โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
“กระบี่เดียวหยดโลหิต” เป็นฉายาของ“ไซมึ้งซวยเสาะ” สุดยอดมือกระบี่ระดับตำนานในยุทธจักรนิยายของ“โก้วเล้ง” เรื่อง“หงส์ผงาดฟ้า” ที่ว่าด้วยวีรกรรมอันผาดโผนของบุรุษสี่คิ้ว “เล็กเซี่ยวหงส์”กับเหล่าสหาย โดยมีไซมึ้งซวยเสาะสุดยอดมือกระบี่สหายรักและเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญ
แต่...“กระบี่หยดฟ้า” หาได้เป็นฉายาของยอดมือกระบี่ท่านใดไม่??? หากแต่เป็นฉายา(ที่เราไม่ค่อยรู้กัน)ของ“ขุนเขาอวตาร” ขุนเขามหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่เมือง“จางเจียเจี้ย” หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศจีนแห่งยุคปัจจุบัน
เมืองจางเจียเจี้ย ตั้งอยู่ในมณฑลหูหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน การเดินทางจากเมืองไทยที่สะดวกที่สุดคือ บินตรงไปลงเมือง“ฉางซา”(เมืองหลวงของมณฑลหูหนาน) แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองจางเจียเจี้ย ซึ่งวันนี้สายการบิน“แอร์เอเชีย”มีเที่ยวบินตรงจากเมืองไทยสู่ฉางซา ทั้งเส้นทาง “กรุงเทพฯ-ฉางซา”และ“เชียงใหม่-ฉางซา”
จางเจียเจี้ย เป็นเมืองที่แวดล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติอันงดงาม ได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของจีนในปี ค.ศ.1992 (แต่เปิดให้มีการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในปี 1995)
ปัจจุบันจางเจียงเจี้ย มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอยู่ใน 2 เขตหลัก คือ“เขตหย่งติ้ง”หรือเขตตัวเมือง ซึ่งมี “ประตูสวรรค์”(เทียนเหมินซาน)เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ และ “เขต(อนุรักษ์)อู่หลิงหยวน” ที่อยู่นอกเมือง มีขุนเขาอวตารเป็นไฮไลท์สำคัญอันเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของผมในทริปนี้
1...
ขุนเขาอวตาร มีชื่อเรียกขานในภาษาจีนว่า“เทียนจื่อซาน” หรือ “ขุนเขาจักรพรรดิ” ทั้งนี้มีข้อมูลน่าสนใจระบุว่า เดิมกลุ่มขุนเขาชุดนี้มีชื่อเรียกขานกันว่า “ภูผาแห่งฟากฟ้าแดนใต้” (Southern Sky Column) เพราะตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลหูหนาน
ขณะที่ในวิดีโอแนะนำการท่องเที่ยวของเมืองจางเจียเจี้ยที่“พิพิธภัณฑ์ภาพวาดทราย”(ตัวเมืองจางเจียเจี้ย) ได้กล่าวถึงขุนเขาแห่งนี้ว่ามีฉายาเรียกขานเปรียบดัง(ขุนเขา)“กระบี่หยดฟ้า” ดังที่ผมได้กล่าวถึงในข้างต้น
อย่างไรก็ดีหลังจากที่ขุนเขาจักรพรรดิได้ถูกนำไปเป็นฉากสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร”(Avatar)จากฝีมือการกำกับของ“เจมส์ คาเมรอน”พ่อมดแห่งวงการฟิล์ม โดยหนังอวตารได้นำภาพของขุนเขาจักรพรรดิ มาสร้างสรรค์ด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิก(CG) ใส่จินตนาการเสริมแต่งเข้าไป ให้กลายเป็นขุนเขาลอยฟ้าแห่งดวงดาวแพนดอร่าอันน่าทึ่ง
ผลพวงจากชื่อเสียงความสำเร็จของหนังเรื่องอวตาร ทำให้ขุนเขาจักรพรรดิมีชื่อเสียงโด่งดังฮอตฮิตตามติดไปพร้อมๆกับหนังเรื่องอวตาร ที่สำคัญคือเมื่อหนังเรื่องอวตารลาจอนานแล้ว แต่ความโด่งดังของขุนเขาจักรพรรดิที่ใช้เป็นฉากสำคัญของหนังเรื่องนี้ยังดำรงคงอยู่ ทางการจีนโดยรัฐบาลท้องถิ่นจึงเปลี่ยนชื่อเรียกขานขุนเขาแห่งนี้เสียใหม่ว่า “ภูเขาฮัลเลลูยาห์แห่งอวตาร” (Avatar Hallelujah Mountain)
แต่สุดท้ายแล้ว เหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวจีน ชาวไทย ชาวต่างชาติ นิยมเรียกขุนเขาแห่งนี้ตามชื่อหนังอวตารว่า “ภูเขาอวตาร” หรือ “ขุนเขาอวตาร” ซึ่ง ณ วันนี้ ขุนเขาอวตารถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในอันดับต้นๆของเมืองจีน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความมหัศจรรย์ของขุนเขาแห่งนี้กันไม่ได้ขาด
2...
