“กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม”
นี่คือคำขวัญจังหวัด“พะเยา” จังหวัดเล็กๆแห่งภาคเหนือตอนบนที่ใครหลายๆคนอาจจะมองเป็น“เมืองผ่าน” หรือไม่ก็มองข้ามผ่านจังหวัดนี้ไป
แต่ว่าถ้าหากใครมีโอกาสไปเที่ยวสัมผัสจังหวัดพะเยากันอย่างจริงจัง ก็จะพบว่าพะเยาเป็นเมืองเล็กๆที่แฝงเร้นไปด้วยมนต์เสน่ห์อันชวนค้นหาอยู่มากมาย
กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต
สำหรับสิ่งที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนพะเยาก็คือการไปเที่ยวชม“กว๊านพะเยา”หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อและเป็นดังสัญลักษณ์ของจังหวัดนี้
กว๊านพะเยาเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใน อ.เมือง พะเยา กว๊านพะเยานอกจากจะเป็นดังแหล่งชีวิตเส้นเลือดหลักของเมืองพะเยาแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อในเรื่องของทัศนียภาพอันงดงาม โดยเฉพาะบรรยากาศในยามเช้าและเย็นอันทรงเสน่ห์ เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ใครต่อหลายคนมาเยือนยังกว๊านพะเยาแห่งนี้
โดยในช่วงเช้าตรู่ของวันอากาศเป็นใจ เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆลอยโผล่พ้นเหลี่ยมเขาเหนือน่านน้ำในกว๊าน มีสายหมอกลอยจางๆ มีภาพชาวบ้านพายเรือออกหาปลา ท่ามกลางแสงสีเหลืองทองของแสงแดดที่สาดส่อง จากนั้นในช่วงประมาณ 7 โมงเช้าจะมีกิจกรรม “ตักบาตรข้าวเหนียว” ที่ริมกว๊านให้ผู้สนใจได้ทำบุญใส่บาตรกัน
ส่วนในเวลาเย็น บรรยากาศยามพระอาทิตย์ค่อยๆลาลับหลังม่านขุนเขาที่ตั้งตระหง่านเคียงคู่ผืนแผ่นน้ำแห่งท้องทะเลสาบนั้น ดูงดงามเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยวชมพระอาทิตย์ตกที่กว๊านพะเยากันเป็นจำนวนมาก
บริเวณริมกว๊านยังมีโรงแรม ที่พัก จำนวนหนึ่งให้เลือกสรร ส่วนที่มีมากก็คือร้านอาหารที่ตั้งอยู่เรียงราย โดยมี 2 เมนูชูโรงคู่กว๊าน คือ “ปลาเผา” และ “กุ้งฝอยทอด” อันชวนกิน
นอกจากนี้ที่ริมกว๊านบริเวณริมฝั่งน้ำก็มีการจัดสวนสาธารณะ มีการจัดทำมุมเก๋ๆ ประดับประติมากรรมเท่ๆ ให้ถ่ายรูปกันเป็นที่เพลิดเพลิน โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ประติมากรรม“พญานาคคู่”ที่อ้างอิงมาจากตำนานพญานาคแห่งกว๊านพะเยา ซึ่งในช่วงยามเย็นที่สวนริมกว๊านจะดูคึกคักมากไปด้วยสีสัน ทั้งจากผู้ที่มาท่องเที่ยว พักผ่อน ออกกำลังกาย ชมวิว และมาเฝ้าชมพระอาทิตย์ตกดินที่ถือเป็นช่วงเวลาไฮไลท์ของที่นี่
ขณะที่ฝั่งตรงข้ามของรูปปั้นพญานาคก็จะเป็น“อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง”กษัตริย์องค์ที่ 9 (พ.ศ. 1801 - 1841)แห่งเมืองภูกามยาว(เมืองพะเยาในสมัยโบราณ)ที่ปกครองดินแดนแห่งนี้จนรุ่งเรืองให้เราได้เคารพสักการะกัน
หลวงพ่อศิลา - วัดติโลกอาราม
กว๊านพะเยายังมีสถานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ “วัดติโลกอาราม” วัดกลางน้ำที่ตั้งเด่นอยู่บนเกาะกลางกว๊าน สามารถมองเห็นได้ไกลๆจากบนฝั่ง
