โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
“ภูดู่ ประตูสู่หลวงพระบาง”
เป็นสโลแกนของ ด่าน“ภูดู่” จ.อุตรดิตถ์ ที่วันนี้นอกจากจะเป็นหนึ่งในประตูสู่“หลวงพระบาง”เมืองมรดกโลกแห่ง สปป.ลาวแล้ว ด่านภูดู่ยังเป็นอีกหนึ่งประตูสู่“นครเวียงจันทน์” เมืองหลวงของสปป.ลาว ที่น่าสนใจยิ่ง
ภูดู่ ประตูสู่หลวงพระบาง
“ด่านภูดู่” หรือ “จุดผ่านแดนถาวรภูดู่”เป็นด่านพรมแดนไทย-ลาว ในฝั่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่บ้านภูดู่ ต.ม่วงเจ็ดต้น อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ เมื่อข้ามเขตไปในประเทศลาว จะเป็นด่านสากล“พูดู่” หรือ“ด่านผาแก้ว”(ชื่อเดิม) แห่งบ้านผาแก้ว เมืองปากลาย แขวงไชยบุรี(ไชยะบุลี)
ด่านภูดู่มาจากชื่อภูเขา“ภูดู่”ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างประเทศไทยและสปป.ลาว ด่านภูดู่ฝั่งไทย ได้รับการยกฐานะจากจุดผ่อนปรนชั่วคราว(เปิดเฉพาะวันศุกร์-เสาร์)ให้เป็น“ด่านสากลภูดู่” เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ส่วนด่านผาแก้วฝั่งสปป.ลาว ได้ยกฐานะจากด่านท้องถิ่นให้เป็นด่านสากลเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558
ด่านภูดู่ฝั่งไทย เปิดตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. มีระยะทางห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 160 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
จากจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ ข้ามแดนสู่สปป.ลาว ผ่านด่านผาแก้ว ไปยังเมืองปากลาย มีระยะทาง 38 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที จากเมืองปากลายไปยังตัวเมือง(แขวง)ไชยบุรี มีระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชั่วโมง จากเมืองไชยบุรี ไปยังเมืองหลวงพระบาง มีระยะทาง 110 กิโลเมตร เวลา 2 ชั่วโมง หากรวมการเดินทางจากตัวเมืองอุตรดิตถ์สู่เมืองมรดกโลกหลวงพระบาง สปป.ลาว จะมีระยะทางประมาณ 460 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง(อ้างอิงข้อมูลจาก ททท.)
โดยเส้นทางจากจุดผ่านแดนถาวรภูดู่สู่หลวงพระบางนั้นมีจุดเด่นตรงที่ มีสภาพถนนที่ค่อนข้างดีเป็นทางลาดยางตลอดเส้นทาง เส้นทางไม่ต้องขึ้นภูเขาสูงชันมาก ไม่คดโค้งน่าหวาดเสียว ทำให้วันนี้ด่านภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ จึงถือเป็นอีกหนึ่งประตู่สู่หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
ภูดู่ ประตูสู่เวียงจันทน์
จากจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ เมื่อข้ามแดนสู่ด่านผาแก้ว สปป.ลาว ยังสามารถเดินทางไปสู่นครเวียงจันทน์ได้ด้วยระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตร โดย(ปัจจุบัน)มีเส้นทางข้ามแม่น้ำโขงช่วงหนึ่ง รถยนต์ต้องไปใช้บริการแพขนานยนต์(บั๊ก)ข้ามแม่น้ำโขงที่เมืองปากลาย จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองเวียงจันทน์
อย่างไรก็ดีในเส้นทางสายนี้ปัจจุบันได้มีการดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่เมืองปากลาย หรือที่นิยมเรียกกันว่า “สะพานปากลาย” ในบริเวณใกล้ๆกับจุดข้ามแพขนานยนต์
สะพานปากลาย สร้างข้ามแม่น้ำโขง เชื่อมระหว่าง บ้านนาสัก เมืองปากลาย แขวงไชยบุรี กับ บ้านคกข้าวดอ เมืองชะนะคาม(ซะนะคาม) แขวงเวียงจันทน์ ตัวสะพานยาว 365 เมตร กว้าง 11.40 เมตร แบ่งเป็น 2 ช่องจราจร ด้านข้าง 2 ฝั่งยังมีฟุตบาทกว้างฝั่งละ 1.50 เมตร