ขุนเขาอวตาร ตั้งอยู่ในเขต“อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย”(The Zhangjiajie National Forest) หรืออุทยานอู่หลิงหยวน
ขุนเขาอวตารและกลุ่มขุนเขาในอุทยานฯจางเจียเจี้ยเป็นภูเขาหินทราย มีอายุเก่าแก่ราว 380 ล้านปี สันนิษฐานว่า บริเวณแห่งนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน ต่อมาเปลือกโลกได้ยุบตัว จากนั้นก็ถูกลม ฝน กัดเซาะจนเกิดเป็นป่าขุนเขาหินยักษ์อันน่ามหัศจรรย์ดังในปัจจุบัน
อนึ่งการขึ้นไปเที่ยวชมบนขุนเขาอวตารนั้น เมื่อเดินทางมาถึงยังอุทยานฯจางเจียเจี้ยแล้วทางการจีนจัดสรรให้มี 2 เส้นทาง ขึ้น-ลง เขาสวนกัน เพื่อช่วยกระจายตัวนักท่องเที่ยว โดยทางหนึ่งขึ้นเขาด้วยกระเช้าและลงเขาด้วยลิฟต์แก้ว ส่วนอีกทางหนึ่งขึ้นเขาด้วยลิฟต์แก้วและลงเขาด้วยกระเช้า ซึ่งเราใช้เส้นทางที่สองนี้ในการขึ้นไปเที่ยวชมขุนเขาอวตาร
สำหรับลิฟต์แก้วขึ้น-ลง ยอดขุนเขาอวตาร มีชื่อเรียกขานว่า “ไป่หลง” เป็นลิฟต์แก้วที่สูงที่สุดในโลกถึง 326 เมตร แต่ว่าใช้เวลาบรรทุกผู้คนขึ้น-ลง เพียงแค่นาทีกว่าๆ(1.58 นาที) โดยระหว่างทางที่ยืนไปบนลิฟต์แก้ว 2 ชั้น ที่มีคนจุเต็มพิกัด(ประมาณ 20 คนต่อชั้น) เมื่อมองผ่านลิฟต์แก้วออกไปหลังจากเคลื่อนตัวขึ้นพ้นจากช่องเขาแล้ว เราจะเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามบางส่วนของขุนเขาอวตารเป็นดังออร์เดิร์ฟเรียกน้ำย่อย
จากนั้นเมื่อลิฟต์แล้วเคลื่อนขึ้นมาถึงบนยอดเขา บนนี้จะเป็นเส้นทางชมวิวทิวทัศน์เลาะเลียบไปบนริมหน้าผา ให้เราไปชื่นชมกับบรรยากาศของขุนเขาอวตารในกลิ่นอายดาวแพนดอร่าอันน่าตื่นตาตื่นใจ
ขุนเขาอวตาร มียอดเขากว่า 3 พันยอด มียอดสูงสุดสูง 1,250 เมตรจากระดับน้ำทะเล ยอดเขาอวตารส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายๆกัน คือเป็นแท่งเขาหินขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านขึ้นมาจากหุบเหวลึก สูงทิ่มแทงเสียดฟ้า ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อมของแนวเทือกเขาและป่าไม้อันเขียวขจี
หลังภาพยนตร์เรื่องอวตารทำให้ขุนเขาจักรพรรดิมีชื่อเสียงระบือลือลั่นสนั่นโลก ทางอุทยานฯจางเจียเจี้ยก็ได้สร้างเจ้าตัวกิ้งก่าบิน(สัตว์สำคัญในหนังอวตาร)ขึ้นมาเป็นพร็อพพร้อมเขาให้นักท่องเที่ยวได้(เสียเงิน)ถ่ายรูป หรือมีมุมสวยๆเฉพาะที่ถูกกันไว้เป็นพิเศษ ให้นักท่องเที่ยวผู้สนใจ(เสียเงิน)ถ่ายรูปคู่กับขุนเขาอวตารกัน
รวมถึงมีร้านขายของจำพวกสินค้าที่ระลึก เครื่องดื่ม อาหารเบาๆอยู่เป็นจุดๆ และมีสระน้ำเล็กๆบนขุนเขาในนั้นมีรูปปั้นเต่าอยู่หลายตัวด้วยกัน
ในเส้นทางเดินชมวิวขุนเขาอวตารยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ “สะพานใต้ฟ้าอันดับหนึ่ง”(เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว) ที่เป็นขุนเขา 2 ลูกใกล้ๆกัน ซึ่งถูกลม ฝน กัดเซาะจนเกิดลักษณะของสะพานหินธรรมชาติขนาดใหญ่เชื่อมขุนเขา 2 ลูกเข้าด้วยกัน
บนระเบียงแนวสะพานหินช่วงหนึ่งมีแผ่นผ้ามงคลสีแดงและลูกกุญแจห้อยแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งคู่หนุ่ม-สาว ชาวจีนต่างเชื่อว่าเมื่อเอากุญแจไปคล้องแขวนไว้บนที่สูงๆแล้ว จะไม่มีใครสามารถมาพลัดพรากจากความรักของเราสองได้
