โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว(พ.ศ. 2546) โครงการอันซีนไทยแลนด์(1)สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวซ่อนเร้นอย่าง “เงาพระธาตุ” ในจังหวัดลำปางออกสู่สายตามวลมหาประชาชนให้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
นั่นนับเป็นการกรุยทางต่อชื่อเสียงความเลื่องลือของเงาพระธาตุ ที่ต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์อันโดดเด่นขึ้นชื่อของเมืองรถม้ามาจนถึงปีนี้ ซึ่งลำปางได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ให้เป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” เงาพระธาตุก็ยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดอันเลื่องชื่อค้างฟ้า ที่หากใครขึ้นไปแอ่วลำปางแล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
สำหรับปรากฏการณ์เงาพระธาตุนั้น แม้จะมีบางคนมองเป็นเรื่องของความอัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แต่ในทางวิทยาศาสตร์นี่เกิดจากการณ์หักเหของแสง หลักการเดียวกลับ“กล้องรูเข็ม” ที่เราเคยเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์สมัยเด็กๆ
อย่างไรก็ดีมันน่าแปลกตรงที่ลำปาง เป็นเมืองที่มีเงาพระธาตุเยอะมาก มีปรากฏในหลายวัด หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเงาพระธาตุหัวกลับ เงาพระธาตุหัวตั้ง เงาพระธาตุซ้อนชั้น เป็นต้น จนหลายๆคนยกให้ลำปางเป็นเมืองแห่งเงาพระธาตุกันเลยทีเดียว
เงาพระธาตุ วัดพระธาตุลำปางหลวง
จังหวัดลำปางมีจุดชมเงาพระธาตุเลื่องชื่ออยู่ที่ “วัดพระธาตุลำปางหลวง” ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวลำปาง ที่ตามตำนานกล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 20
เงาพระธาตุวัดพระธาตุลำปางหลวงมีจุดชมที่เป็นไฮไลท์อยู่ที่ “มณฑปพระพุทธบาท” หรือ “ซุ้มพระพุทธบาท” อาคารเล็กๆแคบๆ ที่ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาท แต่หลังจากการค้นพบเงาพระธาตุ รอยพระพุทธบาทในมณฑปดูจะเป็นสิ่งรองไป
เงาพระธาตุที่นี่มีข้อมูลว่าถูกค้นพบครั้งแรกโดยบังเอิญเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2541 โดยพระที่เข้าไปทำความสะอาดในมณฑปแล้วพบเงาพระธาตุ(เกิด)จากแสงที่ส่องลอดผ่านรูปรากฏในลักษณะของ(เงา)“พระธาตุหัวกลับ” มีสีสันสวยงามตามจริง
หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนสนใจเงาพระธาตุขึ้นมาบ้างแต่ยังไม่มาก จนกระทั่งเมื่อทาง ททท.ชูเงาพระธาตุ จ.ลำปาง เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์นั่นแหละ เงาพระธาตุวัดพระธาตุลำปางหลวงพลันโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน นอกจากนี้หลายๆคนยังนิยมเรียกเงาพระธาตุว่าพระธาตุหัวกลับก็จากเงาพระธาตุที่นี่ ทั้งๆที่เงาพระธาตุมักจะปรากฏในลักษณะของ(เงา)พระธาตุหัวกลับเป็นส่วนใหญ่(ขึ้นอยู่กับฉากที่รองรับ)