ปัจจุบันสะพานปากลายดำเนินการก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ โดยได้มีการทดลองให้รถวิ่งข้ามผ่านสะพ่านแห่งนี้บ้างแล้ว ซึ่งคาดว่าสะพานปากลายจะสร้างเสร็จ เปิดให้ใช้บริการได้ในเร็วๆนี้
กิติพงษ์ วิรุฬห์ศรี นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า สะพานปากลายเมื่อสร้างแล้วเสร็จ เปิดให้รถวิ่งผ่านได้ จะช่วยร่นเวลาเดินทางลงมาได้มาก เพราะจากเดิมที่ต้องนำรถยนต์ไปขึ้นแพขนานยนต์ข้ามแม่น้ำโขงที่เสียเวลาพอสมควร แต่เมื่อมีสะพานปากลายก็จะทำให้การเดินทางสะดวกสบายและรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก
กิติพงษ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากด่านภูดู่ของไทย เมื่อข้ามมาด่านผาแก้วฝั่งสปป.ลาว เดินทางไปอีกประมาณ 32 กิโลเมตร จะถึงสะพานข้ามโขงปากลาย จากสะพานปากลายหากไปอีก 198 กม. ก็จะถึงนครหลวงเวียงจันทน์ เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางเลาะเลียบแม่น้ำโขง(ของฝั่งลาว)ที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อผ่านเมืองชะนะคาม(ซะนะคาม)จะสามารถมองเห็นเมืองเชียงคานของเมืองไทย
ในอนาคตเส้นทางผ่านด่านภูดู่ จะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวไทย-ลาว เส้นทางโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าจากไทยสู่ลาว และเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างภาคเหนือของไทย ผ่านสปป.ลาว แล้วเข้าสู่ภาคอีสานของไทย ที่น่าสนใจอีกเส้นทางหนึ่ง
เส้นทางมิตรภาพอาเซียน
ปัจจุบันหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC(เออีซี) ทำให้ประเทศไทยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางได้กลายเป็นฮับ หรือจุดเชื่อมต่อในการเดินทางสู่ประเทศต่างๆรอบบ้านเรา ด้วยเหตุนี้ทาง ททท.จึงมีโครงการ จัดเส้นทางท่องเที่ยว AEC ขึ้น เป็นเส้นทางมิตรภาพอาเซียนที่ประกอบไปด้วยหลากหลายเส้นทางด้วยกัน
นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. ได้เปิดเผยถึงโครงการดังกล่าวว่า ในปีนี้(2560) ททท.มีนโยบายในเรื่องของการท่องเที่ยวเชื่อมโยง โดยใช้ประเทศไทยเป็นฮับ เป็นศูนย์กลางดึงดูดนักท่องเที่ยวรอบๆบ้านเรา ให้เข้ามาเที่ยวในเมืองไทย สำหรับด้านตลาดในประเทศ เราต้องมองประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันก่อน เนื่องจากเป็นจุดที่มีศักยภาพของประเทศเพื่อนบ้าน ที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติให้มาเที่ยวในบริเวณรอบๆ ในจุดที่มีชายแดนเชื่อมต่อและสามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงต่อไปยังที่ต่างๆได้ หรือที่เรียก“เออีซี คอนเน็คทิวิตี้” (AEC Connectivity)
“ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดตามชายแดนที่มีศักยภาพซึ่งมีด่านต่างๆเป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว เมียนมา กัมพูชา และมาเลเซีย ทาง ททท.ได้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวให้เป็นเส้นทางวงรอบ ให้ออก(ไป)ทางจังหวัดหนึ่ง แล้วเข้า(กลับ)ทางจังหวัดหนึ่ง เพื่อเพิ่มโอกาสการท่องเที่ยวและเพิ่มวันพักค้างของนักท่องเที่ยวไทยใน 2 จังหวัดชายแดน” นางสุจิตรา กล่าว
ขณะที่ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศเพื่อนบ้านของเรานั้น นางสุจิตรา กล่าวว่า ททท.มีโครงการ“วีคเอนด์ เดสติเนชั่น”(Weekend Destinations) เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนบ้านเราในกลุ่มมีศักยภาพ มีรายได้สูง ให้มาท่องเที่ยวพักผ่อนตามจังหวัดชายแดนของบ้านเรา มาใช้ชีวิตที่หรูหรา สะดวกสบาย กินดีอยู่ดี พักผ่อนวันหยุด เพื่อจับจ่ายใช้สอย ใช้บริการด้านสุขภาพ ด้านความงาม เป็นต้น