นอกจากสะพานหินธรรมชาติแล้ว วันนี้อุทยานฯจางเจียเจี้ยมีการสร้าง “สะพานพื้นกระจกใส” ที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมหน้าผา 2 ช่วงเข้าด้วยกัน สะพานกระจกใสแห่งนี้ มีความกว้าง 6 เมตร สามารถรองรับผู้คนได้ 800 คน ที่สำคัญคือสะพานกระจกแห่งนี้ยาวถึง 430 เมตร และสูงถึง 300 เมตร จากพื้นดิน นับเป็นสะพานพื้นกระจกใสที่สูงที่สุดและยาวที่สุดในโลก
นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์งานแมนเมดที่ช่วยแต่งเติมสีสันของความมหัศจรรย์ธรรมชาติแห่ง“ขุนเขาอวตาร”ให้น่าทึ่งมากยิ่งขึ้น
3…
อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับ 5 เอ(5 A : AAAAA) กลุ่มแรกๆของเมืองจีน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับเกรดเอที่ดีที่สุด ผู้เข้าชมจะต้องซื้อตั๋วในราคา 248 หยวน ภายในอุทยานฯมีรถบัสไว้บริการนำเที่ยวตามจุดต่างๆฟรี ส่วนผู้ที่จะนั่งกระเช้า ขึ้นลิฟต์แก้วจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกต่างหาก
อุทยานจางเจียเจี้ย แบ่งเป็น 2 เขตหลักๆ คือ เขตเหยียนเจียเจี้ย และเขตจางเจียเจี้ย
เขตเหยียนเจียเจี้ย(เอี๋ยนเจียเจี้ย) ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของอุทยานฯ เขตนี้มีขุนเขาอวตารเป็นไฮไลท์สำคัญ รวมถึงมี “สวนนายพลเฮ่อหลง” เป็นอีกหนึ่งจุดน่าสนใจเคียงคู่กับขุนเขาอวตาร
สวนนายพลเฮ่อหลง เป็นสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่“นายพลเฮ่อหลง” ลูกน้องของท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง ที่ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญของจีนในยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง
สวนแห่งนี้มีอนุสาวรีย์ของนายพลเฮ่อหลง สร้างจากทองแดง สูง 6.5 เมตร หนักกว่า 9 ตัน พร้อมประติมากรรมม้าทองแดง ตั้งเด่นตระหง่านอยู่กลางลาน ที่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวบนยอดเขา ซึ่งวันนี้ยังคงมีชาวจีนผู้ที่นับถือศรัทธาในวีรกรรมคุณงามความดีของท่าน เดินทางไปสักการะและถ่ายรูปคู่กับอนุสาวรีย์ของนายพลเฮ่อหลงอยู่ไม่ได้ขาด
ส่วนเขตจางเจียเจี้ย ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของอุทยานฯ เขตนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์สำคัญอยู่ 2 จุด ได้แก่
“ลำธารแส้ม้าทอง” ที่เป็นลำธารน้ำใสสะอาดไหลวนเวียนไปตามขุนเขา กับแมกไม้อันร่มรื่นและทิวทัศน์ของภูเขาหินที่ตั้งโดดเด่นโอบล้อม มีการสร้างสะพานเล็กๆข้ามลำธารไว้ในนักท่องเที่ยวเดินชื่นชมวิวกัน
เหตุที่บริเวณนี้เรียกขานกันว่าลำธารแส้ม้าทองนั้นมี 2 ที่มา ที่มาแรกมีระบุอยู่ในบทความภาคภาษาไทยที่ก็อปต่อๆกันมาสรุปว่า บริเวณนี้มีหินผาลูกหนึ่งมีรูปลักษณ์เหมือนแส้อาวุธโบราณ และในหินผามีแร่ซิลิกอนไดอ็อกไซด์ผสมอยู่ยามโดนแสงแดดจะสะท้อนเป็นประกายสีทองออกมา
ส่วนอีกที่มาหนึ่ง เป็นข้อมูลจากไกด์ท้องถิ่น ระบุว่าลำธารสายนี้ที่ไหลมาจากภูเขา เมื่อมองจากที่สูงมีลักษณะแตกปลายเป็นเส้นสายคล้ายแส้ม้า ขณะที่ขุนเขาแวดล้อมนั้นในฤดูร้อนยามเย็นที่แสงแดดอ่อนๆเป็นสีทอง ขุนเขาเหล่านี้ที่ถูกแสงแดดอาบไล้จะทอดเงาสะท้อนในลำธารเป็นสีทองสวยงาม
ทั้งนี้ชาวจีนเชื่อว่าลำธารแส้ม้าทองเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะเป็นจุดที่มีลำธาร 4 สายไหลมาบรรจบกัน ณ บริเวณที่มีประตูหิน 4 ช่องมาพบกันพอดี นั่นจึงทำให้ที่นี่มีชาวจีนเดินทางมาเที่ยวชมและสัมผัสในพลัง(ที่เชื่อว่า)ศักดิ์สิทธิ์กันเป็นจำนวนมาก
