xs
xsm
sm
md
lg

“เชียงขวาง” มหัศจรรย์ทุ่งไหหิน สวยสุดฟินดินแดนวิมาน/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)

Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
ทุ่งไหหิน(ทุ่ง 1) สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของเมืองเชียงขวาง
“เซียงขวงดินแดนวิมานหนาวใจสะท้าน หนาวสั่นสะเทือน...”

เพลง : เซียงขวงแดนงาม(เชียงขวางแดนงาม) บทเพลงดั้งเดิมของลาว

...เพราะกลัวคอมมิวนิสต์และทฤษฎีโดมิโนส์จน(ขี้)ขึ้นสมอง

อเมริกาจึงเข้าถือหางสนับสนุนรัฐบาลฝ่ายขวาในประเทศกลุ่มภูมิภาคอินโดจีนอย่างเปิดเผย จนเป็นที่มาของสงครามอินโดจีนครั้งที่ 2 ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1957-1975

สงครามครั้งนั้นคนไทยต่างรู้จักกันดีในนาม“สงครามเวียดนาม” ที่ไม่แต่เฉพาะเวียดนามเท่านั้นที่ถูกบอมบ์แบบไม่ลืมหูลืมตา แต่ในพื้นที่ตอนบนของลาวอย่างแขวงเชียงขวาง เมืองซำเหนือ ก็ถูกมะกันอันธพาลถล่มอย่างหนักหน่วง

แต่สุดท้ายมะกันอันธพาลก็แพ้พ่ายทั้งในเวียดนามและลาว

เป็นตราบาปติดตัวพญาอินทรีมาจนถึงทุกวันนี้

1...
โพนสะหวัน เมืองเอกแห่งเชียงขวาง
หลังสงครามเวียดนาม(ค.ศ. 1957-1975)หลายเมืองที่โดนพิษสงครามจากอเมริกันอันธพาล พยายามลืมอดีตอันเจ็บปวดหันมาปรับเปลี่ยนเป็นเมืองท่องเที่ยวตามวิถีของโลกยุคใหม่

หนึ่งในนั้นก็คือแขวง“เชียงขวาง”ที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของลาว(คนลาวเขียนเชียงขวาง ออกเสียงเรียกเซียงขวง ส่วนคนไทยเรียกว่า“เชียงขวาง”)

เชียงขวางเป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์สำคัญของลาว ในอดีตมี“เมืองคูน”เป็นเมืองเอก เมืองนี้มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาว“ไท(ลาว)พวน”ที่อพยพมาจากทางตอนใต้ของจีนเมื่อราว 2 พันปีที่แล้ว
ซากโบราณสถานที่เมืองคูน
ช่วงสงครามเวียดนามเมืองคูนถูกอเมริกันนำระเบิดมาทิ้ง(คนลาวเรียกว่า“ทิ่ม”)อย่างหนัก ผู้คนล้มตายมากมาย บ้านเรือนเสียหายยับเยิน จนหลังสงครามทางการลาวต้องย้ายหน่วยราชการมาตั้งเมืองเอกแห่งใหม่ที่เมือง“โพนสะหวัน”ที่อยู่ห่างเมืองคูนราว 30 กม.(เดิมโพนสะหวันชื่อเมือง“แปก” แปลว่า“ต้นสน”ซึ่งมีมากในเมืองนี้เพราะมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี)
ซากโบสถ์โบราณที่วัดเพีย
อย่างไรก็ตามเมืองคูนในวันนี้ยังไม่ถูกลืม เพราะความเป็นเมืองเอกในอดีตผสมกับความเป็นเมืองพวน ทำให้เมืองคูนเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว เมืองนี้มีจุดสนใจสำคัญอยู่ที่“วัดเพีย” (เพียแปลว่าขุนนาง)วัดเก่าแก่อายุนับร้อยปี ในวัดเพียมีซากโบสถ์โบราณที่ถูกมะกันบอมบ์ถล่มเหลือเพียงพื้น เสา และพระพุทธรูปองค์ใหญ่

พระพุทธรูปองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองคูน สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ราว ค.ศ.1576 องค์เดิมเป็นองค์เล็กทำด้วยทองสำริด ส่วนองค์ที่เห็นในปัจจุบันเกิดจากการสร้างปูนพอกครอบด้านนอกด้วยศิลปะล้านช้าง
พระพุทธรูปที่วัดเพีย
มีเรื่องเล่ากันว่า ในปี ค.ศ.1966 มะกัน“ทิ่ม”บอมบ์เมืองคูนอย่างหนัก วัดเพียถูกทำลาย พระสงฆ์- ผู้คนล้มตายมากมาย แต่ไม่น่าเชื่อว่าองค์พระพุทธรูปวัดเพียจะรอดพ้นจากการโจมตีมาได้ทั้งๆที่เป็นเป้าใหญ่ ส่วนที่ไม่น่าเชื่อกว่าก็คือ เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เฒ่าผู้แก่เมืองคูนเล่าว่า เห็นพระพุทธรูปร้องไห้ น้ำตาไหลพรากอาบ 2 แก้ม

เรื่องนี้จริง-เท็จยังไงผมไม่รู้ รู้แต่ว่าอเมริกันถล่มระเบิดจริงแท้แน่นอนแบบไม่ต้องแก้ตัวใดๆ จนทำให้สิ่งศักดิ์คู่เมืองอย่าง“พระธาตุจอมเพชร” ที่อยู่ใกล้ๆกับวัดเพียถูกถล่มยอดหักไปด้วย ส่วน“พระธาตุฝุ่น” อีกหนึ่งโบราณสถานและสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ที่อยู่ละแวกเดียวกันโชคดีไม่ถูกทำลาย จึงเหลือรอดมาให้ชาวบ้านได้เคารพบูชาจนถึงทุกวันนี้
พระธาตุฝุ่น
สำหรับพระธาตุฝุ่นและพระธาตุจอมเพชรในเมืองคูนนั้น เป็น 2 พระธาตุสำคัญของเมืองเชียงขวาง ซึ่งวันนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับไฮไลท์ที่ผู้ไปเยือนเชียงขวางไม่ควรพลาด

พระธาตุฝุ่น เป็นเจดีย์เก่าแก่ที่ปัจจุบันทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ที่ฐานขององค์พระธาตุปัจจุบันมีประตูไม้สร้างปิดช่องโพรงไว้ เนื่องจากช่วงหลังสงครามได้มีตน(ขโมย)มาลักลอบขุดสมบัติข้าวของมีค่าใต้องค์พระธาตุจนเป็นช่องโพรงขนาดใหญ่(เสียงต่อพระธาตุทรุดตัว) จึงจำเป็นต้องทำประตูไม้ปิดช่องโพรงกันไว้ไม่ให้ใครเข้าไปในฐานองค์พระธาตุ
พระธาตุจอมเพชร
ส่วนพระธาตุจอมเพชร(ที่อยู่ใกล้ๆกับพระธาตุฝุ่น) ปัจจุบันยอดของเจดีย์ไม่มีแล้ว เนื่องจากยอดองค์พระธาตุได้ถูกทำลายไป จากฝีมือของโจรฮ่อ(จีนฮ่อ)ที่เข้ามาปล้นสะดมในเมืองคูน ทำลายยอดองค์พระธาตุเพื่อนำเพชรนิลจินดาอัญมณีที่ประดับไปไว้บนยอดพระธาตุไป ปัจจุบันองค์พระธาตุจอมเพชรมีต้นไม้ปกคลุมเขียวครึ้ม พร้อมทิ้งเรื่องราวตำนานและความศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้ผู้มาเยือนได้สักการะกัน
ภูกระบ้อ
จากเนินเขาบริเวณองค์พระธาตุฝุ่น เมื่อมองย้อนหลังกลับไปจะเห็น“ภูกระบ้อ”ลูกใหญ่ตั้งเด่น ส่วนถัดไปด้านข้างจะเป็น “ภูจง”(ลูกเล็กกว่า) ซึ่งเมื่อผมเห็นแล้ว อดที่จะฮำท่อนหนึ่งของเพลง“เซียงขวงแดนงาม”ขึ้นมาไม่ได้

“...ภูจงเป็นวงแสงเดือน ภูจงเป็นวงแสงเดือน เมฆน้อยลอยเลือน ยามเมื่อคืนเดือนเพ็ญ...”