สำหรับด่านภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ นั้น นางสุจิตราให้ข้อมูลว่า เราสามารถขับรถจากภาคเหนือของไทยออกจากด่านภูดู่เข้าสู่สปป.ลาว เข้าไปเที่ยวในหลวงพระบาง และสามารถกลับเข้าไทยได้ทางภาคเหนือที่ด่านห้วยโก๋น จ.น่าน หรือผ่านด่านภูดู่ เข้าไปเที่ยวในเมืองต่างๆของสปป.ลาว เช่นหลวงพระบาง ไชยบุรี เวียงจันทน์ และสามารถกลับเข้าไทยได้ในภาคอีสาน ทั้งเข้าที่ด่านบ้านนากระเซ็ง(อ.ท่าลี่ จ.เลย)-เมืองแก่นท้าว(แขวงไชยบุรี สปป.ลาว)หรือด่านเวียงจันทน์-หนองคาย ได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ด่านภูดู่ยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยง AEC จากเมียนมา-ไทย-สปป.ลาว ที่สำคัญอีกเส้นทางหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างของบ้านเรา โดยจากประเทศเมียนมา เข้าไทยที่ด่านเมียวดี-แม่สอด(จ.ตาก) จากนั้นเดินทางจาก จ.ตาก ผ่านสุโขทัย อุตรดิตถ์ ผ่านด่านภูดู่ เข้าสู่สปป.ลาว ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นเส้นทางท่องเที่ยว“กินข้าว 3 แผ่นดิน” ที่น่าสนใจไม่น้อย
เส้นทาง AEC ภูดู่-ลาว-อีสาน
ด้วยศักยภาพของด่านภูดู่ในการเป็นทั้งประตู่สู่หลวงพระบางและประตูสู่เวียงจันทน์ ทาง“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ภูมิภาค ภาคเหนือ” จึงได้จัดกิจกรรม ทริปสำรวจเส้นทาง “ภูดู่(อุตรดิตถ์)-หลวงพระบาง-เชียงขวาง-ไชยบุรี-เวียงจันทน์-อุดรธานี” เพื่อเป็นการสำรวจเส้นทาง สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการรองรับนักท่องเที่ยวของประเทศเพื่อนบ้านคือ สปป.ลาว เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานของไทย
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในสปป.ลาว ของแต่ละเมืองในเส้นทางดังกล่าวนั้น ได้แก่
หลวงพระบาง : เมืองมรดกโลกที่ประกอบไปด้วยสิ่งน่าสนใจหลากหลาย อาทิ ตึกเก่าใจกลางเมือง,พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง,ไหว้พระบางที่หอพระบาง(หน้าพิพิธภัณฑ์),ขึ้นพูสีชมวิวทิวทัศน์พร้อมสักการะพระธาตุพูสี,ตักบาตรข้าวเหนียวประเพณีอันงดงามเป็นเอกลักษณ์ และชมความงาม“วัดเชียงทอง” สุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมล้านช้างที่งดงามที่สุดในประเทศลาว
เชียงขวาง(เซียงขวง) : เมืองที่มีวิวทิวทัศน์ของขุนเขาอันเขียวขจีสวยงาม มีอากาศดี เชียงขวางมีเมือง “โพนสะหวัน” เป็นเมืองเอก มีสถานที่น่าสนใจ อย่างเช่น วัดเพียวัด พระธาตุฝุ่น และไฮไลท์คือ“ทุ่งไหหิน” ที่ได้ชื่อว่าเป็นสิงมหัศจรรย์แห่งสปป.ลาว
ไชยบุรี(ไชยะบุลี) : อีกหนึ่งเมืองผ่านสำคัญสู่หลวงพระบางและเวียงจันทน์ที่กำลังโตวันโตคืน เมืองนี้มีสิ่งน่าสนใจชวนเที่ยว ได้แก่ วัดศรีสว่างวงศ์ วัดศรีบุญเรือง และ อนุสาวรีย์นักรบนิรนาม
เวียงจันทน์ : เมืองหลวงแห่งสปป.ลาว ที่วันนี้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างสูง ในอนาคตอีกไม่นานจะมีรถไฟความเร็วสูง(จีนมาสร้างให้) วิ่งเชื่อมโยงจากจีน ลาว เข้าสู่ ไทย โดยมีเวียงจันทน์เป็นฮับสำคัญของลาวในการวิ่งเชื่อมโยงไปยังเมืองต่างๆ ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเวียงจันทน์ก็มี พระธาตุหลวง ประตูชัย หอพระแก้ว วัดสีสะเกด เป็นต้น