วัดติโลกอาราม เป็นวัดที่สันนิษฐานว่า พระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาเมืองเชียงใหม่ โปรดฯให้เจ้าหัวแสน เจ้าเมืองพะเยาสร้างขึ้นมาในช่วงราวปี พ.ศ. 2019-2030
ครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงยุคปัจจุบันในปี พ.ศ. 2484-2484 ทางกรมประมงได้กั้นประตูน้ำเพื่อกักเก็บน้ำจนเกิดเป็น“กว๊านพะเยา”ขึ้นมา แต่การกั้นประตูน้ำในครั้งนั้นส่งผลให้ ชุมชน บ้านเรือน เรือกสวน และวัดหลายแห่งในพื้นที่กักเก็บน้ำ รวมถึงวัดติโลกอารามที่ต้องจมลงอยู่ใต้ผืนน้ำ
จากนั้นในปี พ.ศ. 2526 ชาวบ้านวัดศรีอุโมงค์คำได้ขุดค้นพบพระเครื่องและพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี ที่ต่อมาเรียกขานว่า “หลวงพ่อศิลา” หรือ “พระเจ้ากว๊าน” ซึ่งทางชาวบ้านได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่ “วัดศรีอุโมงค์คำ” โดยได้มีการทำพิธีสมโภชน์ถึง 7 วัน 7 คืนด้วยกัน
ต่อมาในปี 2550 ได้มีการสำรวจวัดร้างกลางกว๊านที่ค้นพบหลวงพ่อศิลา พบหลักฐานเป็นศิลาจารึกเขียนด้วยตัวอักษรฝักขาม แปลได้ว่า“วัดติโลกอาราม” ทางจังหวัดจึงได้ลงมือบูรณะปรับแต่งวัดติโลกอารามแล้วเสร็จภายในปี 2550 จึงได้อัญเชิญหลวงพ่อศิลาให้มาประดิษฐานที่วัดติโลกการามเป็นการกลับคืนสู่กว๊านพะเยาอีกครั้ง
ปัจจุบันวัดติโลกอารามมีหลวงพ่อศิลาที่มีพุทธลักษณะอันงดงามเป็นพระประธาน ประดิษฐานโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางแจ้งบนเกาะกลางกว๊านพะเยา ให้พุทธศาสนิกชนได้นั่งเรือแจวพื้นบ้านจากท่าเรือวัดติโลกอาราม(ค่าเรือคนละ 30 บาท นั่งเรือประมาณ 10 นาที) มาสักการะหลวงพ่อศิลาท่ามกลางบรรยากาศแวดล้อมของสายน้ำขุนเขาอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์แห่งกว๊านพะเยา
เวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียวในไทย
ปี พ.ศ. 2550 ในการอัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับคืนสู่กว๊านพะเยา ทางจังหวัดได้ริเริ่มจัดงาน“เวียนเทียนกลางน้ำ”รอบองค์หลวงพ่อศิลาและวัดติโลกอารามขึ้นเป็นครั้งแรกในวันอาสาฬหบูชา จากนั้นก็ได้จัดงานเวียนเทียนกลางน้ำปฏิบัติเป็นประเพณีคู่เมืองพระเยาเรื่อยมาในทุกๆวันพระใหญ่ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนา คือ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา และอาสาฬหบูชา
งานประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำกว๊านพะเยา จะเริ่มขึ้นในช่วงเย็นของวัน(ประมาณ 17.00 น.) โดยจะมีการนำพระภิกษุ-สามเณร นั่งเรือขึ้นไปทำพิธี สวดมนต์ ที่ลานหลวงพ่อศิลา วัดติโลกอาราม จากนั้นจะเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชน นำดอกไม้ธูปเทียนนั่งเรือแจวพื้นบ้าน(เรือนำเที่ยว)ไปลอยลำเวียนเทียนรอบองค์หลวงพ่อศิลาและวัดติโลกอาราม ซึ่งจะมีการเปิดให้ผู้สนใจได้มาร่วมเวียนเทียนกลางน้ำเป็นรอบๆไป