แต่ที่ต้องย้ำกันก็คือ เงาพระธาตุหรือพระธาตุหัวกลับที่มณฑปพระพุทธบาทแห่งนี้ ทางวัด“ห้ามผู้หญิงขึ้น” เพราะได้สร้างครอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านล่าง จึงห้ามผู้หญิงขึ้นตามคติความเชื่อของล้านนา นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ทางวัดเน้นก็คือ เงาพระธาตุที่นี่ดูฟรี!!! ไม่เสียเงิน หากใครจะมาเก็บเงินให้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่วัด เพื่อไม่ให้พวกมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีมาแอบอ้างหลอกหากินกับนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดีกับคุณผู้หญิงคุณสุภาพสตรี ที่อยากชมเงาพระธาตุหรือตั้งใจมาชมเงาพระธาตุที่วัดพระธาตุลำปางหลวงก็อย่าเพิ่งผิดหวัง เพราะผู้หญิงสามารถไปร่วมตื่นตาตื่นใจชมและสัมผัสเงาพระธาตุได้ที่“วิหารลายคำ” หรือ “วิหารพระพุทธ” ที่เป็นอีกหนึ่งจุดชมเงาพระธาตุของวัดแห่งนี้
วิหารลายคำเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อพระพุทธ” พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนสามปางมารวิชัยที่ได้ชื่อว่ามีพระพุทธลักษณะที่งดงามมากแห่งหนึ่งในล้านนา ในนี้มีจุดชมเงาพระธาตุอยู่ทางมุมด้านขวา เงาพระธาตุที่นี่เป็นเงาพระธาตุหัวตั้ง(เงาพระธาตุหัวกลับหรือหัวตั้งเปลี่ยนไปตามฉากที่ตกกระทบ) ที่ผมเห็นมีนักท่องเที่ยวหลายคนก้มลงกราบอย่างศรัทธาบนฉากผืนผ้าดูน่าประทับใจ
สำหรับผู้ที่มาเยือนวัดพระธาตุลำปางหลวง ขอแนะนำว่าไม่ควรมาแค่ชมเงาพระธาตุเท่านั้น เพราะวัดแห่งนี้มีสิ่งสวยๆงามๆ สิ่งน่าสนใจอันทรงคุณค่าให้เที่ยวชมกันมากมาย โดยจุดน่าสนใจหลักๆของวัดก็ไล่ไปตั้งแต่ทางเดินขึ้นท่าจะต้องเดินผ่าน“บันไดนาค” กับพญานาคงานปูนปั้นสีขาวเด่นรูปทรงเฉพาะตัว จากนั้นทางเดินจะผ่าน “ซุ้มประตูโขง” อันสวยงามสุดคลาสสิค เป็นซุ้มประตูโขงวัดโบราณที่สวยงามติดอันดับต้นๆของเมืองไทย
ครั้นเมื่อเดินเข้ามาในบริเวณวัดก็จะได้พบกับผังบริเวณที่สร้างตามความเชื่อเรื่อง“คติจักรวาล” มีองค์“เจดีย์พระธาตุลำปางหลวง” ที่เป็นพระธาตุประจำปีคนเกิดปีฉลูเป็นศูนย์กลางจักรวาล ด้านหน้าพระธาตุมี“วิหารหลวง” วิหารไม้โบราณหลังใหญ่อันสวยงามสื่อถึงชมพูทวีป ส่วนภายในวิหารมีองค์“พระเจ้าล้านทอง” พระพุทธรูปองค์สำคัญของวัดประดิษฐานอยู่ภายในมณฑปหรือ “กู่พระเจ้าล้านทอง” กับเจดีย์สีทองอร่ามทรงปราสาทที่สร้างอย่างวิจิตรสวยงาม ขณะที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารนั้นเป็นที่น่าเสียดายว่า กาลเวลาได้ทำให้ภาพงานฝีมือช่างพื้นบ้านเลือนหายไปเยอะมาก
ขณะที่ลานทรายของวัดที่วันนี้ไม่ค่อยปรากฏในวัดทั่วๆไปในปัจจุบัน(เพราะส่วนใหญ่ถูกเทปูนเป็นลานคอนกรีตทำเป็นที่จอดรถกันเสียเป็นส่วนใหญ่)เปรียบดังมหานทีสีทันดร ซึ่งเชื่อกันว่าการได้มาสักการะองค์พระธาตุลำปางหลวงเปรียบดังการได้มาสักการะพระเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
นอกจากนี้สิ่งก่อสร้างตามผังความเชื่อเรื่องคติจักรวาลแล้ว วัดพระธาตุลำปางหลวงยังมีอีกหลากหลายจุดให้เที่ยวชม ไม่ว่าจะเป็น “วิหารน้ำแต้ม”, “วิหารพระเจ้าศิลา”, “หอพระแก้ว”,“พิพิธภัณฑ์”, “พระเจ้าทันใจ” เป็นต้น