สำหรับสิ่งน่าสนใจต่างๆในเส้นทางเชื่อมโยงภาคเหนือ-สปป.ลาว-สู่ภาคอีสานของไทยนั้น “ทินกร ทองเพ้า” นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างจะพร้อมด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่พัก ร้านอาหาร เรื่องของสาธารณูปโภคต่างๆ ขณะที่ถนนหนทางในสปป.ลาว ปัจจุบันนั้นค่อนข้างที่จะดีมากหากเทียบกับในอดีต อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่มีความสวยงาม มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่มาก
ด้าน นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเส้นทางสายนี้ว่า เมืองต่างๆในสปป.ลาว ในเส้นทางดังกล่าว ถือว่ามีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งทาง ททท.ได้มองศักยภาพของประเทศเพื่อนบ้านแล้วดึงมาเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวในบ้านเรา
“การจะดึงให้คนมาเที่ยวซ้ำ ต้องหาจุดท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยง ต้องเปิดเส้นทางใหม่ๆ แล้วหาจุดเชื่อมโยงกับเมืองไทย” นางสุจิตรา กล่าวทิ้งท้าย
และนี่ก็คือศักยภาพของด่าน“ภูดู่” จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งนอกจากจะเป็นหนึ่งในประตูสู่“หลวงพระบาง”เมืองมรดกโลกแห่ง สปป.ลาวแล้ว วันนี้ด่านภูดู่ยังเป็นอีกหนึ่งประตูสู่“นครเวียงจันทน์” เมืองหลวงของสปป.ลาว ที่น่าสนใจยิ่ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
“ภูดู่ ประตูสู่หลวงพระบาง”
เป็นสโลแกนของ ด่าน“ภูดู่” จ.อุตรดิตถ์ ที่วันนี้นอกจากจะเป็นหนึ่งในประตูสู่“หลวงพระบาง”เมืองมรดกโลกแห่ง สปป.ลาวแล้ว ด่านภูดู่ยังเป็นอีกหนึ่งประตูสู่“นครเวียงจันทน์” เมืองหลวงของสปป.ลาว ที่น่าสนใจยิ่ง
ภูดู่ ประตูสู่หลวงพระบาง
“ด่านภูดู่” หรือ “จุดผ่านแดนถาวรภูดู่”เป็นด่านพรมแดนไทย-ลาว ในฝั่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่บ้านภูดู่ ต.ม่วงเจ็ดต้น อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ เมื่อข้ามเขตไปในประเทศลาว จะเป็นด่านสากล“พูดู่” หรือ“ด่านผาแก้ว”(ชื่อเดิม) แห่งบ้านผาแก้ว เมืองปากลาย แขวงไชยบุรี(ไชยะบุลี)
ด่านภูดู่มาจากชื่อภูเขา“ภูดู่”ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างประเทศไทยและสปป.ลาว ด่านภูดู่ฝั่งไทย ได้รับการยกฐานะจากจุดผ่อนปรนชั่วคราว(เปิดเฉพาะวันศุกร์-เสาร์)ให้เป็น“ด่านสากลภูดู่” เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ส่วนด่านผาแก้วฝั่งสปป.ลาว ได้ยกฐานะจากด่านท้องถิ่นให้เป็นด่านสากลเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558
ด่านภูดู่ฝั่งไทย เปิดตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. มีระยะทางห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 160 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
จากจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ ข้ามแดนสู่สปป.ลาว ผ่านด่านผาแก้ว ไปยังเมืองปากลาย มีระยะทาง 38 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที จากเมืองปากลายไปยังตัวเมือง(แขวง)ไชยบุรี มีระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชั่วโมง จากเมืองไชยบุรี ไปยังเมืองหลวงพระบาง มีระยะทาง 110 กิโลเมตร เวลา 2 ชั่วโมง หากรวมการเดินทางจากตัวเมืองอุตรดิตถ์สู่เมืองมรดกโลกหลวงพระบาง สปป.ลาว จะมีระยะทางประมาณ 460 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง(อ้างอิงข้อมูลจาก ททท.)
