xs
xsm
sm
md
lg

แชร์ว่อนเน็ต!!! ทะเลไทยเปลี่ยนไปก่อน-หลัง “อ่าวปิเละ เกาะพีพีเล”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เกาะพีพี (ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat” )
จากการแชร์ภาพของหมู่เกาะทะเลไทยที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะด้วยการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวแบบไม่มีการจำกัด จนส่งผลให้ระบบนิเวศของทะเลไทยเปลี่ยนไป

เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat” ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญทางทะเล และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้โพสต์ภาพ “เกาะพีพี” จังหวัดกระบี่ พร้อมระบุข้อความดังนี้

“เมื่อสัก 15 ปีที่แล้ว พีพี "เคย" เป็นเกาะสวย 1 ใน 5 ของโลก ตอนนั้นโปรโมตกันใหญ่ จนพีพีใกล้จะเลยเถิด บังเอิญคลื่นสึนามิเข้ามา จึงมีแนวคิดปิดพีพีเพื่อจัดระเบียบ เป็นข่าวใหญ่โตเช่นกัน ปัจจุบันจัดไปถึงไหนเชิญดูได้ดังภาพ ประเทศไทยพร่ำบอกถึงการท่องเที่ยวแบบ "ยั่งยืน" และ "เพิ่มมูลค่า" แต่ผลที่ปรากฏมาแนวปะการังทั้งสองฝั่งย่อยยับดับสิ้น ค่าทัวร์ที่เคยเกิน 2 พันในอดีต เดี๋ยวนี้เหลือแค่ไม่ถึงพัน การเก็บสมบัติให้ลูกหลานเป็นเพียงคำหลอกเด็กไร้เดียงสา แล้วลูกเราจะเอาอะไรมาหากิน?” จนมีการแชร์ต่อพร้อมแสดงความคิดเห็นถึงกรณีเกาะพีพีกันเป็นจำนวนมาก
อ่าวปิเละ เกาะพีพีเล ปี พ.ศ.2545 (ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat”)
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “Coco Sang” ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ดังกล่าวว่า “ที่มันเละแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เกิดจากแนวความคิดของการท่องเที่ยวด้วยครับ ผมเคยไปงานสัมนาที่จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เขามองสถานที่ท่องเที่ยวเป็นสินค้าที่ขายๆไปเถอะ และมีการแบ่งเกรดนักท่องเที่ยวเป็นนักท่องเที่ยวชั้นดีและนักท่องเที่ยวชั้นเลว คุณรู้ใหม่ครับ เขาใช้ปัจจัยอะไรมาแบ่ง ... เขาใช้เงินมาเป็นตัวชี้วัดครับ นักท่องเที่ยวชั้นดีคือนักท่องเที่ยวที่จ่ายเงินเยอะ นอนโรงแรมหรู ชอปปิ้งหนัก ... นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ต้องปรนเปรอให้จงหนัก ส่วนนักท่องเที่ยวชั้นเลวคือพวกแบ็กแพกเกอร์ ใช้จ่ายอย่างประหยัด นอนเกสต์เฮาส์ตรอกข้าวสาร แบกเป้เที่ยวตามป่าตามเขาชนบทห่างไกล ใช้เงินประหยัด .. นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ต้องไปสนใจ และต้องหาทางลดจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ลง.... เห็นวิสัยทัศน์ของเจ้าภาพเรื่องการท่องเที่ยวของชาดติแล้วอนาถใจครับ ...เพราะแนวความคิดแบบนี้แหละครับ มันถึงเกิดเมือง(ซึ่งกลายเป็นสลัมในที่สุด) ไปอยู่ทุกที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ”