รวมไปถึงรายละเอียดของลวดลายปูนปั้น งานศิลปกรรม งานไม้,คันทวย(ค้ำยัน) ที่ช่างโบราณสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นงานมาสเตอร์พีชเลื่องชื่อ ขณะที่ด้านข้างมี“ไม้ค้ำโพธิ์”อันเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของชาวล้านนา ส่วนด้านหน้าวัดมี“รถม้า” หนึ่งในสัญลักษณ์เมืองลำปางไว้บริการนำเที่ยว
นับได้ว่าวัดพระธาตุลำปางหลวงมีสิ่งน่าสนใจอันทรงคุณค่าให้สัมผัสกันมากมาย ชนิดที่หากเที่ยวชมกันอย่างเจาะลึกสามารถเพิ่งพินิจพิจารณาในความงามกันได้เป็นวันเลยทีเดียว
เงาพระธาตุ วัดพระธาตุจอมปิง
ในจังหวัดลำปาง ยังมีจุดชมเงาพระธาตุที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งอยู่ที่ “วัดพระธาตุจอมปิง” ที่ตั้งอยู่หมู่ 5 บ้านจอมปิง ต.นาแก้ว อ.เกาะคา เช่นเดียวกับวัดพระธาตุลำปางหลวง ที่ทั้ง 2 วัด อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ สามารถเดินทางไปเที่ยวชมเงาพระธาตุและสิ่งน่าสนใจในวัดควบคู่กันได้
วัดพระธาตุจอมปิงมีข้อมูลระบุว่า พระนางจามเทวีเมื่อสร้างวัดพระธาตุลำปางหลวงเสร็จแล้วก็ได้มาสร้างวัดพระธาตุจอมปิงต่อ แล้วก็ผ่านร้อนผ่านหนาวเรื่อยมา เคยถูกทิ้งร้างไปบ้างช่วงหนึ่ง ก่อนที่ปัจจุบันจะได้รับการพัฒนาเป็นวัดที่ร่มรื่น สงบ สวยงาม
สำหรับจุดชมเงาพระธาตุแห่งวัดพระธาตุจอมปิงนั้นอยู่ที่ “โบสถ์หลังเก่า” หรือ “โบสถ์น้อย” ที่อยู่เยื้องๆไปทางด้านหลังของวัด
ที่โบสถ์หลังเก่า ก่อนจะเข้าชมเงาพระธาตุผมได้พบกับ“ลุงบุญทา ต๊ะโก” คุณลุงผู้ดูแลโบสถ์หลังนี้และคอยเป็นคนนำชมเงาพระธาตุ
ลุงบุญทางบอกกับผมว่าเงาพระธาตุที่นี่พบเจอมา 40 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2513 โดยพระจากชัยนาทมานั่งสมาธิในโบสถ์แล้วไปเจอ เงาพระธาตุสีสันเหมือนจริงปรากฏผ่านมาทางรอยแตกของหน้าต่างไม้โดยบังเอิญ
หลังททท.โปรโมท เงาพระธาตุเมืองลำปาง เงาพระธาตุวัดจอมปิงก็ได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน แม้ไม่โด่งดังเท่าที่วัดพระธาตุลำปางหลวง แต่ว่าก็มีคนรู้จักกันอย่างกว้างขวาง มีคนเดินทางมาเที่ยวชมเงาพระธาตุกันไม่ได้ขาด
เงาพระธาตุวัดจอมปิงในโบสถ์น้อยมีให้ชมทั้งแบบเงาพระธาตุหัวกลับ-หัวตั้ง ทั้งหน้าฉาก-หลังฉาก และบางมุมที่สามารถเห็นเงาพระธาตุได้ถึง 2 เงา อยู่ไล่ระดับใกล้-ไกลออกไป ขึ้นอยู่กับว่าลุงบุญทาแกจะเลื่อนฉาก จัด(วาง)ฉาก(จากจอผ้าขาว)ให้ดูกันแบบไหน ซึ่งด้วยวิธีลีลาการนำเสนอกับสำเนียงเหนือท้องถิ่น พร้อมวิธีการบอกเล่าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของลุงนั้น สามารถเรียกเสียงฮาและสร้างสีสันในการเที่ยวชมเงาพระธาตุที่นี่ได้ไม่น้อยเลย
นอกจากเงาพระธาตุที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอันซีนไทยแลนด์แล้ว ในวัดพระธาตุจอมปิงยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นอีก อย่างเช่น “พระวิหารหลวง” หรือ “วิหารหลวงบูรพาจารย์ 30 ทัศ” เป็นวิหารหลังใหญ่ภายในประดิษฐานองค์พระประธาน ศิลปะพื้นบ้านดูขรึมขลัง มีงานจิตรกรรมฝาผนังตามพื้นที่ช่องว่างของผนังวิหารงานฝีมือที่ดูแล้วจากฝีมือการลงสีแล้วน่าจะวาดคนละยุคกัน ภาพด้านล่างวาดเรื่องราวพุทธประวัติในแบบ 3 มิติ(ภาพเปอร์สเปคทีฟ)มีความลึกตามสมัยนิยม แต่ที่ผมชอบก็คือภาพงานฝีมือช่างพื้นบ้านที่อยู่ด้านบน เขียนแบบ 2 มิติ เรียบง่าย แต่ว่าดูดิบได้อารมณ์มาก