โดยเส้นทางจากจุดผ่านแดนถาวรภูดู่สู่หลวงพระบางนั้นมีจุดเด่นตรงที่ มีสภาพถนนที่ค่อนข้างดีเป็นทางลาดยางตลอดเส้นทาง เส้นทางไม่ต้องขึ้นภูเขาสูงชันมาก ไม่คดโค้งน่าหวาดเสียว ทำให้วันนี้ด่านภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ จึงถือเป็นอีกหนึ่งประตู่สู่หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
ภูดู่ ประตูสู่เวียงจันทน์
จากจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ เมื่อข้ามแดนสู่ด่านผาแก้ว สปป.ลาว ยังสามารถเดินทางไปสู่นครเวียงจันทน์ได้ด้วยระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตร โดย(ปัจจุบัน)มีเส้นทางข้ามแม่น้ำโขงช่วงหนึ่ง รถยนต์ต้องไปใช้บริการแพขนานยนต์(บั๊ก)ข้ามแม่น้ำโขงที่เมืองปากลาย จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองเวียงจันทน์
อย่างไรก็ดีในเส้นทางสายนี้ปัจจุบันได้มีการดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่เมืองปากลาย หรือที่นิยมเรียกกันว่า “สะพานปากลาย” ในบริเวณใกล้ๆกับจุดข้ามแพขนานยนต์
สะพานปากลาย สร้างข้ามแม่น้ำโขง เชื่อมระหว่าง บ้านนาสัก เมืองปากลาย แขวงไชยบุรี กับ บ้านคกข้าวดอ เมืองชะนะคาม(ซะนะคาม) แขวงเวียงจันทน์ ตัวสะพานยาว 365 เมตร กว้าง 11.40 เมตร แบ่งเป็น 2 ช่องจราจร ด้านข้าง 2 ฝั่งยังมีฟุตบาทกว้างฝั่งละ 1.50 เมตร
ปัจจุบันสะพานปากลายดำเนินการก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ โดยได้มีการทดลองให้รถวิ่งข้ามผ่านสะพ่านแห่งนี้บ้างแล้ว ซึ่งคาดว่าสะพานปากลายจะสร้างเสร็จ เปิดให้ใช้บริการได้ในเร็วๆนี้
กิติพงษ์ วิรุฬห์ศรี นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า สะพานปากลายเมื่อสร้างแล้วเสร็จ เปิดให้รถวิ่งผ่านได้ จะช่วยร่นเวลาเดินทางลงมาได้มาก เพราะจากเดิมที่ต้องนำรถยนต์ไปขึ้นแพขนานยนต์ข้ามแม่น้ำโขงที่เสียเวลาพอสมควร แต่เมื่อมีสะพานปากลายก็จะทำให้การเดินทางสะดวกสบายและรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก
กิติพงษ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากด่านภูดู่ของไทย เมื่อข้ามมาด่านผาแก้วฝั่งสปป.ลาว เดินทางไปอีกประมาณ 32 กิโลเมตร จะถึงสะพานข้ามโขงปากลาย จากสะพานปากลายหากไปอีก 198 กม. ก็จะถึงนครหลวงเวียงจันทน์ เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางเลาะเลียบแม่น้ำโขง(ของฝั่งลาว)ที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อผ่านเมืองชะนะคาม(ซะนะคาม)จะสามารถมองเห็นเมืองเชียงคานของเมืองไทย
ในอนาคตเส้นทางผ่านด่านภูดู่ จะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวไทย-ลาว เส้นทางโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าจากไทยสู่ลาว และเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างภาคเหนือของไทย ผ่านสปป.ลาว แล้วเข้าสู่ภาคอีสานของไทย ที่น่าสนใจอีกเส้นทางหนึ่ง
เส้นทางมิตรภาพอาเซียน
ปัจจุบันหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC(เออีซี) ทำให้ประเทศไทยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางได้กลายเป็นฮับ หรือจุดเชื่อมต่อในการเดินทางสู่ประเทศต่างๆรอบบ้านเรา ด้วยเหตุนี้ทาง ททท.จึงมีโครงการ จัดเส้นทางท่องเที่ยว AEC ขึ้น เป็นเส้นทางมิตรภาพอาเซียนที่ประกอบไปด้วยหลากหลายเส้นทางด้วยกัน
นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. ได้เปิดเผยถึงโครงการดังกล่าวว่า ในปีนี้(2560) ททท.มีนโยบายในเรื่องของการท่องเที่ยวเชื่อมโยง โดยใช้ประเทศไทยเป็นฮับ เป็นศูนย์กลางดึงดูดนักท่องเที่ยวรอบๆบ้านเรา ให้เข้ามาเที่ยวในเมืองไทย สำหรับด้านตลาดในประเทศ เราต้องมองประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันก่อน เนื่องจากเป็นจุดที่มีศักยภาพของประเทศเพื่อนบ้าน ที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติให้มาเที่ยวในบริเวณรอบๆ ในจุดที่มีชายแดนเชื่อมต่อและสามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงต่อไปยังที่ต่างๆได้ หรือที่เรียก“เออีซี คอนเน็คทิวิตี้” (AEC Connectivity)
“ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดตามชายแดนที่มีศักยภาพซึ่งมีด่านต่างๆเป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว เมียนมา กัมพูชา และมาเลเซีย ทาง ททท.ได้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวให้เป็นเส้นทางวงรอบ ให้ออก(ไป)ทางจังหวัดหนึ่ง แล้วเข้า(กลับ)ทางจังหวัดหนึ่ง เพื่อเพิ่มโอกาสการท่องเที่ยวและเพิ่มวันพักค้างของนักท่องเที่ยวไทยใน 2 จังหวัดชายแดน” นางสุจิตรา กล่าว
ขณะที่ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศเพื่อนบ้านของเรานั้น นางสุจิตรา กล่าวว่า ททท.มีโครงการ“วีคเอนด์ เดสติเนชั่น”(Weekend Destinations) เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนบ้านเราในกลุ่มมีศักยภาพ มีรายได้สูง ให้มาท่องเที่ยวพักผ่อนตามจังหวัดชายแดนของบ้านเรา มาใช้ชีวิตที่หรูหรา สะดวกสบาย กินดีอยู่ดี พักผ่อนวันหยุด เพื่อจับจ่ายใช้สอย ใช้บริการด้านสุขภาพ ด้านความงาม เป็นต้น
สำหรับด่านภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ นั้น นางสุจิตราให้ข้อมูลว่า เราสามารถขับรถจากภาคเหนือของไทยออกจากด่านภูดู่เข้าสู่สปป.ลาว เข้าไปเที่ยวในหลวงพระบาง และสามารถกลับเข้าไทยได้ทางภาคเหนือที่ด่านห้วยโก๋น จ.น่าน หรือผ่านด่านภูดู่ เข้าไปเที่ยวในเมืองต่างๆของสปป.ลาว เช่นหลวงพระบาง ไชยบุรี เวียงจันทน์ และสามารถกลับเข้าไทยได้ในภาคอีสาน ทั้งเข้าที่ด่านบ้านนากระเซ็ง(อ.ท่าลี่ จ.เลย)-เมืองแก่นท้าว(แขวงไชยบุรี สปป.ลาว)หรือด่านเวียงจันทน์-หนองคาย ได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ด่านภูดู่ยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยง AEC จากเมียนมา-ไทย-สปป.ลาว ที่สำคัญอีกเส้นทางหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างของบ้านเรา โดยจากประเทศเมียนมา เข้าไทยที่ด่านเมียวดี-แม่สอด(จ.ตาก) จากนั้นเดินทางจาก จ.ตาก ผ่านสุโขทัย อุตรดิตถ์ ผ่านด่านภูดู่ เข้าสู่สปป.ลาว ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นเส้นทางท่องเที่ยว“กินข้าว 3 แผ่นดิน” ที่น่าสนใจไม่น้อย
เส้นทาง AEC ภูดู่-ลาว-อีสาน
ด้วยศักยภาพของด่านภูดู่ในการเป็นทั้งประตู่สู่หลวงพระบางและประตูสู่เวียงจันทน์ ทาง“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ภูมิภาค ภาคเหนือ” จึงได้จัดกิจกรรม ทริปสำรวจเส้นทาง “ภูดู่(อุตรดิตถ์)-หลวงพระบาง-เชียงขวาง-ไชยบุรี-เวียงจันทน์-อุดรธานี” เพื่อเป็นการสำรวจเส้นทาง สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการรองรับนักท่องเที่ยวของประเทศเพื่อนบ้านคือ สปป.ลาว เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานของไทย
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในสปป.ลาว ของแต่ละเมืองในเส้นทางดังกล่าวนั้น ได้แก่
หลวงพระบาง : เมืองมรดกโลกที่ประกอบไปด้วยสิ่งน่าสนใจหลากหลาย อาทิ ตึกเก่าใจกลางเมือง,พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง,ไหว้พระบางที่หอพระบาง(หน้าพิพิธภัณฑ์),ขึ้นพูสีชมวิวทิวทัศน์พร้อมสักการะพระธาตุพูสี,ตักบาตรข้าวเหนียวประเพณีอันงดงามเป็นเอกลักษณ์ และชมความงาม“วัดเชียงทอง” สุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมล้านช้างที่งดงามที่สุดในประเทศลาว
เชียงขวาง(เซียงขวง) : เมืองที่มีวิวทิวทัศน์ของขุนเขาอันเขียวขจีสวยงาม มีอากาศดี เชียงขวางมีเมือง “โพนสะหวัน” เป็นเมืองเอก มีสถานที่น่าสนใจ อย่างเช่น วัดเพียวัด พระธาตุฝุ่น และไฮไลท์คือ“ทุ่งไหหิน” ที่ได้ชื่อว่าเป็นสิงมหัศจรรย์แห่งสปป.ลาว
ไชยบุรี(ไชยะบุลี) : อีกหนึ่งเมืองผ่านสำคัญสู่หลวงพระบางและเวียงจันทน์ที่กำลังโตวันโตคืน เมืองนี้มีสิ่งน่าสนใจชวนเที่ยว ได้แก่ วัดศรีสว่างวงศ์ วัดศรีบุญเรือง และ อนุสาวรีย์นักรบนิรนาม
เวียงจันทน์ : เมืองหลวงแห่งสปป.ลาว ที่วันนี้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างสูง ในอนาคตอีกไม่นานจะมีรถไฟความเร็วสูง(จีนมาสร้างให้) วิ่งเชื่อมโยงจากจีน ลาว เข้าสู่ ไทย โดยมีเวียงจันทน์เป็นฮับสำคัญของลาวในการวิ่งเชื่อมโยงไปยังเมืองต่างๆ ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเวียงจันทน์ก็มี พระธาตุหลวง ประตูชัย หอพระแก้ว วัดสีสะเกด เป็นต้น
สำหรับสิ่งน่าสนใจต่างๆในเส้นทางเชื่อมโยงภาคเหนือ-สปป.ลาว-สู่ภาคอีสานของไทยนั้น “ทินกร ทองเพ้า” นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างจะพร้อมด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่พัก ร้านอาหาร เรื่องของสาธารณูปโภคต่างๆ ขณะที่ถนนหนทางในสปป.ลาว ปัจจุบันนั้นค่อนข้างที่จะดีมากหากเทียบกับในอดีต อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่มีความสวยงาม มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่มาก
ด้าน นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเส้นทางสายนี้ว่า เมืองต่างๆในสปป.ลาว ในเส้นทางดังกล่าว ถือว่ามีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งทาง ททท.ได้มองศักยภาพของประเทศเพื่อนบ้านแล้วดึงมาเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวในบ้านเรา
“การจะดึงให้คนมาเที่ยวซ้ำ ต้องหาจุดท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยง ต้องเปิดเส้นทางใหม่ๆ แล้วหาจุดเชื่อมโยงกับเมืองไทย” นางสุจิตรา กล่าวทิ้งท้าย
และนี่ก็คือศักยภาพของด่าน“ภูดู่” จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งนอกจากจะเป็นหนึ่งในประตูสู่“หลวงพระบาง”เมืองมรดกโลกแห่ง สปป.ลาวแล้ว วันนี้ด่านภูดู่ยังเป็นอีกหนึ่งประตูสู่“นครเวียงจันทน์” เมืองหลวงของสปป.ลาว ที่น่าสนใจยิ่ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