นับเป็นประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำ“หนึ่งเดียวในไทย”ของจังหวัดพะเยา ที่นอกจากจะเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นแล้ว ยังเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์จากพลังแห่งศรัทธาที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
พระเจ้าตนหลวง-หอวัฒนธรรมนิทัศน์
ในตัวเมืองพะเยายังมีอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญแห่งล้านนานั่นก็คือ“พระเจ้าตนหลวง” พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองพะเยา ซึ่งว่ากันว่าใครที่ไปเยือนพะเยาแล้วถ้าไม่ได้ไปกราบสักการะองค์พระเจ้าตนหลวงก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงพะเยาโดยสมบูรณ์
พระเจ้าตนหลวงประดิษฐานอยู่ใน“วิหารพระเจ้าตนหลวง” แห่ง “วัดศรีโคมคำ” หรือ“วัดพระเจ้าตนหลวง” โดยเมื่อเดินเข้าเขตกำแพงวิหารมาแล้ว ทางด้านขวามือจะมีองค์พระเจ้าตนหลวงจำลองให้พุทธศาสนิกชน ปิดทอง จุดธูปเทียน บูชา ส่วนพระเจ้าตนหลวงองค์จริงประดิษฐานอยู่ในวิหารให้เราได้เข้าไปกราบไหว้ ขอพรกัน
พระเจ้าตนหลวงนอกจากจะมีพุทธลักษณะอันงดงามแล้ว ยังเป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในล้านนา หน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 17 เมตร ใช้เวลาสร้างถึง 33 ปี ปัจจุบันมีอายุเก่าแก่กว่า 520 ปี
ทุกๆปีในวันวิสาขบูชา จะมีการจัดงานนมัสการพระเจ้าตนหลวง เรียกว่างานประเพณี “นมัสการพระเจ้าองค์หลวงเดือนแปดเป็ง”
จากวิหารพระเจ้าตนหลวงหากเดินไปทางด้านหลังอีกนิดก็จะพบกับ “พระอุโบสถกลางน้ำ” โบสถ์หลังใหม่ที่สร้างอย่างสวยงามสมส่วนด้วยศิลปะล้านนาประยุกต์ ภายในโบสถ์โดดเด่นไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงามฝีมือ (ท่าน)“อังคาร กัลป์ยาณพงษ์” ศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับ ส่วนด้านหลังโบสถ์ติดกับกว๊านพะเยา จึงมีคนนิยมมาทำบุญด้วยการ ปล่อยปลา ปล่อยเต่า กันอยู่เสมอ
วัดศรีโคมคำยังมีอีกหนึ่งจุดน่าสนใจที่ไม่ควรพลาดก็คือ “หอวัฒนธรรมนิทัศน์” ที่ภายในจัดแสดงในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ โดยได้รวบรวมศิลปวัตถุน่าสนใจมากมายมาจัดแสดง ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธรูปเก่าแก่ต่างๆ พระพุทธรูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผา ศิลาจารึก ฯลฯ ส่วนถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของหอวัฒนธรรมฯแห่งนี้ก็คือซากฟอสซิลต่างๆ อาทิ ฟอสซิลไดโนเสาร์,ฟอสซิลช้าง 4 งา, ฟอสซิลปูคู่รักมหัศจรรย์อันน่าทึ่ง เป็นต้น
ด้วยความน่าสนใจของหอวัฒนธรรมฯ ทั้งจากสิ่งสำคัญต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดแสดง และการถ่ายทอดเรื่องราวในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ ทำให้หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ ได้รับ“รางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย” หรือ“รางวัลกินรี” จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) โดยสามารถคว้า“รางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม” ในปี พ.ศ. 2554 และ “รางวัลยอดเยี่ยมประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว” ในปี พ.ศ. 2556 มาครอง นับเป็นรางวัลเกียรติยศทางการท่องเที่ยวที่การันตีในความน่าสนใจและความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้ที่สร้างสรรค์หอวัฒนธรรมฯแห่งนี้ ซึ่งหลักๆแล้วก็เป็นพระจากวัดศรีโคมคำนั่นเอง
เที่ยววัดงามในเมือง
นอกจากวัดศรีโคมคำและวัดติโลกอารามที่มี 2 พระพุทธรูปสำคัญแล้ว ในตัวเมืองพะเยายังมีวัดน่าสนใจให้ไปสัมผัส ทัวร์ธรรมมะ ไหว้พระทำบุญ ชมสิ่งน่าสนใจภายในวัดเหล่านั้นกัน ซึ่ง“ตะลอนเที่ยว” ขอเริ่มกันที่“วัดพระธาตุจอมทอง” ที่ตั้งอยู่นดอยจอมทอง ตรงข้ามกับวัดศรีโคมคำ
ภายในวัดพระธาตุจอมทอง โดดเด่นไปด้วยองค์“พระธาตุจอมทอง” พระธาตุศักดิ์สิทธิ์สีทองอร่ามคู่บ้านคู่เมืองพะเยา
ส่วนอีกหนึ่งวัดสำคัญคู่เมืองพะเยาที่มีสิ่งน่าสนใจในระดับสุดยอดแห่งล้านนาให้ทัศนากันนั่นก็คือ“วัดศรีอุโมงค์คำ” ที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา ถ.ท่ากว๊าน ต.เวียง อ.เมือง
วัดศรีอุโมงค์คำหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดสูง” เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่เป็นเนินสูงเด่น ภายในวัดโดดเด่นไปด้วยองค์พระธาตุเจดีย์สีทองอายุเก่าแก่ไม่ตำกว่า 400 ปี ที่ตั้งอยู่บนเนินเห็นเด่นเป็นสง่า อีกทั้งยังมีพระพุทธรูปน่าสนใจให้สักการะ อย่าง “พระเจ้าทันใจ”, “องค์หลวงพ่อศิลาจำลอง” และ “พระเจ้าแข้งคม” ที่เป็นพระพุทธรูปหินทรายศิลปะพื้นบ้านที่ช่างได้สร้างสรรค์ให้ท่านมีหน้าแข้ง(พระชงฆะ) เป็นเหลี่ยมเป็นสันคมชัดอย่างชัดเจน
15
ส่วนที่ถือเป็นไฮไลท์ของวัดศรีอุโมงค์คำแห่งนี้ก็คือ “หลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์”(หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ”พระเจ้าล้านตื้อ” หรือ “พระเจ้าแสนแส้”) พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีทองอร่าม มีพระวรกายอวบอิ่ม พระพักตร์ดูอมยิ้มตลอดเวลา ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งแห่งดินแดนล้านนา
เที่ยววัดงามรอบเมือง
ในเขตอำเภอเมืองพะเยายังมีวัดน่าสนใจอีกจำนวนหนึ่งที่แม้จะอยู่รอบนอกตัวเมืองไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่าต่อการไปเที่ยวชม ซึ่ง“ตะลอนเที่ยว” ขอเริ่มกันที่ “วัดลี” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านหล่ายอิง ต.เวียง อ.เมือง (ใกล้กับโรงเรียนเทศบาล 3)
วัดลีมีองค์พระธาตุวัดลีเป็นปูชนียสถานสำคัญ รวมถึงภายในวัดมี “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดลี” ที่เก็บสะสมโบราณวัตถุและศิลปวัตถุน่าสนใจอันหลากหลาย โดยเฉพาะ“พระพุทธรูปหินทราย” ที่ทางวัดจัดแสดงไว้เป็นจำนวนมาก
ส่วนอีกหนึ่งวัดที่มีงานพุทธศิลป์ที่สร้างสรรค์จากหินทรายที่น่าสนใจยิ่งก็คือ“วัดผาธรรมนิมิต” หรือ “วัดห้วยผาเกี๋ยง” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาเกี๋ยง ต.ท่าวังทอง อ.เมือง (ห่างจากตัวเมืองไปราว 10 กม.)
ด้วยความที่วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่หินทราย ทางวัดจึงสร้างสรรค์หินทรายในพื้นที่เพิงผาของวัดให้เป็น “อุทยานพุทธศิลป์” ที่มากไปด้วยงานแกะสลักพระพุทธรูปหินทรายในปางต่างๆทั้งแบบประติมากรรมนูนสูงและนูนต่ำ นอกจากนี้ก็ยังมีรูปสลักทวยเทพ รอยพระพุทธบาท ซึ่งช่างสามารถแกะสลักออกมาได้อย่างงดงามน่าทึ่ง พระพุทธรูปมีพระพักตร์อ่อนหวานดูมีชีวิตชีวา
นับได้ว่าทั้งวัดลีและวัดผาธรรมนิมิตถือเป็นแหล่งเที่ยวชมและแหล่งศึกษาพระพุทธรูปหินทรายอันสำคัญที่น่าสนใจยิ่งของภาคเหนือ
จากนั้นเราชวนขึ้นดอยใกล้เมืองไปยัง "วัดอนาลโยทิพยาราม" ที่ตั้งอยู่บนดอยบุษราคัม ห่างจากตัวเมืองพะเยาไปประมาณ 20 กิโลเมตร
วัดอนาลโยสร้างโดยพระปัญญาพิศาลเถร(พระอาจารย์ไพบูลย์ฯ) ภายในวัดร่มรื่นตามลักษณะของวัดป่า ซึ่งทางวัดจัดทำเป็น “อุทยานพระพุทธศาสนา” ที่ประกอบไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมาย ว่าจะเป็น รัตนเจดีย์ศิลปะแบบอินเดีย-พุทธคยา เก๋งจีนประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม
อีกทั้งยังมี หอพระแก้วมรกตจำลอง เครื่องบูชาพระแก้วมรกต พระเงิน พระทอง พระนาค พระบุษราคัม งาช้างดำ(เป็นคู่)พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปางลีลา พระพุทธรูปปางนาคปรก
นอกจากนี้ภายในวัดอนาลโยยังมีศาลาชมวิวริมเชิงดอยที่สามารถชมทัศนียภาพของกว๊านพะเยาและเมืองพะเยาได้อย่างชัดเจน
อันซีน งดงาม วัดแห่งเชียงคำ
จากแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจในเขตเมืองเราออกนอกเมืองไปยัง“อำเภอเชียงคำ”กันบ้าง
เชียงคำเป็นอำเภอที่มีชาวไทลื้ออาศัยอยู่เป็นหลัก และเป็นหนึ่งอีกในอำเภอท่องเที่ยวสำคัญของพะเยา โดยจากตัวเมืองพะเยา มุ่งหน้าผ่าน“ถนนสายดอกไม้” อำเภอดอกคำใต้ ไปยังอำเภอจุนสู่อำเภอเชียงคำ ระหว่างทางเราจะได้พบกับหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว“อันซีนไทยแลนด์” แห่งเมืองพะเยานั่นก็คือ "พระเจ้านั่งดิน" ที่ประดิษฐานอยู่ที่ "วัดพระเจ้านั่งดิน" ต.เวียง อ.เชียงคำ (ห่างจากตัวอำเภอเชียงคำ 4 กม.)
พระเจ้านั่งดิน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีความแปลกเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นหนึ่งเดียวไม่เหมือนที่ไหนๆ เพราะเป็นพระประธานที่ประดิษฐานอยู่บนพื้น ไม่มีฐานชุกชีรองรับเหมือนกับพระประธานองค์อื่นๆ
สำหรับความเป็นมาของพระเจ้านั่งดินนั้น มีเรื่องเล่าขานว่า ในอดีตเมื่อสร้างพระพุทธรูปองค์นี้เสร็จได้วางท่านไว้บนพื้นราบ ครั้นต่อมามีชาวบ้านพยายามสร้างฐานชุกชีให้อัญเชิญท่านขึ้นตั้งอยู่บนนั้น แต่ปรากฏว่าพยายามเท่าไหร่ก็ยกไม่ขึ้น ชาวบ้านจึงเรียกสืบต่อกันมาว่า "พระเจ้านั่งดิน"
ในอำเภอเชียงคำยังมีอีกหนึ่งวัดสำคัญนั่นก็คือ “วัดนันตาราม” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านดอนไชย ในเขตสุขาภิบาลเมืองเชียงคำ
วัดนันตารามเป็นวัดที่โดดเด่นไปด้วยงานศิลปกรรมแบบไทยใหญ่ ตัววิหารสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีการฉลุไม้ตกแต่งลวดลายอย่างสวยงาม ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญๆอยู่หลายองค์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธรูปหยกขาว,พระเจ้าแสนแส้, พระพุทธรูปเกสรดอกไม้ และพระพุทธปฏิมาประธาน พระพุทธรูปองค์สำคัญของวัด เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนปางมารวิชัย ทำจากทองสำริดทรงเครื่องแบบไทใหญ่ ประทับบนสิงหบัลลังก์ไม้ที่แกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม
และด้วยความงดงามที่ลงตัวทำให้วัดนันตารามได้รับการยกย่องให้เป็นวัดที่สวยที่สุดในจังหวัดพะเยา
ภูซาง อันซีนน้ำตกอุ่นหนึ่งเดียว
จากอำเภอเชียงคำเราเดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 1093(เชียงคำ-เทิง) สู่“อำเภอภูซาง” ที่มี “ตลาดชายแดนบ้านฮวก” เป็นด่านการค้าชายแดน(จุดผ่อนปรน) ซึ่งสินค้าหลักๆนั้นจะเป็นสินค้าพื้นบ้าน จำพวกพืชผักสด สมุนไพร ผลไม้ และของป่าที่ส่วนใหญ่นำมาจากฝั่งสปป.ลาว
อำเภอภูซางนอกจากจะเป็นอำเภอชายแดนไทย-ลาวแล้ว ยังเป็นอำเภอสุดท้ายของพะเยาก่อนที่จะข้ามเขตสู่ “อำเภอเทิง” จังหวัดเชียงราย อำเภอที่มี“ภูชี้ฟ้า”เป็นจุดเที่ยวทะเลหมอกอันเลื่องชื่อ ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนนิยมท่องเที่ยวเชื่อมต่อในเส้นทาง “พะเยา-เชียงราย” กันด้วยเส้นทางสายนี้
โดยในอำเภอภูซางนั้นเป็นที่ตั้งของ “อุทยานแห่งชาติภูซาง” ที่มีไฮไลท์คือ “น้ำตกภูซาง” ที่มีความแปลกพิศวงเพราะเป็นน้ำตกอุ่นหนึ่งเดียวในไทยจนได้รับการยกย่องให้เป็น “อันซีนไทยแลนด์”
น้ำตกภูซาง มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส เป็นน้ำตกหินปูนอันสวยงาม มีชั้นเดียว สูง 20 กว่าเมตร ไหลเป็นสายฟูฟ่องลงมาสู่ธารน้ำเบื้องล่าง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติและแมกไม้อันร่มรื่น ภายใต้กันจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างเป็นระเบียบ น่าพักผ่อนหย่อนใจของอุทยานฯ
ต้นกำเนิดของน้ำตกอุ่นภูซางมาจาก "บ่อซับน้ำอุ่น" ที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินของพรุน้ำจืดที่อยู่เหนือขึ้นไป ซึ่งทางอุทยานฯได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติจากน้ำตกภูซางสู่บ่อซับน้ำอุ่น โดยมีการทำเส้นทางให้เดินอย่างสะดวกสบาย ระหว่างทางผ่านพื้นป่าอันร่มรื่น มากไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของอุทยานฯแห่งนี้
ภูลังกา ทะเลหมอกงามดุจภาพวาด
หากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ นอกจากกว๊านพะเยาแล้วพะเยายังมี“ภูลังกา” เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันเลื่องชื่อของจังหวัดนี้