2...
บรรยากาศวิวทิวทัศน์เมืองโพนสะหวัน
“อย่าเชื่อใจแม่ค้า อย่าเชื่อฟ้าเซียงขวง”

ภาษิตลาวเขาว่าไว้อย่างนั้น(และมีการกล่าวเช่นนี้ไว้หลายเมือง เช่น อย่าเชื่อใจแม่ค้า อย่าเชื่อฟ้าหลวงพระบาง เป็นต้น)เพราะฟ้าเมืองเชียงขวาง(ไปจนถึงซำเหนือ)นั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวแจ่มใสกระจ่างจ้า เดี๋ยวมือฟ้ามัวดิน เดี๋ยวฝนตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา

แต่ทว่าบนท้องฟ้าเชียงขวางที่แสนโลเลเอาแน่เอานอนไม่ได้นี่ ในสมัยสงครามเวียดนามมีความแน่นอนมาก เพราะทุกๆวันบนท้องฟ้าจะเต็มว่อนไปด้วยเครื่องบินของมะกันบินมาทิ่มระเบิดแบบวินาศสันตะโร(ใช้ฐานทัพบินจากเมืองไทยที่อุดรฯ สัตหีบ) เป็นเวลาถึง 10 ปีเต็ม(ค.ศ. 1963-1973)
หลุมระเบิดขนาดใหญ่ที่ยังคงเหลือร่องรอยให้เห็นที่ทุ่งไหหิน 1
ว่ากันว่ามีระเบิดที่กองทัพอเมริกันระดมทิ้งอย่างบ้าคลั่งที่เชียงขวางที่ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านตัน ถึงขนาดที่ไกด์ชาวลาวคนหนึ่งเคยบอกกับผมว่า

“ช่วงนั้นอเมริกันทิ่มลูกบอมบ์(ระเบิด)เฉลี่ยแล้วตกวันละ 10 ตัน ในทุกๆ 15 นาที”

สำหรับสาเหตุที่ต้องมีการทิ้งบอมบ์กันแบบบ้าดีเดือดนั้น เนื่องจากเมืองเชียงขวางเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ มีชายแดนติดกับประเทศเวียดนาม สามารถใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงกองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆจากเวียดนามเหนือ มาสู่ขบวนการ(กู้ชาติ)ฝ่ายซ้ายของประเทศลาว ในสงครามกลางเมืองลาว ระหว่างฝ่ายซ้าย-ฝ่ายขวา
ซากระเบิดที่ชาวเชียงขวางนำไปประดับบ้าน
โดยมะกันอันธพาลนั้นกลัวคอมมิวนิสต์จะยึดครองลาวและภูมิภาคนี้ จึงให้การสนับสนุนรัฐบาลลาวฝ่ายขวา ซึ่งมีชาวม้ง(ในลาว)และทหารรับจ้างไทยร่วมด้วยช่วยกันรบ ทำสงครามกับลาวฝ่ายซ้ายในนาม“ขบวนการประเทดลาว”และชาวไทพวน(ส่วนใหญ่อยู่ในเซียงขวง) โดยมีจีน-รัสเซีย-เวียดนาม สนับสนุน

สงครามครั้งนั้นรบกันยืดเยื้อ 10 ปี ท้ายที่สุดมะกันแพ้พ่ายกลายเป็นตราบาปติดตัว แต่ได้ทิ้งบาดแผลสงครามให้ชาวบ้านในพื้นที่รับไปเต็มๆ โดยเฉพาะระเบิดจำนวนมหาศาลที่ทิ้งลงมานั้น ผ่านมาร่วม 30 ปีแล้วยังมีระเบิดหลงเหลืออยู่อีกเพียบ ที่สำคัญคือวันนี้ยังมีลูกระเบิดจำนวนหนึ่งที่ยังคงฝังอยู่ใต้ดินตามป่าตามเขา

และมันยัง“ไม่ระเบิด”!!!
ร้านกาแฟร้านนี้ตกแต่งด้วยลูกระเบิด
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่จะไปเที่ยวเชียงขวางในวันนี้ก็ไม่ต้องหวาดหวั่นวิตกแต่อย่างใด เพราะตามจุดท่องเที่ยวนั้นเขา(องค์กร MAG(Mines Advisory Group) : องค์กรกู้ระเบิดจากต่างประเทศ) ได้เข้ามาทำการเก็บกู้ระเบิดจนปลอดภัย สามารถไปเที่ยวเชียงขวางได้แบบไม่ต้องระแวง เพียงแต่ว่าต้องไปตามเส้นทางที่กำหนด หากใครออกนอกเส้นทางหลุดเข้าไปในพื้นที่สีแดง(พื้นที่ที่ยังเก็บระเบิดไม่หมด) งานนี้คงต้องขึ้นอยู่กับบุญเก่าในชาติปางก่อนของแต่ละคนแล้ว

แต่สำหรับคนเชียงขวางดูเหมือนพวกเขาจะชินกับระเบิดมานานแล้ว(ชินแต่ไม่ใช่ไม่กลัว) นั่นจึงทำให้ทางการลาวทำการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับระเบิดและการเก็บกู้พร้อมด้วยอาวุธสงคราม ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษากันที่ห้องข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวในตัวเมืองโพนสะหวัน ในขณะที่ชาวบ้านจำนวนหนึ่งนำชิ้นส่วนระเบิดทั้งน้อยใหญ่(ที่ระเบิดแล้ว)มาดัดแปลง ทำเสา ทำรั้วบ้าน ปลูกต้นไม้ เตาปิ้งบาร์บีคิว จนกลายเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองนี้ไป

นับได้ว่าชาวเชียงขวางในปัจจุบันยังคงหนีไม่พ้นจากลูกระเบิดอยู่ดี

3…
บรรยากาศเมืองเชียงขวางในปัจจุบัน
เมืองเชียงขวางมีหลายฉายาด้วยกัน ฉายาหลักๆมาจากการเคยเป็นสมรภูมิการสู้รบในสงครามเวียดนาม ทำให้เมืองนี้ได้รับการเรียกขานว่าเป็น ดินแดนแห่งการปลดแอก(จากอเมริกา) ดินแดนแห่งวีรชน ดินแดนแห่งการปฏิวัติ

ส่วนฉายาอื่นๆก็มี “ดินแดนแห่งนกนางแอ่น” เพราะเมืองนี้มีนกนางแอ่นมาก ทุกวันชาวบ้านจะจับมาขายที่ตลาดโพนสะหวันกันเป็นจำนวนมาก ถอนขน ถลกหนัง มาเสร็จสรรพ พร้อมทำอาหารกินได้เลย
นกนางแอ่นสด และนกนางแอ่นตุ้ง มีวางขายที่ตลาดกสิกรรมสวนภูคำ
สำหรับเมนูนกนางแอ่นขึ้นชื่อของชาวเชียงขวางนั้นก็คือ“นกนางแอ่นตุ้ง” ที่เป็นการนำนกนางแอ่นที่ถอนขนจนแกลี้ยงมาดองเกลือให้เค็มคล้ายการทำปลาร้าในบ้านเรา หลายๆคนจึงเรียกนกนางแอ่นตุ้งว่า “นกนางแอ่นร้า” หรือ “ปลาร้านกนางแอ่น” ก็สุดแท้แต่

นกนางแอ่นตุ้ง ถือเป็นเมนูต้องห้ามพลาดของชาวเชียงขวาง เป็นเมนูระดับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และเป็นเมนูเด็ดที่ชาวเชียงขวางนิยมซื้อฝากผู้ใหญ่ญาติสนิทมิตรสหาย โดยมีความเชื่อว่า “ความเค็มของนกนางแอ่นตุ้งที่อยู่ยั้งยืนยงนั้นก็เหมือนกับ มิตรภาพสายสัมพันธ์ที่คงทนถาวรนั่นเอง
ยิ้มสดใสของแม่ค้าสาวลาวพวนที่ตลาดกสิกรรมสวนภูคำ
ใครที่อยากลิ้มลองนกนางแอ่นตุ้งแบบถึงถิ่น ที่ตลาดโพนสะหวัน หรือ “ตลาดกสิกรรมสวนภูคำ”(ตลาดกะสิกำ สวนพูคำ) เขามีนกนางแอ่นตุ้งวางขายอยู่ทั่วไปให้เลือกซื้อไปลองลิ้มชิมรส

นอกจากนี้ที่ตลาดโพนสะหวันยังมีสินค้าพืชผัก ผลไม้ โดยเฉพาะ“หมากจอง” ผลไม้ขึ้นชื่อประจำเมืองเชียงขวาง ร่วมด้วยผลผลิตพื้นบ้านอื่นๆอีกหลากหลาย รวมถึงสัตว์ป่า ผ้าซิ่นผืนงาม และข้าวของต่างๆวางขายกันเป็นจำนวนมาก
สาวชาวเชียงขวางนั่งล้อมวงกินอาหารด้วยกัน
ขณะที่อีกหนึ่งฉายาอันโดดเด่นของเชียงขวางนั่นก็คือ “ดินแดนแห่งสาวงาม” ที่ผมชื่นชอบมาก เพราะสาวลาวพวนที่นี่ทั้งสวย ทั้งแกร่ง ต้องจับปืนสู้รบกับข้าศึกทั้งฝ่ายขวาและอเมริกันแบบไม่เกรงกลัว ไม่ใช่พวกสวยไร้สมองแบบดาราบ้านเราบางคน

