หากพูดถึงอาหาร Junk Food หลายคนอาจร้องยี้ออกมาอย่างแน่นอน แต่คราวนี้ “ตระเวนกิน” จะขอแนะนำร้านอาหารสไตล์อเมริกัน ที่ไม่ได้มีแต่เมนูเลี่ยนๆ แบบที่ทุกคนเคยเจอมา เพราะอาหารของที่ร้านนี้เป็นสไตล์อเมริกันโฮมเมด พิถีพิถันทั้งการปรุงและการคัดสรรวัตถุดิบให้มีความสด สะอาด ได้ประโยชน์และหาได้ง่ายตามฤดูกาล มาสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนปรุงเป็นเมนูอร่อยให้ทุกคนได้ลิ้มลอง
ร้านที่ว่านี้คือ "ไวท์ ชัฟเฟิล" (White Shuffle) ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ร่วมสมัย ออกแบบให้มีบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกง่ายๆ สบายๆ ด้วยโทนสีขาวสว่าง และสามารถปรับเปลี่ยนบรรยากาศร้านด้วยการใช้ชุดไฟ 2 โทนสี เพื่อสื่อความเป็นร้านแบบครอบครัวในเวลากลางวัน และปรับเป็นสถานที่แฮงเอาท์พบปะสังสรรค์ของเพื่อนฝูงในยามค่ำคืนได้ กับพื้นที่ทั้งในโซนอินดอร์จำนวน 36 ที่นั่ง และเอาท์ดอร์จำนวน 24 ที่นั่ง
โดยมีส่วนเตรียมอาหารด้วยกัน 2 ส่วน คือ “ครัวส่วนร้อน” ใช้สำหรับปิ้ง ย่าง ผัด อาหารต่างๆ ก่อนส่งต่อมาที่ “ครัวส่วนเย็น” ที่นำอาหารปรุงสุกใหม่ออกมาตกแต่ง เสมือนนั่งทานข้าวที่บ้านเพื่อน อีกทั้งยังเป็นส่วนโชว์วัตถุดิบไฮไลท์แต่ละเดือน ทอดผ่านไปยังครัวแบบเปิดที่มองเห็นทุกขั้นตอนการปรุงอาหาร กับโต๊ะไม้ตัวยาวที่สามารถแชร์พื้นที่ร่วมกัน
ที่ "ไวท์ ชัฟเฟิล" มีทั้งเมนูอาหารเช้าแบบ "ออลเดย์ บลันช์" (All Day Brunch) กับเมนูสุขภาพเน้นสารอาหาร และพลังงานที่ครบถ้วน ไปจนถึงเมนูหนักท้องสำหรับมื้อปาร์ตี้หลังเลิกงาน ทุกเมนูทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงที่สั่งตรงจากโครงการหลวง และบางอย่างก็นำเข้าจากต่างประเทศด้วย จึงมั่นใจเรื่องความสด สะอาด และปลอดภัยได้เลย
เมนูแรกก็คือ “Rocket Prosciutto” (ราคา 225++) ผักร็อกเก็ตจากโครงการหลวงกินคู่กับแฮมโพรชูโตชิ้นบาง คลุกเคล้ากับน้ำสลัดบัลซามิกที่ผสมน้ำทับทิมเพิ่มรสและกลิ่นหอมอ่อนๆ โรยหน้าด้วยลูกเกดแห้งและเม็ดทับทิม คนรักสุขภาพต้องห้ามพลาดจริงๆ
ต่อด้วยเมนูของคนที่โปรดปราน “พาสต้า” เพราะร้านนี้มีให้เลือกหลากหลาย เช่น “Angel Hair Olio Mushrooms & Bacon” (ราคา 225++) เส้นแองเจิลแฮร์ (บางกว่าเส้นสปาเกตตี) ผัดแบบแห้งๆ ด้วยน้ำมันมะกอกกับเห็ดหอมชิ้นบางย่างและเบคอนอบจนหอมกรุ่น โรยด้วยพาเมซานชีส แล้วตัดด้วยรสชาติความเผ็ดจากพริกแห้ง เข้ากันได้ดีจนต้องซู้ดปาก
หรือจะเป็น “Mac And Cheese” (ราคา 180++) เมนูกินเล่นเพลินๆ ไปกับเส้นมักกะโรนีพอดีคำ ที่นำไปผัดกับเบคอนรมควันจนหอม ก่อนนำไปอบกับมอสซาเรลล่าชีสจนเหลืองทอง ตักลงไปแต่ละทีก็จะฟินกับชีสเน้นๆ ที่ยืดเยิ้มจนคนรักชีสหยุดกินไม่ได้เลยทีเดียว
ถ้าหากมาร้านไวท์ ซัฟเฟิล ต้องไม่พลาดที่จะสั่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ก็คือ “Pork chop” (ราคา 450++) เนื้อหมูส่วนพอร์คชอปชิ้นโต หนานุ่ม เพราะหมักด้วยน้ำเกลือข้ามคืน และนำมาหมักด้วยเครื่องเทศต่อจนซึมเข้าทุกส่วนของชิ้นเนื้อ
ก่อนนำมากริลล์ด้วยเทคนิคพิเศษของที่ร้าน กินคู่กับผักสดแก้เลี่ยน และจิ้มกับซอสมัสตาร์ดที่หอมเครื่องเทศอ่อนๆ สูตรเฉพาะที่ทางร้านคิดขึ้นเอง หรือจะจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบก็ซี้ดซ้าดถูกปากคนไทยไปอีกแบบ