ส่วนอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญในเขตจางเจียเจี้ย คือ “ภาพวาดสิบลี้” หรือ “ภาพเขียนสิบลี้” ที่เป็นคำเปรียบเปรยของขุนเขาที่มีความสวยงามดุจภาพวาดของจิตรกรเอก
การเที่ยวชมภาพเขียนสิบลี้นั้น เราจะเดินไปเรื่อยๆชื่นชมในความงามของภาพเขียนสิบลี้ หรือนั่งรถรางที่มีไว้ให้บริการก็ได้ โดยในส่วนของผู้ใช้บริการนั้น ผมขอแนะนำว่าขาไปให้นั่งทางฝั่งซ้าย ส่วนขากลับให้นั่งทางฝั่งขวา เพราะจะได้ถ่ายภาพและชมภาพเขียนสิบลี้อย่างชัดเจน โดยระหว่างทางเราจะได้เห็นทิวทัศน์ของขุนเขาภาพเขียนสิบลี้เปลี่ยนมุมมองไปตามการเคลื่อนตัวของรถราง
สำหรับภาพเขียนสิบลี้ มีลักษณะเป็นขุนเขายาวประมาณ 5 กม.(10 ลี้) ขุนเขาลูกนี้ถูกธรรมชาติสร้างสรรค์จนมีรูปร่างประหลาดแปลกตา ชวนจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น หินรูปหมา หินหอยสังข์ หินครอบครัว-พ่อ แม่ ลูก หินผู้เฒ่าหาสมุนไพร หินรูปนิ้วชี้
และหินชุดไฮไลท์ที่อยู่ในจุดชมวิวช่วงท้ายสุดคือ “หินสามพี่น้อง” หรือ “หินสามใบเถา” ที่มีลักษณะเป็นภูเขาหิน 3 แท่ง ซึ่งคนจีนจินตนาการเป็น ผู้หญิง 3 พี่น้อง โดยพี่สาว 2 คนที่เป็นเขาหินด้านหน้านั้นมีลูกแล้ว และกำลังแบกลูกอยู่ด้านหลัง ส่วนหินก้อนที่สามที่อยู่หลังสุดเป็นน้องคนที่สาม ซึ่งเธอนั้นกำลังอุ้มท้องอยู่
นับว่าคนจีนนั้นช่างเข้าใจจินตนาการเสียเหลือเกิน
4...
เดิมคนจีนมีสำนวนกล่าวเอาไว้ว่า “ถ้าจะชมขุนเขาต้องไปที่หวงซาน” เพราะหวงซานเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีทิวทัศน์ของขุนเขาสวยงามนัก
แต่มาวันนี้คนจีนมีสำนวนที่กล่าวขึ้นมาใหม่ว่า
“ถ้าจะเที่ยวชมทิวทัศน์ขุนเขาต้องไปที่จางเจียเจี้ย”
เพราะจางเจียเจี้ยเป็นเมืองที่มากไปด้วยขุนเขามากมาย โดยเฉพาะขุนเขาอวตารอันสวยงามน่าอัศจรรย์
และมันมีอยู่จริงในโลกใบนี้
******************************************
จางเจียเจี้ย เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของมณฑลหูหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน จางเจียเจี้ยมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ ขุนเขาอวตารหรือขุนเขาจักรพรรดิ (ขุนเขา)ภาพเขียนสิบลี้ ถ้ำมังกรเหลือง พิพิธภัณฑ์ภาพวาดทราย และประตูสวรรค์ เป็นต้น
สำหรับการเดินทางจากเมืองไทยเส้นทางที่สะดวก คือใช้เส้นทางเมืองไทย-ฉางซา-จางเจียเจี้ย(หรือสามารถไปทางเมืองไทย-ฉงชิ่ง-จางเจียเจี้ย ก็ได้) ซึ่งวันนี้สายการบิน“แอร์เอเชีย”มีเที่ยวบินตรงสู่เมืองฉางซาใน 2 เส้นทางด้วยกัน คือ“กรุงเทพฯ-ฉางซา”(ดอนเมือง-ฉางซา)ทุกวัน และ“เชียงใหม่-ฉางซา”ทุกวันเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถดูตารางการบิน ตรวจสอบราคาและสำรองที่นั่งได้ที่ www.airasia.com
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
“กระบี่เดียวหยดโลหิต” เป็นฉายาของ“ไซมึ้งซวยเสาะ” สุดยอดมือกระบี่ระดับตำนานในยุทธจักรนิยายของ“โก้วเล้ง” เรื่อง“หงส์ผงาดฟ้า” ที่ว่าด้วยวีรกรรมอันผาดโผนของบุรุษสี่คิ้ว “เล็กเซี่ยวหงส์”กับเหล่าสหาย โดยมีไซมึ้งซวยเสาะสุดยอดมือกระบี่สหายรักและเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญ
แต่...“กระบี่หยดฟ้า” หาได้เป็นฉายาของยอดมือกระบี่ท่านใดไม่??? หากแต่เป็นฉายา(ที่เราไม่ค่อยรู้กัน)ของ“ขุนเขาอวตาร” ขุนเขามหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่เมือง“จางเจียเจี้ย” หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศจีนแห่งยุคปัจจุบัน
เมืองจางเจียเจี้ย ตั้งอยู่ในมณฑลหูหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน การเดินทางจากเมืองไทยที่สะดวกที่สุดคือ บินตรงไปลงเมือง“ฉางซา”(เมืองหลวงของมณฑลหูหนาน) แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองจางเจียเจี้ย ซึ่งวันนี้สายการบิน“แอร์เอเชีย”มีเที่ยวบินตรงจากเมืองไทยสู่ฉางซา ทั้งเส้นทาง “กรุงเทพฯ-ฉางซา”และ“เชียงใหม่-ฉางซา”
จางเจียเจี้ย เป็นเมืองที่แวดล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติอันงดงาม ได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของจีนในปี ค.ศ.1992 (แต่เปิดให้มีการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในปี 1995)
ปัจจุบันจางเจียงเจี้ย มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอยู่ใน 2 เขตหลัก คือ“เขตหย่งติ้ง”หรือเขตตัวเมือง ซึ่งมี “ประตูสวรรค์”(เทียนเหมินซาน)เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ และ “เขต(อนุรักษ์)อู่หลิงหยวน” ที่อยู่นอกเมือง มีขุนเขาอวตารเป็นไฮไลท์สำคัญอันเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของผมในทริปนี้
1...
ขุนเขาอวตาร มีชื่อเรียกขานในภาษาจีนว่า“เทียนจื่อซาน” หรือ “ขุนเขาจักรพรรดิ” ทั้งนี้มีข้อมูลน่าสนใจระบุว่า เดิมกลุ่มขุนเขาชุดนี้มีชื่อเรียกขานกันว่า “ภูผาแห่งฟากฟ้าแดนใต้” (Southern Sky Column) เพราะตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลหูหนาน
ขณะที่ในวิดีโอแนะนำการท่องเที่ยวของเมืองจางเจียเจี้ยที่“พิพิธภัณฑ์ภาพวาดทราย”(ตัวเมืองจางเจียเจี้ย) ได้กล่าวถึงขุนเขาแห่งนี้ว่ามีฉายาเรียกขานเปรียบดัง(ขุนเขา)“กระบี่หยดฟ้า” ดังที่ผมได้กล่าวถึงในข้างต้น
อย่างไรก็ดีหลังจากที่ขุนเขาจักรพรรดิได้ถูกนำไปเป็นฉากสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร”(Avatar)จากฝีมือการกำกับของ“เจมส์ คาเมรอน”พ่อมดแห่งวงการฟิล์ม โดยหนังอวตารได้นำภาพของขุนเขาจักรพรรดิ มาสร้างสรรค์ด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิก(CG) ใส่จินตนาการเสริมแต่งเข้าไป ให้กลายเป็นขุนเขาลอยฟ้าแห่งดวงดาวแพนดอร่าอันน่าทึ่ง
ผลพวงจากชื่อเสียงความสำเร็จของหนังเรื่องอวตาร ทำให้ขุนเขาจักรพรรดิมีชื่อเสียงโด่งดังฮอตฮิตตามติดไปพร้อมๆกับหนังเรื่องอวตาร ที่สำคัญคือเมื่อหนังเรื่องอวตารลาจอนานแล้ว แต่ความโด่งดังของขุนเขาจักรพรรดิที่ใช้เป็นฉากสำคัญของหนังเรื่องนี้ยังดำรงคงอยู่ ทางการจีนโดยรัฐบาลท้องถิ่นจึงเปลี่ยนชื่อเรียกขานขุนเขาแห่งนี้เสียใหม่ว่า “ภูเขาฮัลเลลูยาห์แห่งอวตาร” (Avatar Hallelujah Mountain)
แต่สุดท้ายแล้ว เหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวจีน ชาวไทย ชาวต่างชาติ นิยมเรียกขุนเขาแห่งนี้ตามชื่อหนังอวตารว่า “ภูเขาอวตาร” หรือ “ขุนเขาอวตาร” ซึ่ง ณ วันนี้ ขุนเขาอวตารถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในอันดับต้นๆของเมืองจีน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความมหัศจรรย์ของขุนเขาแห่งนี้กันไม่ได้ขาด
2...