ส่วนหลังวิหารหลวงเป็นที่ประดิษฐานองค์พระธาตุจอมปิงสีทองเด่น ตามตำนานเล่าว่าภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในส่วนกระดูกซี่โครงด้านซ้าย
ในวัดพระธาตุจอมปิงยังมีสิ่งน่าสนใจแห่งใหม่นั่นก็คือ “พระอุโบสถหลังใหม่” หรือ “โบสถ์หลังใหม่” ที่“ท่านพระครูปลัดประหยัด วรัญาโณ” เจ้าอาวาสวัดพระธาตุจอมปิงได้ออกแบบโบสถ์หลังนี้ด้วยตัวเอง
โบสถ์หลังนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2550 แล้วเสร็จในปีนี้ เป็นโบสถ์ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ว่ามีความสมส่วนงดงามมาก ด้านนอกมีการประดับตกแต่งกระจกสีอย่างสวยงาม เน้นในเรื่องของการนำรูปพญานาคมาเป็นส่วนประกอบไล่ไปตั้งแต่ พญานาค 3 เศียร(2 ตัว)ประดับกระจกสีแพรวพราวที่บันไดนาคตรงทางขึ้น,รูปพญานาคที่หน้าบัน, รูปปูนปั้นลงสีพญานาคที่ประดับอยู่ตามซุ้มประตู ซุ้มหน้าต่าง
ขณะที่ภายในประดิษฐานพระประธานขนาดไม่ใหญ่สีทองอร่าม งานจิตรกรรมฝาผนังมีความแตกต่างเพราะไม่ได้เป็นภาพวาด หากแต่เป็นงานลงรักปิดทองประติมากรรมนูนต่ำ จำพวกลายไทย กนก ก้านขด ลายดอกไม้ สีทองอร่ามตัดกับพื้นหลังสีน้ำตาลเข้มดูโดดเด่นทีเดียว
ท่านพระครูฯเจ้าอาวาสบอกกับผมในครั้งเข้าไปนมัสการท่านแล้วท่านพาเดินชมโบสถ์หลังใหม่(ที่ตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ดี)ว่า พญานาคได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า เป็นผู้ปกปักรักษาศาสนาพุทธ จึงนำพญานาคมาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างโบสถ์หลังนี้
นับเป็นปริศนาธรรมจากพญานาคที่หากอยากให้พระพุทธศาสนาดำรงคงอยู่คู่โลกตลอดไป ทั้งบรรพชิตและฆราวาสต่างก็ต้องช่วยกันปกปักรักษาศาสนาพุทธไม่ต่างจากสิ่งที่พญานาคทำ
*****************************************
นอกจากเงาพระธาตุที่วัดพระธาตุลำปางหลวงและวัดพระธาตุจอมปิงแล้ว ลำปางเมืองที่มากไปด้วยปรากฏการณ์เงาพระธาตุยังมีเงาพระธาตุให้ชมกันอีกในหลายวัดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เงาพระธาตุ 5 เงาที่วัดพระธาตุดอยน้อย(อ.เกาะคา), เงาพระธาตุวัดอักโขชัยคีรี(อ.แจ้ห่ม), เงาพระธาตุวัดผาแดงหลวง(อ.แจ้ห่ม) และเงาพระธาตุวัดประตูป่อง(อ.เมือง) เป็นต้น
ทั้งนี้ผู้สนใจเที่ยวชมเงาพระธาตุ เที่ยววัดพระธาตุลำปางหลวง เที่ยววัดพระธาตุจอมปิง สามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก ข้อมูลการเดินทาง และแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับวัดทั้งสองได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ (ดูแลพื้นที่ จ.เชียงใหม่, ลำพูน และลำปาง) โทร. 0-5324-8604, 0-5324-8607, 0-5330-2500