“French Toast” (ราคา 250++) จัดเต็มมากับขนมปังชิ้นหนาที่นำมาชุบไข่แล้วนำไปทอดจนเหลืองดูน่ากิน พอกัดเข้าไปแล้วยิ่งนุ่มในปาก กินคู่กับครีมชีสหอมหวาน ตัดกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่คัดมาแบบสดๆ จากโครงการหลวง และยังมีเบคอนทอด ถั่ว ให้ได้เคี้ยวกรุบกรอบ
โรยหน้าด้วยไอซ์ซิ่งสีขาวนวล หรือหากใครชอบรสหวานที่ร้านก็มีน้ำเชื่อม (ไซรัป) มาให้ราดเพิ่มความหวานอีกด้วย ซึ่งเมนูนี้จะกินให้อิ่มท้องเป็นอาหารเช้าหรืออร่อยเพลินเป็นของหวานก็ได้ทั้งนั้น
คุณกฤษฎา จินตกานนท์ หรือ เชฟนิก Head Chef และเจ้าของร้าน ขอนำเสนอเมนูใหม่ของที่ร้านคือ “Pork Burger” (ราคา 325++) ที่นำเนื้อหมูคุณภาพดีมาบดและปรุงรสชาติ จากนั้นจึงนำมาปั้นแล้วนำมาย่างบนเตาชาโคลจนหอมกรุ่น
แล้วนำมาเรียงชั้นในขนมปังเบอร์เกอร์พร้อมกับเบคอนทอดและไข่ดาว เสิร์ฟพร้อมกับเคอร์รี่ฟรายที่ทอดจนเหลืองกรอบนอกนุ่มใน (มันฝรั่งเกลียวทอด)
และในถาดไม้ดีไซน์เก๋ที่วางเบอร์เกอร์ชิ้นโตมานั้น ยังมีซอสมาให้เลือกถึง 3 สไตล์ ได้แก่ ซอสมะเขือเทศเข้มข้น, โฮลเกรนมัสตาร์ด และซอสกระเทียม ที่อร่อยเด็ดหอมเครื่องเทศจิ้มกันเพลินไปเลย
ปิดท้ายด้วยของหวานล้างปาก “Banana Tiramisu” (ราคา 190++) ที่เป็นสูตรของทางร้าน โดยเรียงเริ่มจากล่างสุดคือ เค้กสปันจ์ที่แทบละลายในปาก ต่อด้วยกล้วยหอมที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ และชั้นบนสุดเป็นครีมเอสเปรสโซ่ที่ทั้งหอมกลิ่นกาแฟทั้งนุ่มลิ้น เรียงสลับชั้นกันไปเรื่อยๆ 2 ชั้น ราดด้วยคาราเมลน้ำตาลมะพร้าวรสหวานกลมกล่อมกำลังดี โรยตกแต่งด้วยดาร์กช็อคโกแลตและไวท์ช็อกโกแลต
ที่ร้านมี คุณศุภรา สุขสันติสวัสดิ์ หรือ เชพแนน เข้ามาช่วยดูแลเรื่องเบเกอรี่และเครื่องดื่ม อาทิ เมนูของหวานต่างๆ, น้ำผลไม้ปั่น, น้ำอัดลม, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ชา และกาแฟที่ดื่มได้ง่าย ด้วยเมล็ดพันธุ์ชั้นดีคั่วกลางที่ไม่อ่อนไม่เข้มจนเกินไป พร้อมขั้นตอนการชงที่พิถีพิถัน บนบาร์เครื่องดื่มที่ยาวกว่า 5 เมตร เชื่อมกับคอนเนอร์เล็กๆ น่ารักของร้าน ที่ลูกค้าสามารถ Take Away สินค้ากลับบ้านจากจุดนี้ได้อย่างสะดวก
และที่เชฟแนนอยากจะแนะนำก็คือ “Cold-pressed Juice” (ราคา 170++) เป็นน้ำผลไม้สกัดเย็น ที่มีทั้งหมด 4 สูตร เช่น สูตร No.1 สกัดเย็นจาก บีตรูต, แครอท, ขึ้นฉ่ายฝรั่ง และแอปเปิล หรือสูตร No.3 สกัดจาก เสาวรส, ทับทิม, แอปเปิลแดง และแอปเปิลเขียว เป็นต้น
"ไวท์ ชัฟเฟิล" ยังมีอีกหลากหลายเมนู เช่น “Rustic Quesadilla” (ราคา 195++) แผ่นแป้งแม็กซิกันอบกรอบสอดไส้แซลมอนรมควันหรือแฮมพาร์มา, “Chipotle Roasted Chicken” (ราคา 390++) ไก่ย่างครึ่งตัวหมักพริกเครื่องเทศ, “Buttermilk Pancake” (ราคา 220++) บัตเตอร์มิลค์แพนเค้ก โรยหน้าด้วยผลไม้รวม เป็นต้น ที่รอให้ทุกคนมาลิ้มลองความอร่อยเหมือนได้กินอาหารสไตล์อเมริกันโฮมเมดที่นิวยอร์กกันเลย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้าน "White Shuffle" ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 โซน Bar & Bistro (บริเวณทางเข้าหลัก) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม กทม. เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00 - 22.00 น. (วันศุกร์และเสาร์ เปิด 10.00 - 24.00 น.) โทร.0 2553 6177 e-mail: eatshuffle@gmail.com
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com