ขุนเขาอวตาร ตั้งอยู่ในเขต“อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย”(The Zhangjiajie National Forest) หรืออุทยานอู่หลิงหยวน
ขุนเขาอวตารและกลุ่มขุนเขาในอุทยานฯจางเจียเจี้ยเป็นภูเขาหินทราย มีอายุเก่าแก่ราว 380 ล้านปี สันนิษฐานว่า บริเวณแห่งนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน ต่อมาเปลือกโลกได้ยุบตัว จากนั้นก็ถูกลม ฝน กัดเซาะจนเกิดเป็นป่าขุนเขาหินยักษ์อันน่ามหัศจรรย์ดังในปัจจุบัน
อนึ่งการขึ้นไปเที่ยวชมบนขุนเขาอวตารนั้น เมื่อเดินทางมาถึงยังอุทยานฯจางเจียเจี้ยแล้วทางการจีนจัดสรรให้มี 2 เส้นทาง ขึ้น-ลง เขาสวนกัน เพื่อช่วยกระจายตัวนักท่องเที่ยว โดยทางหนึ่งขึ้นเขาด้วยกระเช้าและลงเขาด้วยลิฟต์แก้ว ส่วนอีกทางหนึ่งขึ้นเขาด้วยลิฟต์แก้วและลงเขาด้วยกระเช้า ซึ่งเราใช้เส้นทางที่สองนี้ในการขึ้นไปเที่ยวชมขุนเขาอวตาร
สำหรับลิฟต์แก้วขึ้น-ลง ยอดขุนเขาอวตาร มีชื่อเรียกขานว่า “ไป่หลง” เป็นลิฟต์แก้วที่สูงที่สุดในโลกถึง 326 เมตร แต่ว่าใช้เวลาบรรทุกผู้คนขึ้น-ลง เพียงแค่นาทีกว่าๆ(1.58 นาที) โดยระหว่างทางที่ยืนไปบนลิฟต์แก้ว 2 ชั้น ที่มีคนจุเต็มพิกัด(ประมาณ 20 คนต่อชั้น) เมื่อมองผ่านลิฟต์แก้วออกไปหลังจากเคลื่อนตัวขึ้นพ้นจากช่องเขาแล้ว เราจะเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามบางส่วนของขุนเขาอวตารเป็นดังออร์เดิร์ฟเรียกน้ำย่อย
จากนั้นเมื่อลิฟต์แล้วเคลื่อนขึ้นมาถึงบนยอดเขา บนนี้จะเป็นเส้นทางชมวิวทิวทัศน์เลาะเลียบไปบนริมหน้าผา ให้เราไปชื่นชมกับบรรยากาศของขุนเขาอวตารในกลิ่นอายดาวแพนดอร่าอันน่าตื่นตาตื่นใจ
ขุนเขาอวตาร มียอดเขากว่า 3 พันยอด มียอดสูงสุดสูง 1,250 เมตรจากระดับน้ำทะเล ยอดเขาอวตารส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายๆกัน คือเป็นแท่งเขาหินขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านขึ้นมาจากหุบเหวลึก สูงทิ่มแทงเสียดฟ้า ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อมของแนวเทือกเขาและป่าไม้อันเขียวขจี
หลังภาพยนตร์เรื่องอวตารทำให้ขุนเขาจักรพรรดิมีชื่อเสียงระบือลือลั่นสนั่นโลก ทางอุทยานฯจางเจียเจี้ยก็ได้สร้างเจ้าตัวกิ้งก่าบิน(สัตว์สำคัญในหนังอวตาร)ขึ้นมาเป็นพร็อพพร้อมเขาให้นักท่องเที่ยวได้(เสียเงิน)ถ่ายรูป หรือมีมุมสวยๆเฉพาะที่ถูกกันไว้เป็นพิเศษ ให้นักท่องเที่ยวผู้สนใจ(เสียเงิน)ถ่ายรูปคู่กับขุนเขาอวตารกัน
รวมถึงมีร้านขายของจำพวกสินค้าที่ระลึก เครื่องดื่ม อาหารเบาๆอยู่เป็นจุดๆ และมีสระน้ำเล็กๆบนขุนเขาในนั้นมีรูปปั้นเต่าอยู่หลายตัวด้วยกัน
ในเส้นทางเดินชมวิวขุนเขาอวตารยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ “สะพานใต้ฟ้าอันดับหนึ่ง”(เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว) ที่เป็นขุนเขา 2 ลูกใกล้ๆกัน ซึ่งถูกลม ฝน กัดเซาะจนเกิดลักษณะของสะพานหินธรรมชาติขนาดใหญ่เชื่อมขุนเขา 2 ลูกเข้าด้วยกัน
บนระเบียงแนวสะพานหินช่วงหนึ่งมีแผ่นผ้ามงคลสีแดงและลูกกุญแจห้อยแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งคู่หนุ่ม-สาว ชาวจีนต่างเชื่อว่าเมื่อเอากุญแจไปคล้องแขวนไว้บนที่สูงๆแล้ว จะไม่มีใครสามารถมาพลัดพรากจากความรักของเราสองได้
