร่วมสรงน้ำพระพุทธบางลำพูประชานารถ และ “สงกรานต์ภูเขาทอง มหาสมัยสูตร 205 ปี ศรีมหาโพธิ์” 13-15 เม.ย. ณ วัดสระเกศฯ มาร่วมสรงน้ำต้นพระศรีมหาโพธิ์ พร้อมรับน้ำพระพุทธมนต์มหามงคลพิธีมหาสมัยสูตร หนึ่งเดียวในประเทศไทย
สงกรานต์นี้ถ้าใครอยากไหว้พระขอให้นึกถึงเส้นทางรถเวียน “สวัสดีปีใหม่ไทย...ไหว้พระ 10 วัด” ใครจะขึ้นจะลงที่วัดไหนก็ได้ ขอเพียงมารอรถที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและที่ป้ายรถเมล์หน้าวัดทั้ง 10 วัดที่กล่าวมา ถ้าสงสัยโทรถามคอลเซ็นเตอร์เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672 ได้เลย
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager