xs
xsm
sm
md
lg

“ห้ามเรียงหิน”!!! มิติใหม่“เกาะหินงาม...เกาะมีคำสาปแห่งตะรุเตา/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com) เฟซบุ๊ก Travel-Unlimited-เที่ยวถึงไหนถึงกัน
เกาะหลีเป๊ะ เกาะชื่อดังอันงดงามแห่ง จ.สตูล
หลังเดินหน้าเข้าสู่เกาะท่องเที่ยวเต็มรูปแบบเมื่อไม่ถึงสิบปีที่ผ่านมา “เกาะหลีเป๊ะ” แห่งหมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล ก็กลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวมาแรง จนผู้ประกอบการท่องเที่ยวบางคนในสตูลเปรยกับผมว่า

“วันนี้คนมาสตูลมักจะถามถึงแต่หลีเป๊ะ ไปแต่เกาะหลีเป๊ะ ส่วนชื่อตะรุเตาเดี๋ยวนี้ถูกมองข้ามไป ทั้งๆที่แต่ก่อนตะรุเตาเป็นชื่อนำ ดึงดูดให้คนมาเที่ยวที่นี่(หมู่เกาะตะรุเตา) ที่สำคัญชื่อตะรุเตามันมีความสำคัญต่อทะเลไทยมาก เพราะเคยได้รับการยกย่องยูเนสโกให้เป็น “มรดกแห่งอาเซียน”(ปี พ.ศ. 2525) แต่วันนี้ชื่อตะรุเตาถูกชื่อความเด่นดังของหลีเป๊ะขโมยซีนไป จนหลายๆคนแทบจะลืมชื่อตะรุเตาไปแล้ว”
หาดทรายอันกว้างใหญ่ของอ่าวพันเตมะละกา แห่งเกาะตะรุเตา มรดกอาเซียน
1...

ด้วยความงดงามจากธรรมชาติ คำเล่าขานแบบปากต่อปาก และแรงโปรโมท ทำให้เกาะหลีเป๊ะในช่วง 5 ปีหลังมีชื่อเสียงโด่งดังขจรขจายไกล และมาแรงแบบก้าวกระโดดปรู๊ดปร๊าด

-ก้าวกระโดดจนเกาะหลีเป๊ะเต็มไปด้วยรีสอร์ทที่พัก ร้านอาหาร บาร์เบียร์ และสิ่งปลูกสร้างมากมาย จนล่าสุด ทางคสช.ได้เข้ามารื้อถอนรีสอร์ทที่ผิดกฎหมาย และจัดระเบียบชายหาดเพื่อไม่ให้เกาะหลีเป๊ะดูรกและไร้ระเบียบจนเกินไป
บาร์เบียร์ยามราตรีบนเกาะหลีเป๊ะ(ภาพก่อนการจัดระเบียบของคสช.)
-ก้าวกระโดดจนบนเกาะมีสภาพเปลี่ยนไปมากมาย ชนิดที่ไม่ต้องไปเทียบกับเมื่อ 10 ปี ก่อน หากแต่เทียบแค่ในช่วง 3 ปีหลังมานี้ก็พอ เพราะจากการที่ผมมีโอกาสได้ลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะติดต่อกันในช่วง 3 ปีหลัง หลีเป๊ะเปลี่ยนไปทุกปี มีที่พักๆใหม่สร้างเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ อาคารบ้านเรือนเริ่มเต็มแน่น ที่ทางก็ราคาสูงขึ้น ส่วนป่าที่มีอยู่น้อยแล้วก็ยิ่งน้อยลงไปอีก

-ก้าวกระโดดจนผู้ประกอบการคนเดิมบอกกับผมว่า เกาะหลีเป๊ะวันนี้ไม่ต่างอะไรจากเกาะพีพี(กระบี่) ภาพเกาะสงบ สวยงามในอดีต แปรเปลี่ยนไป เป็นเกาะอันพลุกพล่านแต่ว่ายังคงความสวยงามอยู่
เกาะหลีเป๊ะวันนี้ยังคงเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
นอกจากนี้ในฤดูกาลท่องเที่ยว(ไฮต์ซีซั่น)ที่มีคนมาเที่ยวเกาะหลีเป๊ะกันเยอะมากจนที่พักเต็มแน่นไม่เพียงพอ การท่องเที่ยวแบบ “วัน เดย์ ทริป”(1 Day Trip) จากฝั่งจึงเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวสตูล(บางส่วน)และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานตรัง(รับผิดชอบพื้นที่ตรัง สตูล) ได้ร่วมกันนำเสนอกิจกรรมเที่ยวเกาะหลีเป๊ะและหมู่เกาะตะรุเตาแบบ เดย์ ทริป เพื่อกระจายคน(ให้พักบนฝั่ง) ไม่ให้ไปอัดแน่นอยู่แต่บนเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งในเส้นทางนอกจากพาไปสัมผัสกับเกาะหลีเป๊ะแล้ว ก็จะพาไปสัมผัสกับความน่าสนใจของสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆระดับไฮไลท์ของหมู่เกาะตะรุเตาใน 4-5 จุดที่อยู่ในเส้นทางเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะซื้อแพคเกจแบบไหน? ราคาเท่าไหร่?
หาดชาวเล(หลังเกาะ)มุมที่มีความพลุกพล่านน้อยบนเกาะหลีเป๊ะ
สำหรับในทริปนี้ ผมไม่ได้ไปพักค้างบนเกาะหลีเป๊ะเหมือนที่ผ่านๆมา หากแต่เลือกทัวร์หลีเป๊ะและหมู่เกาะตะรุเตาแบบ วัน เดย์ ทริป ออกเรือไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ไปถ่ายรูปคู่ซุ้มประตูหินสัญลักษณ์แห่งตะรุเตาบนเกาะไข่ ขึ้นเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ กินข้าวเที่ยงที่เกาะราวี(เหมือนทัวร์อื่นๆ) และเล่นน้ำชมสาวๆที่นี่กันพอหอมปากหอมคอ
ซุ้มประตูหินเกาะไข่ สัญลักษณ์แห่งตะรุเตา
จากนั้นหลังอาหารกลางวัน เราออกไปดำน้ำตื้นตามจุดเด่นๆ เช่น เกาะยาง หลังหาดหินงาม และจุดไฮไลท์คือร่องน้ำจาบัง ชมความงามของปะการังเจ็ดสีที่สวยงามมาก แต่ว่าน้ำช่วงนี้ก็แรงมาก นักท่องเที่ยวต้องไม่ประมาท ต้องเชื่อฟังไกด์ เจ้าหน้าที่ สวมชูชีพ หากว่ายน้ำไม่แข็งอย่าได้ปล่อยมือจากเชือกที่มีการจัดทำไว้ให้ ขณะที่เกาะอาดังที่เป็นดังเกาะคู่แฝด(อาดัง-ราวี) เราแวะเที่ยวและล้างตัวในช่วงสุดท้ายก่อนกลับเข้าฝั่งที่ท่าเรือปากบารา
พักผ่อนหลังอาหารกลางวันที่เกาะราวี
นอกจากนี้ในทริปนี้ยังมีอีกจุดสำคัญประจำทริปที่ผมกับคณะได้ขึ้นไปแวะเที่ยวชมนั่นก็คือ ที่ “เกาะหินงาม” เกาะที่มีลักษณะอันโดดเด่นของธรรมชาติที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

2...

เกาะหินงาม แม้เป็นเกาะเล็กๆไม่มีหาดทราย แต่ทว่าเกาะแห่งนี้กลับดูอะเมซิ่งด้วยมี“หาดหิน” ที่เมื่ออยู่ในทะเลมองไกลจากเรือเข้าไปดูคล้ายหาดทรายสีดำ แต่เมื่อไปถึงจึงพบว่ามันไม่ใช่หาดทรายหากแต่เป็นหาดหินอันแสนประหลาดที่มีแห่งเดียวในพื้นที่หมู่เกาะตะรุเตา นอกจากนี้ที่เกาะหินงามยังมีซากปะการังที่ถูกคลื่นซัดจนกลมมนผสมอยู่บางส่วน มองเห็นเป็นหาดสีเทา-ดำมีสีขาวแซมพอประปราย
หาดหินธรรมชาติอันสวยงามที่เกาะหินงาม
หินที่หาดหินเกาะหินงามมีความสวยงามไม่น้อย เป็นหินที่เกิดจากธรรมชาติก้อนกลมมน เหมือนถูกใครมาบรรจงขัดเกลากลึง(ฝีมือธรรมชาติสรรค์สร้าง) ยามถูกน้ำ จะดำเงา แวววับวับ ขับสีผิวของหินให้ดำเข้มดูสวยงามมาก ซึ่งนั่นก็ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเมื่อมาเที่ยวยังเกาะหินงาม นิยมกวักน้ำทะเลมาสาดใส่หินเพื่อชื่นชมในความงามยามที่มันเป็นมันเงา ประกายวาววับ
เกาะหินงามมีหาดหินที่มีลักษณะเฉพาะ
สำหรับก้อนหินกลมมนที่หาดหินเกาะหินงาม มีข้อสันนิษฐานถึงการกำเนิดของมันอยู่ 2 ประการหลักๆ

ประการแรก สันนิษฐานว่า เป็นหินที่มีทับถมอยู่ใต้ท้องทะเลมาอย่างยาวนาน แล้วมันก็ได้ถูกน้ำทะเล คลื่น ซัดกัดกร่อนไปเรื่อยๆใช้เวลายาวนานเป็นล้านๆปี จนเกิดเป็นหาดหินงามอันสวยงามขึ้นดังทุกวันนี้
ยามถูกน้ำหินที่เกาะหินงามจะมีสีเข้มเป็นมันวาว
ประการที่สอง สันนิษฐานว่า เดิมที่นี่เป็นเกาะที่มีผาหินมาก่อน แล้วถูกกระแสน้ำเชี่ยว(โดยเฉพาะในหน้ามรสุม) อันเกิดจากการไหลบีบตัวเข้ามาทางช่องแคบระหว่างเกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ และหมู่เกาะดง ไหลกัดเซาะอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนผาหินค่อยๆพังลงมาแตกเป็นหินก้อนเล็กๆ ก่อนที่หินเหล่านี้จะถูกความแรงของน้ำกัดเซาะและพัดให้หินสัมผัสเสียดสีกัน จนเหลี่ยมหายคมหาย กลายเป็นหินกลมมนสวยงามอยู่ทั่วบริเวณชายหาด ซึ่งกว่าที่เกาะหินงามจะมีวันนี้ ธรรมชาติต้องใช้เวลาสรรค์สร้างอย่างยาวนานมากกินเวลานับพันนับหมื่นปี หรืออาจจะมากกว่านั้น!?!
ธรรมชาติต้องใช้เวลาอย่างยาวนาน(มาก)กว่าจะสร้างสรรค์ให้เกิดเกาะหินงามขึ้นมา
3...

“...ผู้ใดบังอาจเก็บหินจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะพบแต่ความหายนะ นานาประการ จะกลับไม่ถึงบ้าน จะประสบอุบัติเหตุ จะหลุดพ้นจากหน้าที่การงาน จะพบภัยพิบัติไม่มีที่สิ้นสุด...”

นี่เป็นคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาที่เขียนติดไว้บนมุมหนึ่งของเกาะหินงาม ข้างๆเจ้าศาลใต้ต้นไม้ใหญ่(รูปเคารพเจ้าพ่อตะรุเตาประดิษฐานอยู่บนเกาะตะรุเตา บริเวณหน้าที่ทำการอุทยานฯ) เดิมข้อความคำสาปนี้จะมีเฉพาะภาษาไทย แต่ปัจจุบันเขียนเตือนนักท่องเที่ยวถึง 3 ภาษาด้วยกัน คือ ไทย อังกฤษ และจีน
ป้ายคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาที่ตั้งแสดงไว้บนเกาะหินงาม
เรื่องนี้แม้จะเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ที่ผ่านมาเคยมีข่าวปรากฏว่า ผู้ที่แอบลักลอบหยิบฉวยหินงามบนเกาะหินงามติดตัวกลับไป ต่างอยู่ไม่เป็นสุข ประสบโชคร้ายต่างๆนานา จนนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนที่แอบนำหินกลับไปต้องนำหินมาคืนถึงถิ่น หรือไม่ก็ส่งหินเป็นพัสดุข้ามน้ำข้ามทะเลกลับคืนสู่เกาะหินงาม เพราะช่วงที่นำหินกลับไปอยู่ไม่เป็นสุขเอาเสียเลย

ด้านใครที่ไม่เชื่อก็ห้ามลบหลู่เพราะการแอบลักลอบนำหินเหล่านี้ติดกลับไปมันผิดกฎหมายอุทยานแห่งชาติ
แต่ก่อน(ก่อนปีนี้)ที่เกาะหินงามจะเต็มไปด้วยเจดีย์หินที่ถูกเรียงจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ส่วนที่ทางอุทยานฯต้องนำคำสาปมาเขียนให้รับรู้ก็เพื่อเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้แอบลักลอบนำก้อนหินสวยๆงามๆบนเกาะแห่งนี้ติดกลับไป เนื่องเพราะหินสวยๆงามๆทั้งหมดบนหาดของเกาะหินงามเหล่านี้ หากไม่มีข้อความคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตากำกับไว้ คงถูกนักท่องเที่ยวแอบเก็บหินติดมือกลับไป ป่านนี้ก้อนหินที่เกาะหินงามคงถูกขโมยไปมากโข หรือบางทีอาจถูกขโมยไปจนหมด กลายเป็น “เกาะหินหมด” อย่างที่หลายๆแห่งเคยประสบมา
เรียงหิน-ซ้อนหิน กิจกรรมไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเกาะหินงามในอดีต
นอกจากความเชื่อเรื่องคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาแล้ว บนเกาะหินงามครั้งหนึ่งเคยมีความเชื่อ(ที่เกิดขึ้นไม่นาน) ว่า ใครที่มาเยือนเกาะหินงาม หากสามารถนำหินที่นี่มาเรียงซ้อนต่อกันเป็นชั้นๆ เป็นเจดีย์หิน หรือคอนโดหิน ได้ 13 ก้อน 13 ชั้น หรือบ้างก็เชื่อว่ายิ่งเรียงได้สูงเท่าไหร่ยิ่งดี เมื่อสามารถทำ(ซ้อนชั้น)ได้แล้ว ก็ให้อธิษฐานแล้วสิ่งที่อธิษฐานก็จะสมหวังดังปรารถนา
เรียงหิน ความเชื่อ-กิจกรรม ที่ในอดีตเคยถูกโปรโมทจนโด่งดัง วันนี้ถึงวันที่ต้องเปลี่ยนแปลง
นี่แม้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลแต่ว่ามันก็ได้ขจรไกล กลายเป็นแฟชั่น กลายเป็นกิจกรรมที่คนมาเยือนเกาะหินงามไม่ควรพลาด หรือ“ต้องทำ”สำหรับบางคน

รวมไปถึงการนำกิจกรรมเรียงหินซ้อนหินที่เกาะหินงามมาโปรโมทการท่องเที่ยว เป็นกิจกรรมห้ามพลาด มีการนำรูปเจดีย์หิน การเรียงหินออกเผยแพร่กันอย่างกว้างขวาง

นั่นจึงทำให้ที่ผ่านมาในช่วงหลังเปิดฤดูการท่องเที่ยวหมู่เกาะตะรุเตามีเจดีย์หินเรียงซ้อนชั้นกันเต็มไปหมดบนหาดหินที่เกาะหินงาม ซึ่งท้ายที่สุดแล้วการซ้อนหินมันได้ส่งผลกระทบต่อก้อนหินจำนวนมากของหมู่เกาะแห่งนี้
หินงามยามถูกน้ำจะดูงามยิ่งขึ้น
เพราะ...เมื่อนำก้อนหินขึ้นเรียงซ้อนกันเป็นเจดีย์แล้ว ยามเมื่อมีลมแรงๆพัดกระโชก เจดีย์หินที่ส่วนใหญ่ถูกเรียงวางไว้แบบไม่เสถียรเมื่อถูกลมพัดเสียสมดุลเพียงเล็กน้อยก็จะโค่นพังลงมา ทำให้ก้อนหินบางก้อนแตกหักเปลี่ยนจากหินงามกลายเป็นหินแตก

เรื่องนี้อาจมีบางคนมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยจิ๊บจ๊อย ก้อนหินมีตั้งมากมาย แตกหักไปนิดหน่อยสี่ซ้าห้าก้อนไม่เห็นจะเป็นอะไรไป แต่อันที่จริงที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเรียงหินกันเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการแตกหักของหินอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเมื่อหินแตกหักเพิ่มสะสมมากขึ้นๆหลายต่อหลายปี หาดหินที่เต็มไปด้วยหินกลมมนสวยก็จะมากไปด้วยก้อนหินที่แตกหักด้อยมนต์เสน่ห์ลงอันเกิดจากการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของนักท่องเที่ยวที่สั่งสมกันมา
ก้อนหินที่แตกหักอันเนื่องมาจากการเรียงหิน
ดังนั้นในช่วงหลังๆจึงได้มีการรณรงค์ขอร้อง ให้ผู้ที่เรียงหินและอธิษฐานสำเร็จแล้วที่เกาะหินงาม ช่วยนำหินกลับคืนสู่พื้นหาดเหมือนเดิมด้วย โดยวิธีการปฏิบัติในการนำก้อนหินจากเจดีย์คืนสู่หาดนั้นก็ต้องทำกันแบบไม่รุนแรง ค่อยๆ หยิบหินลงมาคืน เพราะถ้าทำแบบหลุดแรง พังโครมมันลงมา หรือเตะทิ้ง โยนทิ้ง มันก็จะทำให้หินแตกได้เช่นกัน สุดท้ายจะกลายเป็นความหวังดีประสงค์ร้ายไป

อย่างไรก็ดีเท่าที่ผมเห็น(จากปีที่แล้ว)ก็คือมีนักท่องเที่ยวน้อยมากที่เมื่อเรียงหินเสร็จแล้ว จะนำหินลงกลับวางบนพื้นเหมือนเดิม มีแต่ส่วนใหญ่เรียงเสร็จแล้วก็ทิ้งเจดีย์หินไว้แล้วบิดตะกูดจากไป เราจึงหินเจดีย์หินตั้งอยู่เรียงรายยามเมื่อมาถึงเกาะหินงาม (ซึ่งเรื่องนี้ผมได้เขียนบอกกล่าวไปเมื่อปีที่แล้ว)
มิติใหม่เกาะหินงามวันนี้ กับป้ายติดเตือนห้ามซ้อนหิน
สำหรับการกลับมาเยือนเกาะหินงามอีกครั้งในปีนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อถึงยังเกาะหินงาม ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่บนเกาะหินงามไม่มีเจดีย์หินตั้งเรียงรายอย่างที่เคยผ่านๆมา หากแต่เป็นหาดหินสวยตามธรรมชาติของมัน ซึ่งเมื่อเดินขึ้นไปบนเกาะก็ถึงบางอ้อ! ว่า ปัจจุบันวันนี้บนเกาะหินงามเขาห้ามทำกิจกรรมเรียงหินแล้ว โดยมีป้ายตั้งเด่นหราไว้กลางหาดว่า “ห้ามซ้อนหิน” พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล(และอาจจะต้องเข้มงวดสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อฟัง) ทั้งนี้ก็เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้หิน(งามๆ) ต้องแตก หัก เสียหาย ตามเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น
เกาะหินงามวันนี้กับหาดหินที่ดูโล่งตาจากการเรียงหิน
นับเป็นมิติใหม่ของเกาะหินงามซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะได้ผลแค่ไหน เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่ห้ามเรียงหิน ซ้อนหิน

งานนี้เราๆท่านๆทุกๆคนต้องร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้ธรรมชาติดำรงคงอยู่

ยังไงๆก็อย่าให้ถึงขนาดที่ต้องเพิ่มคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาว่า อย่าเรียงหิน ซ้อนหิน บนเกาะหินงามเลย
ไม่ต้องเรียงหินก็สามารถเที่ยวเกาะหินงามให้สนุกได้
*****************************************

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดกิจกรรมท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะและจุดอื่นๆในหมู่เกาะตะรุเตา แบบ วัน เดย์ ทริป ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานตรัง (ดูแล จ.ตรัง และสตูล) โทร. 0 7521 5867, 0 7521 1085
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น