นอกจากสะพานหินธรรมชาติแล้ว วันนี้อุทยานฯจางเจียเจี้ยมีการสร้าง “สะพานพื้นกระจกใส” ที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมหน้าผา 2 ช่วงเข้าด้วยกัน สะพานกระจกใสแห่งนี้ มีความกว้าง 6 เมตร สามารถรองรับผู้คนได้ 800 คน ที่สำคัญคือสะพานกระจกแห่งนี้ยาวถึง 430 เมตร และสูงถึง 300 เมตร จากพื้นดิน นับเป็นสะพานพื้นกระจกใสที่สูงที่สุดและยาวที่สุดในโลก
นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์งานแมนเมดที่ช่วยแต่งเติมสีสันของความมหัศจรรย์ธรรมชาติแห่ง“ขุนเขาอวตาร”ให้น่าทึ่งมากยิ่งขึ้น
3…
อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับ 5 เอ(5 A : AAAAA) กลุ่มแรกๆของเมืองจีน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับเกรดเอที่ดีที่สุด ผู้เข้าชมจะต้องซื้อตั๋วในราคา 248 หยวน ภายในอุทยานฯมีรถบัสไว้บริการนำเที่ยวตามจุดต่างๆฟรี ส่วนผู้ที่จะนั่งกระเช้า ขึ้นลิฟต์แก้วจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกต่างหาก
อุทยานจางเจียเจี้ย แบ่งเป็น 2 เขตหลักๆ คือ เขตเหยียนเจียเจี้ย และเขตจางเจียเจี้ย
เขตเหยียนเจียเจี้ย(เอี๋ยนเจียเจี้ย) ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของอุทยานฯ เขตนี้มีขุนเขาอวตารเป็นไฮไลท์สำคัญ รวมถึงมี “สวนนายพลเฮ่อหลง” เป็นอีกหนึ่งจุดน่าสนใจเคียงคู่กับขุนเขาอวตาร
สวนนายพลเฮ่อหลง เป็นสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่“นายพลเฮ่อหลง” ลูกน้องของท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง ที่ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญของจีนในยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง
สวนแห่งนี้มีอนุสาวรีย์ของนายพลเฮ่อหลง สร้างจากทองแดง สูง 6.5 เมตร หนักกว่า 9 ตัน พร้อมประติมากรรมม้าทองแดง ตั้งเด่นตระหง่านอยู่กลางลาน ที่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวบนยอดเขา ซึ่งวันนี้ยังคงมีชาวจีนผู้ที่นับถือศรัทธาในวีรกรรมคุณงามความดีของท่าน เดินทางไปสักการะและถ่ายรูปคู่กับอนุสาวรีย์ของนายพลเฮ่อหลงอยู่ไม่ได้ขาด
ส่วนเขตจางเจียเจี้ย ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของอุทยานฯ เขตนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์สำคัญอยู่ 2 จุด ได้แก่
“ลำธารแส้ม้าทอง” ที่เป็นลำธารน้ำใสสะอาดไหลวนเวียนไปตามขุนเขา กับแมกไม้อันร่มรื่นและทิวทัศน์ของภูเขาหินที่ตั้งโดดเด่นโอบล้อม มีการสร้างสะพานเล็กๆข้ามลำธารไว้ในนักท่องเที่ยวเดินชื่นชมวิวกัน
เหตุที่บริเวณนี้เรียกขานกันว่าลำธารแส้ม้าทองนั้นมี 2 ที่มา ที่มาแรกมีระบุอยู่ในบทความภาคภาษาไทยที่ก็อปต่อๆกันมาสรุปว่า บริเวณนี้มีหินผาลูกหนึ่งมีรูปลักษณ์เหมือนแส้อาวุธโบราณ และในหินผามีแร่ซิลิกอนไดอ็อกไซด์ผสมอยู่ยามโดนแสงแดดจะสะท้อนเป็นประกายสีทองออกมา
ส่วนอีกที่มาหนึ่ง เป็นข้อมูลจากไกด์ท้องถิ่น ระบุว่าลำธารสายนี้ที่ไหลมาจากภูเขา เมื่อมองจากที่สูงมีลักษณะแตกปลายเป็นเส้นสายคล้ายแส้ม้า ขณะที่ขุนเขาแวดล้อมนั้นในฤดูร้อนยามเย็นที่แสงแดดอ่อนๆเป็นสีทอง ขุนเขาเหล่านี้ที่ถูกแสงแดดอาบไล้จะทอดเงาสะท้อนในลำธารเป็นสีทองสวยงาม