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว(พ.ศ. 2546) โครงการอันซีนไทยแลนด์(1)สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวซ่อนเร้นอย่าง “เงาพระธาตุ” ในจังหวัดลำปางออกสู่สายตามวลมหาประชาชนให้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
นั่นนับเป็นการกรุยทางต่อชื่อเสียงความเลื่องลือของเงาพระธาตุ ที่ต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์อันโดดเด่นขึ้นชื่อของเมืองรถม้ามาจนถึงปีนี้ ซึ่งลำปางได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ให้เป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” เงาพระธาตุก็ยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดอันเลื่องชื่อค้างฟ้า ที่หากใครขึ้นไปแอ่วลำปางแล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
สำหรับปรากฏการณ์เงาพระธาตุนั้น แม้จะมีบางคนมองเป็นเรื่องของความอัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แต่ในทางวิทยาศาสตร์นี่เกิดจากการณ์หักเหของแสง หลักการเดียวกลับ“กล้องรูเข็ม” ที่เราเคยเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์สมัยเด็กๆ
อย่างไรก็ดีมันน่าแปลกตรงที่ลำปาง เป็นเมืองที่มีเงาพระธาตุเยอะมาก มีปรากฏในหลายวัด หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเงาพระธาตุหัวกลับ เงาพระธาตุหัวตั้ง เงาพระธาตุซ้อนชั้น เป็นต้น จนหลายๆคนยกให้ลำปางเป็นเมืองแห่งเงาพระธาตุกันเลยทีเดียว
เงาพระธาตุ วัดพระธาตุลำปางหลวง
จังหวัดลำปางมีจุดชมเงาพระธาตุเลื่องชื่ออยู่ที่ “วัดพระธาตุลำปางหลวง” ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวลำปาง ที่ตามตำนานกล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 20
เงาพระธาตุวัดพระธาตุลำปางหลวงมีจุดชมที่เป็นไฮไลท์อยู่ที่ “มณฑปพระพุทธบาท” หรือ “ซุ้มพระพุทธบาท” อาคารเล็กๆแคบๆ ที่ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาท แต่หลังจากการค้นพบเงาพระธาตุ รอยพระพุทธบาทในมณฑปดูจะเป็นสิ่งรองไป
เงาพระธาตุที่นี่มีข้อมูลว่าถูกค้นพบครั้งแรกโดยบังเอิญเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2541 โดยพระที่เข้าไปทำความสะอาดในมณฑปแล้วพบเงาพระธาตุ(เกิด)จากแสงที่ส่องลอดผ่านรูปรากฏในลักษณะของ(เงา)“พระธาตุหัวกลับ” มีสีสันสวยงามตามจริง
หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนสนใจเงาพระธาตุขึ้นมาบ้างแต่ยังไม่มาก จนกระทั่งเมื่อทาง ททท.ชูเงาพระธาตุ จ.ลำปาง เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์นั่นแหละ เงาพระธาตุวัดพระธาตุลำปางหลวงพลันโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน นอกจากนี้หลายๆคนยังนิยมเรียกเงาพระธาตุว่าพระธาตุหัวกลับก็จากเงาพระธาตุที่นี่ ทั้งๆที่เงาพระธาตุมักจะปรากฏในลักษณะของ(เงา)พระธาตุหัวกลับเป็นส่วนใหญ่(ขึ้นอยู่กับฉากที่รองรับ)