ภูลังกา” ตั้งอยู่ในวนอุทยานภูลังกา ต.ผาช้างน้อย อ.ปง มี “ยอดภูลังกา” เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งเราต้องนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นไป เพราะเส้นทางในช่วงท้ายเป็นถนนลูกรังวิบากสมบุกสมบัน
จากนั้นเมื่อไปถึงจุดจอดรถตีนภู เราต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1 กม.กว่าๆ ผ่านป่าโปร่งและป่าทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างทางจะมีทางแยก นำสู่“ลานหินล้านปี” ที่เป็นลานหินโบราณ อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้แปลกๆหายาก ขณะที่ในเส้นทางเดินหลักนั้นจะพาไปสัมผัสกับยอดภู 2 ลูก ได้แก่ “ภูนม” ที่เป็นดังสัญลักษณ์แห่งภูลังกา มีความสูงประมาณ 1,600 เมตร
ส่วนภูลูกที่สองคือ “ภูลังกา” ที่มียอดสูงสุด 1,720 เมตร “ชาวเมี่ยน(เย้า)” ในพื้นที่เรียกส่วนที่เป็นยอดสูงสุดนี้ว่า“ฟินจาเบาะ” หรือ “แท่นเทวดา” เพราะเชื่อว่า บนนี้เป็นที่สิงสถิตของเทพ เทวดา
ทั้งบนยอดภูนมและภูลังกาเป็นป่าทุ่งหญ้า โล่งแจ้ง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบตัว 360 องศา บนนี้จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และจุดชมทะเลหมอกชั้นดีที่มีคนเดินทางขึ้นมาชมกันไม่ได้ขาด
นอกจากยอดภูลังกาแล้ว ในพื้นที่ภูลัง ต.ผาช้างน้อย ยังมีสถานที่น่าสนให้เที่ยวชมกันคือ “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า” ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางสู่ยอดภูลังกา ภายในศูนย์ฯมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงามน่ายล เน้นพวกกลุ่มไม้ดอก-ไม้ประดับเมืองหนาว โดยมีไฮไลท์คือ“มะเขือมิกกี้เมาส์” ลูกสีเหลืองสดที่ปลูกอยู่ทั่วไป รวมถึงมีร้านกาแฟสดเก๋ๆ ให้เลือกนั่งพัก จิบกาแฟดื่มด่ำบรรยากาศก่อนที่จะขึ้นไปลุยบนยอดภูลังกาต่อไป
สำหรับอีกจุดหนึ่งที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์เคียงคู่กับยอดภูลังกาก็คือ “ภูลังการีสอร์ท” ที่เป็นหนึ่งในที่พักวิวเทพ ตั้งอยู่ริมเขาเบื้องล่างเป็นแอ่งกระทะ
ในยามเช้าของวันที่อากาศเป็นใจ เมื่อมองลงไปยังหุบเขาแอ่งกระทะจะเห็นทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งอย่างสวยงามท่ามกลางองค์ประกอบของต้นไม้ ภูเขาน้อยใหญ่ มีภูเขาหินขนาดย่อมขึ้นเป็นพระเอกอยู่ตรงกลาง
ทะเลหมอกที่นี่ขึ้นชื่อว่าสวยงามดุจภาพวาด นั่นจึงทำให้มุมมองวิวทะเลหมอกแห่งนี้กลายเป็นดังตัวแทนแห่งภูลังกา และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งพะเยาที่ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก
และนี่ก็เป็นมนต์เสน่ห์บางส่วนของพะเยา จังหวัดเล็กๆอันสงบ สวยงาม จัดอยู่ในประเภท “จิ๋วแต่แจ๋ว” หรือ “Small is Beautiful” ที่แฝงเร้นไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมายชวนให้ค้นหา
และชวนให้เรา“หลงรัก”พะเยากันอยู่ไม่รู้เบื่อ
*****************************************
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดพะเยาเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานเชียงราย(พื้นที่รับผิดชอบ เชียงราย,พะเยา) โทร.0-5371-7433,0-5374-4674-5
*****************************************
**************************************************
ชวนไปกินของอร่อยเมืองพะเยา “กะละแมโบราณเชียงคำ” หอมหวานนุ่มลิ้น ของฝากขึ้นชื่อจ.พะเยา
คลิกอ่านเรื่องกิน-เที่ยว-พัก ในเมืองพะเยา ...หลงเสน่ห์ “กว๊านพะเยา” ชมเมืองน่ารัก-วัดงาม-เวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียวในไทย... ได้ที่นี่
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com