ทั้งนี้ชาวจีนเชื่อว่าลำธารแส้ม้าทองเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะเป็นจุดที่มีลำธาร 4 สายไหลมาบรรจบกัน ณ บริเวณที่มีประตูหิน 4 ช่องมาพบกันพอดี นั่นจึงทำให้ที่นี่มีชาวจีนเดินทางมาเที่ยวชมและสัมผัสในพลัง(ที่เชื่อว่า)ศักดิ์สิทธิ์กันเป็นจำนวนมาก
ส่วนอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญในเขตจางเจียเจี้ย คือ “ภาพวาดสิบลี้” หรือ “ภาพเขียนสิบลี้” ที่เป็นคำเปรียบเปรยของขุนเขาที่มีความสวยงามดุจภาพวาดของจิตรกรเอก
การเที่ยวชมภาพเขียนสิบลี้นั้น เราจะเดินไปเรื่อยๆชื่นชมในความงามของภาพเขียนสิบลี้ หรือนั่งรถรางที่มีไว้ให้บริการก็ได้ โดยในส่วนของผู้ใช้บริการนั้น ผมขอแนะนำว่าขาไปให้นั่งทางฝั่งซ้าย ส่วนขากลับให้นั่งทางฝั่งขวา เพราะจะได้ถ่ายภาพและชมภาพเขียนสิบลี้อย่างชัดเจน โดยระหว่างทางเราจะได้เห็นทิวทัศน์ของขุนเขาภาพเขียนสิบลี้เปลี่ยนมุมมองไปตามการเคลื่อนตัวของรถราง
สำหรับภาพเขียนสิบลี้ มีลักษณะเป็นขุนเขายาวประมาณ 5 กม.(10 ลี้) ขุนเขาลูกนี้ถูกธรรมชาติสร้างสรรค์จนมีรูปร่างประหลาดแปลกตา ชวนจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น หินรูปหมา หินหอยสังข์ หินครอบครัว-พ่อ แม่ ลูก หินผู้เฒ่าหาสมุนไพร หินรูปนิ้วชี้
และหินชุดไฮไลท์ที่อยู่ในจุดชมวิวช่วงท้ายสุดคือ “หินสามพี่น้อง” หรือ “หินสามใบเถา” ที่มีลักษณะเป็นภูเขาหิน 3 แท่ง ซึ่งคนจีนจินตนาการเป็น ผู้หญิง 3 พี่น้อง โดยพี่สาว 2 คนที่เป็นเขาหินด้านหน้านั้นมีลูกแล้ว และกำลังแบกลูกอยู่ด้านหลัง ส่วนหินก้อนที่สามที่อยู่หลังสุดเป็นน้องคนที่สาม ซึ่งเธอนั้นกำลังอุ้มท้องอยู่
นับว่าคนจีนนั้นช่างเข้าใจจินตนาการเสียเหลือเกิน
4...
เดิมคนจีนมีสำนวนกล่าวเอาไว้ว่า “ถ้าจะชมขุนเขาต้องไปที่หวงซาน” เพราะหวงซานเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีทิวทัศน์ของขุนเขาสวยงามนัก
แต่มาวันนี้คนจีนมีสำนวนที่กล่าวขึ้นมาใหม่ว่า
“ถ้าจะเที่ยวชมทิวทัศน์ขุนเขาต้องไปที่จางเจียเจี้ย”
เพราะจางเจียเจี้ยเป็นเมืองที่มากไปด้วยขุนเขามากมาย โดยเฉพาะขุนเขาอวตารอันสวยงามน่าอัศจรรย์
และมันมีอยู่จริงในโลกใบนี้
******************************************
จางเจียเจี้ย เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของมณฑลหูหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน จางเจียเจี้ยมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ ขุนเขาอวตารหรือขุนเขาจักรพรรดิ (ขุนเขา)ภาพเขียนสิบลี้ ถ้ำมังกรเหลือง พิพิธภัณฑ์ภาพวาดทราย และประตูสวรรค์ เป็นต้น
สำหรับการเดินทางจากเมืองไทยเส้นทางที่สะดวก คือใช้เส้นทางเมืองไทย-ฉางซา-จางเจียเจี้ย(หรือสามารถไปทางเมืองไทย-ฉงชิ่ง-จางเจียเจี้ย ก็ได้) ซึ่งวันนี้สายการบิน“แอร์เอเชีย”มีเที่ยวบินตรงสู่เมืองฉางซาใน 2 เส้นทางด้วยกัน คือ“กรุงเทพฯ-ฉางซา”(ดอนเมือง-ฉางซา)ทุกวัน และ“เชียงใหม่-ฉางซา”ทุกวันเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถดูตารางการบิน ตรวจสอบราคาและสำรองที่นั่งได้ที่ www.airasia.com
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com