นอกจากนี้แล้วเฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat” ยังโพสต์ภาพเปรียบเทียบก่อน-หลัง ของอ่าวปิเละ เกาะพีพีเล ไว้ในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีภาพอ่าวปิเละ เกาะพีพีเล เปรียบเทียบกันสองภาพ ภาพหนึ่งเป็นภาพที่ถ่ายในปี พ.ศ. 2545 แสดงให้เห็นถึงท้องทะลที่น้ำใสไม่มีเรือท่องเที่ยว ส่วนอีกภาพเป็นภาพที่ถ่ายในปี พ.ศ. 2558 มีเรือนำเที่ยวจอดอยู่เต็มไปหมด โดยข้อความดังกล่าวระบุไว้ว่า
อ่าวปิเละ เกาะพีพีเล ปี พ.ศ.2558 (ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat”)
“วันนี้ค้นภาพทางอากาศที่เคยบินสำรวจก่อนสึนามิ จำได้ว่ามีมุมใกล้เคียงกับที่ผมบินเมื่อ 11 มีนา โชคดียังหาฟิล์มเจอ จึงทำภาพสไตล์ Before & After ของอ่าวปิเละ เกาะพีพีเล ให้เพื่อนธรณ์ดูกันชัดๆ อ่าวสวยที่สุดของไทยเคยเต็มไปด้วยปะการังน้ำตื้น ปัจจุบันกลายเป็นเพียงที่จอดเรือกินข้าว ปะการังที่เป็นปื้นสีดำ (coral) ไม่ใช่แค่ตาย แต่กลายเป็นทรายหายไปโดยสิ้นเชิง สปช.จะจัดประชุมปฏิรูปอุทยานทางทะเล ในวันอังคารที่ 24 มีนา เวลาบ่ายโมง ที่รัฐสภา เพื่อช่วยอันดามันให้ได้ ขอเรียนเชิญสื่อมวลชนและคนรักทะเลเข้าร่วมครับ (ส่งชื่อและที่ติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ มาที่ talaythorn@gmail.com ผมจะให้เขาทำหนังสือเชิญครับ)”

ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ มีการโพสต์ภาพเพิ่มเติมที่เกี่ยวเนื่องจากกรณีผู้คนล้นหาดอ่าวมาหยา ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพเรือนำเที่ยวที่จอดรอนักท่องเที่ยว โดยได้ระบุข้อความไว้ดังนี้

“ภาพผู้คนท่วมอ่าวมาหยา เกาะพีพี ทำให้หลายคนตกใจ อะไรมันจะมากมายปานนั้น มีบ้างที่สงสัย แล้วเรือไปจอดที่ไหนหนอ วันนี้เลยนำภาพที่ผมถ่ายไว้เมื่อกลางเดือนมีนา 58 มาให้ดูว่าเรือจอดอยู่ที่ไหน คนรักทะเลถึงเวลาต้องรวมตัว เพื่อบอกกับผู้บริหารของบ้านเมือง ทะเลไทยถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง” ซึ่งมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
ที่จอดเรือนำเที่ยว (ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat”)
ผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า "Anupong Torranin" เข้ามาแสดงคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว และได้มีผู้มากดเห็นด้วย(ถูกใจ)เป็นจำนวนมาก ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า “มาตรการแบบยาแรง 1.วางทุ่นกั้นเรือ ขวางแนวปากอ่าว เปิดช่องให้เข้าได้ทางนึง ออกทางนึง 2.เรือที่จะเข้า ต้องส่งรายชื่อ เจ้าหน้าที่นับหัว แจกใบข้อกำหนด 5 ภาษาหลัก ให้ นทท. เซ็น รายตัว 3.เรือแต่ละลำเข้าไปส่งแล้วต้องออกไปลอยลำรอข้างนอก 4.นทท. อยู่ได้กรุ๊ปละไม่เกิน 2 ชม. 5.รวม นทท. บนหาดทั้งหมดต้องไม่เกิน carrying capacity 6.ถ้าหากเรือลำถัดไปจะทำให้จำนวนคนเกิน ต้องรอข้างนอก”

เรียกได้ว่าปัญหาด้านการท่องเที่ยวของไทยควรถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง หากเป็นอย่างนี้ต่อไป แม้รายได้จากการท่องเที่ยวจะมากมายมหาศาลขนาดไหน ก็ไม่สามารถซื้อธรรมชาติที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์กลับคืนมาได้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น