ส่วนอีกฉายาหนึ่งคือ“ดินแดนแห่งความหนาว”ที่พอเดินทางเข้าเขตเชียงขวางผมสัมผัสได้ถึงไอแห่งความหนาวเย็นทันที เพราะเมืองนี้ตั้งอยู่บนระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล เฉลี่ยเกิน 1,000 เมตร สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน
เชียงขวาง นิวซีแลนด์แดนลาว
เทือกเขาหลายแนวคือความแปลกตาในระดับอันซีนสำหรับผม เพราะเป็นภูเขาหญ้าเขียวชอุ่ม(ช่วงที่ไปเป็นปลายฝน)สวยงาม แปลกตา ชวนให้นึกถึงภูเขาหญ้าเมืองระนองที่เป็นอันซีนในบ้านเรา แต่ภูเขาหญ้าที่นี่มีขนาดใหญ่และจำนวนเยอะกว่าบ้านเราอยู่มากโขเห็นเป็นแนวกว้างไกลสุดสายตา ยามเช้าวันฟ้าใสจะเห็นสายหมอกขาวลอยอ้อยอิ่ง ยามสาย-ยามเย็นในเทือกเขาบางช่วงบางตอนจะมีชาวบ้านนำวัว-ควายออกหากินหญ้า ดูประหนึ่งฟาร์มปศุสัตว์ในเมืองฝรั่งยังไงยังนั้น

และด้วยบรรยากาศแบบนี้ ชาวลาวหลายคนจึงตั้งฉายาใหม่ให้เชียงขวางเพื่อเป็นกิมมิกทางการท่องเที่ยวว่า“นิวซีแลนด์แดนลาว”

4...
เชื่อกันว่าไหใบใหญ่คือไหเหล้าขุนเจืองที่ทุ่งไหหิน 1
ใครที่มาเยือนเชียงขวางถ้าไม่ได้ไปเที่ยว“ทุ่งไหหิน” เหมือนกับมาไม่ถึงเชียงขวาง เพราะนี่คือสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อโด่งดังไปทั่วโลกได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งสปป.ลาว

ทุ่งไหหิน มีลักษณะเป็นเนินเขากว้างไกล บนนั้นมีหินรูปทรงคล้ายไห บางใบคล้ายโอ่ง ใบสูงตั้งแต่เอวไปจนสูงท่วมหัว ขนาดแต่ละใบกว้าง 1-2 เมตร ตั้งระเกะระกะเป็นหย่อมๆในจุดชม
ทุ่งไหหิน(1) ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่ง สปป.ลาว
บรรดาไหหินเหล่านี้ตามหลักวิชาการสันนิษฐานว่า น่าจะทำขึ้นราว 1,800 ปี มาแล้ว(อ้างอิงจากหนังสือ หอมกลิ่นจำปา เบิกฟ้าเมืองลาว โดย : ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ) สร้างขึ้นเป็นสุสานหรือฮวงซุ้ย เพราะขุดพบเศษกระดูก ลูกปัด เครื่องปั้นดินเผา และเครื่องใช้โบราณ บรรจุอยู่ในไห ส่วนที่ยังเป็นปริศนาก็คือ คนโบราณนำไหหินมาจากไหน? ขนหินขึ้นไปบนนั้นได้อย่างไร?
ไหหินใบนี้มีฝาปิด(ทุ่ง 1)
ส่วนตามตำนานพื้นบ้านเชื่อว่า นี่คือไหเหล้าของ“ขุนเจือง” (วีรบุรุษชาวลาว ยอดกษัตริย์แห่งล้านช้างเมื่อเกือบพันปีที่แล้ว)และทหาร ทำขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะหลังทำศึกกับพวกญวน(เวียดนาม)

ในขณะที่บางความเชื่อก็หลุดโลกไปเลย เชื่อว่านี่คือหินประหลาดลักษณะเดียวกับสโตนเฮนจ์ ที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ต่างดาวไปโน่น
ทุ่งไหหิน 1 สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดแห่งเชียงขวาง
เรื่องนี้ใครจะเชื่อหลักวิชาการ ตำนาน หรือเรื่องหลุดโลกก็สุดแท้แต่ แต่เรื่องจริงก็คือในเชียงขวางมีทุ่งไหหินถึง 30 กว่าแห่ง แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ปลอดภัยจากลูกระเบิดที่ยังไม่ได้เก็บกู้ ทางการลาวจึงเปิดให้เที่ยวชมเพียง 3 ทุ่งเท่านั้น

ทุ่งแรก ตั้งอยู่บนทิวทัศน์อันงดงามของเนินเขาหญ้ากว้างไกล มีไหหินกว่า 300 ไน มากที่สุดในบรรดา 3 ทุ่ง มีจุดชมหลักๆ 2 จุด จุดแรกมีไหใบใหญ่(ดูคล้ายโอ่ง)เป็นไฮไลท์ตั้งเอียงๆอยู่ชาวบ้านเชื่อว่านี่เป็นไหเหล้าของขุนเจือง จุดที่สองต้องเดินจากจุดแรกลงไปข้างล่างเป็นพื้นที่ที่มีไหหินจำนวนมากร่วม 200 ไห ตั้งเรียงรายเต็มท้องทุ่งหญ้า
ไหหินในดงไม้ ทุ่งที่ 2
ทุ่งที่สอง มี 90 กว่าไห มีจุดหลัก 2 จุดเช่นกัน จุดแรกตั้งอยู่ในดงไม้ เป็นไหทรงกระบอกทั้งเตี้ยและสูง บางไหเป็นทรงสี่เหลี่ยมเด่นกว่าเพื่อน ส่วนจุดที่ 2 ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงท่ามกลางทิวทัศน์ขุนเขาที่รายล้อม นับเป็นทุ่งไหที่วิวสวยงามมากๆ

ทุ่งที่สาม มีเกือบ 200 ไห ตั้งอยู่กลางทุ่งนาของชาวบ้าน ล้อมรั้วไม้อย่างดี มีไหเหลี่ยมเตี้ยๆอยู่หลายใบด้วยกัน
ทุ่งไหหิน 3
สำหรับไหหินใน 3 ทุ่งนั้น มีหลายใบถูกระเบิดมะกันถล่มแหลก แตก หัก พัง นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

นี่แหละหนาสงคราม ไม่เข้าใครออกใคร มันทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นมหันตภัยจากน้ำมือมนุษย์ที่ร้ายแรงที่สุดในบรรณพิภพ แต่น่าแปลกที่ไม่ว่ายุคสมัยไหนกลับมีมนุษย์จำนวนหนึ่งยังคงกระหายสงครามอยู่ร่ำไป
ไหหินมากมายในทุ่งที่ 1 โซนด้านล่าง
“...ไหหินมิ่งขวัญเซียงขวง สายลมไหลล่วง ป่วงให้อ้ายสุดฝัน

ภูเรียงเป็นลอนกลายกัน ภูเรียงเป็นลอนกลายกัน ให้อ้ายสุขสันต์ กับความงามเซียงขวง”

เพลง : เซียงขวงแดนงาม(เชียงขวางแดนงาม)

**************************************************
เชียงขวางดินแดนวิมาน หนาวใจสะท้าน หนาวสั่นสะเทือน
เชียงขวาง(Xiangkhoang)คือแขวงหนึ่งของ สปป.ลาว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ราวๆ 400 กิโลเมตร เชียงขวาง มีพรมแดนติดประเทศเวียดนาม

ปัจจุบันเชียงขวางเป็นอีกหนึ่งเมืองที่กำลังโตวันโตคืน และเป็นเมืองที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวอย่างสูง ด้วยเหตุนี้ ทาง“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ภูมิภาค ภาคเหนือ” จึงได้จัดกิจกรรม ทริปสำรวจเส้นทาง “ภูดู่(อุตรดิตถ์)-หลวงพระบาง-เชียงขวาง-ไชยบุรี-เวียงจันทน์-อุดรธานี”ขึ้น เพื่อเป็นการสำรวจเส้นทาง สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการรองรับนักท่องเที่ยวของประเทศเพื่อนบ้านคือ สปป.ลาว เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานของไทย
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น