แต่ที่ต้องย้ำกันก็คือ เงาพระธาตุหรือพระธาตุหัวกลับที่มณฑปพระพุทธบาทแห่งนี้ ทางวัด“ห้ามผู้หญิงขึ้น” เพราะได้สร้างครอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านล่าง จึงห้ามผู้หญิงขึ้นตามคติความเชื่อของล้านนา นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ทางวัดเน้นก็คือ เงาพระธาตุที่นี่ดูฟรี!!! ไม่เสียเงิน หากใครจะมาเก็บเงินให้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่วัด เพื่อไม่ให้พวกมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีมาแอบอ้างหลอกหากินกับนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดีกับคุณผู้หญิงคุณสุภาพสตรี ที่อยากชมเงาพระธาตุหรือตั้งใจมาชมเงาพระธาตุที่วัดพระธาตุลำปางหลวงก็อย่าเพิ่งผิดหวัง เพราะผู้หญิงสามารถไปร่วมตื่นตาตื่นใจชมและสัมผัสเงาพระธาตุได้ที่“วิหารลายคำ” หรือ “วิหารพระพุทธ” ที่เป็นอีกหนึ่งจุดชมเงาพระธาตุของวัดแห่งนี้
วิหารลายคำเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อพระพุทธ” พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนสามปางมารวิชัยที่ได้ชื่อว่ามีพระพุทธลักษณะที่งดงามมากแห่งหนึ่งในล้านนา ในนี้มีจุดชมเงาพระธาตุอยู่ทางมุมด้านขวา เงาพระธาตุที่นี่เป็นเงาพระธาตุหัวตั้ง(เงาพระธาตุหัวกลับหรือหัวตั้งเปลี่ยนไปตามฉากที่ตกกระทบ) ที่ผมเห็นมีนักท่องเที่ยวหลายคนก้มลงกราบอย่างศรัทธาบนฉากผืนผ้าดูน่าประทับใจ
สำหรับผู้ที่มาเยือนวัดพระธาตุลำปางหลวง ขอแนะนำว่าไม่ควรมาแค่ชมเงาพระธาตุเท่านั้น เพราะวัดแห่งนี้มีสิ่งสวยๆงามๆ สิ่งน่าสนใจอันทรงคุณค่าให้เที่ยวชมกันมากมาย โดยจุดน่าสนใจหลักๆของวัดก็ไล่ไปตั้งแต่ทางเดินขึ้นท่าจะต้องเดินผ่าน“บันไดนาค” กับพญานาคงานปูนปั้นสีขาวเด่นรูปทรงเฉพาะตัว จากนั้นทางเดินจะผ่าน “ซุ้มประตูโขง” อันสวยงามสุดคลาสสิค เป็นซุ้มประตูโขงวัดโบราณที่สวยงามติดอันดับต้นๆของเมืองไทย
ครั้นเมื่อเดินเข้ามาในบริเวณวัดก็จะได้พบกับผังบริเวณที่สร้างตามความเชื่อเรื่อง“คติจักรวาล” มีองค์“เจดีย์พระธาตุลำปางหลวง” ที่เป็นพระธาตุประจำปีคนเกิดปีฉลูเป็นศูนย์กลางจักรวาล ด้านหน้าพระธาตุมี“วิหารหลวง” วิหารไม้โบราณหลังใหญ่อันสวยงามสื่อถึงชมพูทวีป ส่วนภายในวิหารมีองค์“พระเจ้าล้านทอง” พระพุทธรูปองค์สำคัญของวัดประดิษฐานอยู่ภายในมณฑปหรือ “กู่พระเจ้าล้านทอง” กับเจดีย์สีทองอร่ามทรงปราสาทที่สร้างอย่างวิจิตรสวยงาม ขณะที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารนั้นเป็นที่น่าเสียดายว่า กาลเวลาได้ทำให้ภาพงานฝีมือช่างพื้นบ้านเลือนหายไปเยอะมาก
ขณะที่ลานทรายของวัดที่วันนี้ไม่ค่อยปรากฏในวัดทั่วๆไปในปัจจุบัน(เพราะส่วนใหญ่ถูกเทปูนเป็นลานคอนกรีตทำเป็นที่จอดรถกันเสียเป็นส่วนใหญ่)เปรียบดังมหานทีสีทันดร ซึ่งเชื่อกันว่าการได้มาสักการะองค์พระธาตุลำปางหลวงเปรียบดังการได้มาสักการะพระเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
นอกจากนี้สิ่งก่อสร้างตามผังความเชื่อเรื่องคติจักรวาลแล้ว วัดพระธาตุลำปางหลวงยังมีอีกหลากหลายจุดให้เที่ยวชม ไม่ว่าจะเป็น “วิหารน้ำแต้ม”, “วิหารพระเจ้าศิลา”, “หอพระแก้ว”,“พิพิธภัณฑ์”, “พระเจ้าทันใจ” เป็นต้น
รวมไปถึงรายละเอียดของลวดลายปูนปั้น งานศิลปกรรม งานไม้,คันทวย(ค้ำยัน) ที่ช่างโบราณสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นงานมาสเตอร์พีชเลื่องชื่อ ขณะที่ด้านข้างมี“ไม้ค้ำโพธิ์”อันเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของชาวล้านนา ส่วนด้านหน้าวัดมี“รถม้า” หนึ่งในสัญลักษณ์เมืองลำปางไว้บริการนำเที่ยว
นับได้ว่าวัดพระธาตุลำปางหลวงมีสิ่งน่าสนใจอันทรงคุณค่าให้สัมผัสกันมากมาย ชนิดที่หากเที่ยวชมกันอย่างเจาะลึกสามารถเพิ่งพินิจพิจารณาในความงามกันได้เป็นวันเลยทีเดียว
เงาพระธาตุ วัดพระธาตุจอมปิง
ในจังหวัดลำปาง ยังมีจุดชมเงาพระธาตุที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งอยู่ที่ “วัดพระธาตุจอมปิง” ที่ตั้งอยู่หมู่ 5 บ้านจอมปิง ต.นาแก้ว อ.เกาะคา เช่นเดียวกับวัดพระธาตุลำปางหลวง ที่ทั้ง 2 วัด อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ สามารถเดินทางไปเที่ยวชมเงาพระธาตุและสิ่งน่าสนใจในวัดควบคู่กันได้
วัดพระธาตุจอมปิงมีข้อมูลระบุว่า พระนางจามเทวีเมื่อสร้างวัดพระธาตุลำปางหลวงเสร็จแล้วก็ได้มาสร้างวัดพระธาตุจอมปิงต่อ แล้วก็ผ่านร้อนผ่านหนาวเรื่อยมา เคยถูกทิ้งร้างไปบ้างช่วงหนึ่ง ก่อนที่ปัจจุบันจะได้รับการพัฒนาเป็นวัดที่ร่มรื่น สงบ สวยงาม
สำหรับจุดชมเงาพระธาตุแห่งวัดพระธาตุจอมปิงนั้นอยู่ที่ “โบสถ์หลังเก่า” หรือ “โบสถ์น้อย” ที่อยู่เยื้องๆไปทางด้านหลังของวัด
ที่โบสถ์หลังเก่า ก่อนจะเข้าชมเงาพระธาตุผมได้พบกับ“ลุงบุญทา ต๊ะโก” คุณลุงผู้ดูแลโบสถ์หลังนี้และคอยเป็นคนนำชมเงาพระธาตุ
ลุงบุญทางบอกกับผมว่าเงาพระธาตุที่นี่พบเจอมา 40 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2513 โดยพระจากชัยนาทมานั่งสมาธิในโบสถ์แล้วไปเจอ เงาพระธาตุสีสันเหมือนจริงปรากฏผ่านมาทางรอยแตกของหน้าต่างไม้โดยบังเอิญ
หลังททท.โปรโมท เงาพระธาตุเมืองลำปาง เงาพระธาตุวัดจอมปิงก็ได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน แม้ไม่โด่งดังเท่าที่วัดพระธาตุลำปางหลวง แต่ว่าก็มีคนรู้จักกันอย่างกว้างขวาง มีคนเดินทางมาเที่ยวชมเงาพระธาตุกันไม่ได้ขาด
เงาพระธาตุวัดจอมปิงในโบสถ์น้อยมีให้ชมทั้งแบบเงาพระธาตุหัวกลับ-หัวตั้ง ทั้งหน้าฉาก-หลังฉาก และบางมุมที่สามารถเห็นเงาพระธาตุได้ถึง 2 เงา อยู่ไล่ระดับใกล้-ไกลออกไป ขึ้นอยู่กับว่าลุงบุญทาแกจะเลื่อนฉาก จัด(วาง)ฉาก(จากจอผ้าขาว)ให้ดูกันแบบไหน ซึ่งด้วยวิธีลีลาการนำเสนอกับสำเนียงเหนือท้องถิ่น พร้อมวิธีการบอกเล่าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของลุงนั้น สามารถเรียกเสียงฮาและสร้างสีสันในการเที่ยวชมเงาพระธาตุที่นี่ได้ไม่น้อยเลย
นอกจากเงาพระธาตุที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอันซีนไทยแลนด์แล้ว ในวัดพระธาตุจอมปิงยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นอีก อย่างเช่น “พระวิหารหลวง” หรือ “วิหารหลวงบูรพาจารย์ 30 ทัศ” เป็นวิหารหลังใหญ่ภายในประดิษฐานองค์พระประธาน ศิลปะพื้นบ้านดูขรึมขลัง มีงานจิตรกรรมฝาผนังตามพื้นที่ช่องว่างของผนังวิหารงานฝีมือที่ดูแล้วจากฝีมือการลงสีแล้วน่าจะวาดคนละยุคกัน ภาพด้านล่างวาดเรื่องราวพุทธประวัติในแบบ 3 มิติ(ภาพเปอร์สเปคทีฟ)มีความลึกตามสมัยนิยม แต่ที่ผมชอบก็คือภาพงานฝีมือช่างพื้นบ้านที่อยู่ด้านบน เขียนแบบ 2 มิติ เรียบง่าย แต่ว่าดูดิบได้อารมณ์มาก
ส่วนหลังวิหารหลวงเป็นที่ประดิษฐานองค์พระธาตุจอมปิงสีทองเด่น ตามตำนานเล่าว่าภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในส่วนกระดูกซี่โครงด้านซ้าย
ในวัดพระธาตุจอมปิงยังมีสิ่งน่าสนใจแห่งใหม่นั่นก็คือ “พระอุโบสถหลังใหม่” หรือ “โบสถ์หลังใหม่” ที่“ท่านพระครูปลัดประหยัด วรัญาโณ” เจ้าอาวาสวัดพระธาตุจอมปิงได้ออกแบบโบสถ์หลังนี้ด้วยตัวเอง
โบสถ์หลังนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2550 แล้วเสร็จในปีนี้ เป็นโบสถ์ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ว่ามีความสมส่วนงดงามมาก ด้านนอกมีการประดับตกแต่งกระจกสีอย่างสวยงาม เน้นในเรื่องของการนำรูปพญานาคมาเป็นส่วนประกอบไล่ไปตั้งแต่ พญานาค 3 เศียร(2 ตัว)ประดับกระจกสีแพรวพราวที่บันไดนาคตรงทางขึ้น,รูปพญานาคที่หน้าบัน, รูปปูนปั้นลงสีพญานาคที่ประดับอยู่ตามซุ้มประตู ซุ้มหน้าต่าง
ขณะที่ภายในประดิษฐานพระประธานขนาดไม่ใหญ่สีทองอร่าม งานจิตรกรรมฝาผนังมีความแตกต่างเพราะไม่ได้เป็นภาพวาด หากแต่เป็นงานลงรักปิดทองประติมากรรมนูนต่ำ จำพวกลายไทย กนก ก้านขด ลายดอกไม้ สีทองอร่ามตัดกับพื้นหลังสีน้ำตาลเข้มดูโดดเด่นทีเดียว
ท่านพระครูฯเจ้าอาวาสบอกกับผมในครั้งเข้าไปนมัสการท่านแล้วท่านพาเดินชมโบสถ์หลังใหม่(ที่ตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ดี)ว่า พญานาคได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า เป็นผู้ปกปักรักษาศาสนาพุทธ จึงนำพญานาคมาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างโบสถ์หลังนี้
นับเป็นปริศนาธรรมจากพญานาคที่หากอยากให้พระพุทธศาสนาดำรงคงอยู่คู่โลกตลอดไป ทั้งบรรพชิตและฆราวาสต่างก็ต้องช่วยกันปกปักรักษาศาสนาพุทธไม่ต่างจากสิ่งที่พญานาคทำ
*****************************************
นอกจากเงาพระธาตุที่วัดพระธาตุลำปางหลวงและวัดพระธาตุจอมปิงแล้ว ลำปางเมืองที่มากไปด้วยปรากฏการณ์เงาพระธาตุยังมีเงาพระธาตุให้ชมกันอีกในหลายวัดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เงาพระธาตุ 5 เงาที่วัดพระธาตุดอยน้อย(อ.เกาะคา), เงาพระธาตุวัดอักโขชัยคีรี(อ.แจ้ห่ม), เงาพระธาตุวัดผาแดงหลวง(อ.แจ้ห่ม) และเงาพระธาตุวัดประตูป่อง(อ.เมือง) เป็นต้น
ทั้งนี้ผู้สนใจเที่ยวชมเงาพระธาตุ เที่ยววัดพระธาตุลำปางหลวง เที่ยววัดพระธาตุจอมปิง สามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก ข้อมูลการเดินทาง และแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับวัดทั้งสองได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ (ดูแลพื้นที่ จ.เชียงใหม่, ลำพูน และลำปาง) โทร. 0-5324-8604, 0-5324-8607, 0-5330-2500
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com