นอกจากจะไปเที่ยวยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ บนเกาะเซ็นโตซ่า แล้วมาชอปปิ้งที่ถนนออร์ชาร์ด ประเทศสิงคโปร์ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวเลือกทำได้ตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นการชมเมืองสิงคโปร์ในมุมสูงจาก Singapore Flyer เล่นกิจกรรมแอดเวนเจอร์ต่างๆ นั่งรถชมรอบๆ เมือง ฯลฯ
แต่ถ้าใครอยากจะมาเที่ยวแบบชิลล์ๆ ไม่ต้องรีบร้อนมาก ได้ใช้เวลาแบบสบายๆ ค่อยๆ สำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัว ที่สิงคโปร์ก็มีหลากหลายย่านให้เลือกได้ตามชอบเช่นกัน
ชิลล์ในย่านชอปปิ้ง ที่ Bugis
ย่านบูกิส (Bugis) ปัจจุบันถือเป็นอีกหนึ่งย่านชอปปิ้งที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดี เพราะมีทั้งร้านค้าริมถนน ขายของที่ระลึกแบบเหมาโหลคล้ายกับสำเพ็งบ้านเรา มีห้างสรรพสินค้าติดแอร์ที่ขายเสื้อผ้าและของใช้ทั่วไป ไปจนถึงร้านขายของแบรนด์เนมต่างๆ และนอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่ขายริมถนน ร้านอาหารเล็กๆ ไปจนถึงร้านหรูนั่งสบายในห้าง เรียกว่าย่านนี้เป็นแหล่งรวมของกินของใช้และของฝากเลยทีเดียว
หากว่าเดินชอปปิ้งจนเบื่อแล้ว แนะนำให้แวะชม Bugis Village ตรอกเล็กๆ ใกล้กับแยก Rochor Road ตัดกับ Victoria Street ความน่าสนใจอยู่ที่แม้จะเป็นตรอกเล็กๆ ที่ปกติแล้วก็คือด้านหลังของตึก เป็นตรอกที่ใช้ขนถ่ายสินค้า ที่จอดรถ ที่เก็บขยะ ที่ถูกปรับปรุง ทาสีบันไดวนจนสวยงาม ทำให้ Bugis Village กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ถ่ายรูปสวยๆ ไปเลย
จาก Bugis Village เดินตรงมาที่ Masjid Sultan ที่ด้านหน้ามัสยิดเป็นเขตพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า Kampong Glam บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยสีสันของชาวสิงคโปร์เชื้อสายมาเลย์ มีทั้งร้านค้าแบบดั้งเดิมที่ขายพรม สิ่งทอต่างๆ ผสมผสานกับร้านค้า ร้านอาหารสมัยใหม่ นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินชมสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ผสานกับสีสันสมัยใหม่
และใกล้ๆ กับ Kampong Glam ยังมีถนนสายดังอีกแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ นั่นก็คือ Haji Lane ถนนนี้เป็นถนนสายสั้นๆ ที่เหมาะกับคนที่ชอบ Street Art เพราะที่นี่เต็มไปด้วยตึกที่เพ้นต์สีจัดจ้าน ซึ่งหากใครอยากจะถ่ายรูปสวยๆ ก็แนะนำให้มาที่นี่ในช่วงสายๆ เพราะจะยังไม่มีโต๊ะเก้าอี้มาตั้งขวางทาง และนอกจากจะมีสีสันของตึกแล้ว ที่ Haji Lane ก็ยังมีร้านขายเสื้อผ้า ของใช้ ทั้งแบบมีแบรนด์และแบบแฮนด์เมด รวมถึงมีร้านกาแฟเก๋ๆ และร้านผับบาร์ที่เปิดยามค่ำคืนอีกด้วย
ชิลล์แบบมีสไตล์ที่ย่าน Tiong Bahru
ใจกลางเมืองสิงคโปร์ หากมองไปทางไหนอาจจะเห็นมีแต่ตึกสูงระฟ้า เป็นห้าร้านและธุรกิจต่างๆ แต่หากออกมานอกเมืองนิดหน่อย ก็จะเป็นย่านที่พักอาศัยที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ ที่มีชื่อว่า Tiong Bahru ในสมัยก่อน ว่ากันว่าย่านนี้เป็นแหล่งที่ซ่อนภรรยาน้อยของนักธุรกิจ
ในปัจจุบัน Tiong Bahru ก็ยังเป็นแหล่งที่พักอาศัยที่มีทั้งบ้านเรือนแบบดั้งเดิม ไปจนถึงอาคารพักอาศัยแบบสมัยใหม่ แต่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่นกันก็ตรงบริเวณ Yong Siak Street ที่ปรับปรุงอาคารเก่าๆ ให้กลายเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และร้านกาแฟแบบมีสไตล์
บนถนน Yong Siak Street ในตอนนี้ มีร้านนน่ารักๆ น่านั่งมาเปิดอยู่หลายร้าน ซึ่งตลอดทั้งวันจะเห็นนักท่องเที่ยวนิยมมานั่งกิน-ดื่มกันแบบสบายๆ บางคนก็มานั่งจิบกาแฟแล้วอ่านหนังสือเล่มโปรด แต่นอกจากร้านอาหารและคาเฟ่ต่างๆ แล้ว อีกหนึ่งร้านที่ไม่ควรพลาดก็คือ BooksActually ร้านหนังสือที่รวบรวมหนังสือดีๆ ไว้มากมาย หนังสือของที่นี่จะมีสไตล์ของตัวเอง แบบที่ว่าถึงอ่านภาษาอังกฤษไม่ออกก็ยังอยากหยิบขึ้นมาเปิดดู ที่สำคัญ ร้านหนังสือแห่งนี้ยังติดหนึ่งในสิบร้านหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจมากที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของ Messy Nessy Chic บล็อกชื่อดังอีกด้วย
ชิลล์ย่านเก่า ซึมซับวัฒนธรรม ที่ China Town
ย่าน China Town ของประเทศสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อราวปี ค.ศ.1821 ซึ่งมีเรือจากประเทศจีนเดินทางเข้ามาที่สิงคโปร์เป็นลำแรก ต่อมาในปี ค.ศ.1828 จึงได้มีการก่อตั้ง China Town ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยคนจีนที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่สิงคโปร์จะมารวมกลุ่มอาศัยกันอยู่ที่นี่
จนถึงในปัจจุบัน ย่านนี้เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยว เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอย เป็นสถานที่รวบรวมร้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารจีนอร่อยๆ มีร้านติ่มซำชื่อดังอยู่ที่นี่ และที่สำคัญ ยังเป็นแหล่งที่พักราคาค่อนข้างถูกสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก China Town จึงกลายเป็นย่านสำคัญที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ก่อนอื่นนั้น ความน่าสนใจของ China Town ที่นี่ จะแตกต่างจากย่านจีนในประเทศอื่นๆ ตรงที่สถาปัตยกรรมและสิ่งก่อสร้างในบริเวณนี้จะเป็นสไตล์โคโลเนียลทั้งหมด หากใครใช้บริการรถไฟฟ้า MRT แล้วมาขึ้นที่สถานี China Town เดินออกมาก็จะเห็นแผงขายของที่ระลึกตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง ถัดมาก็เป็น China Town Food Street แหล่งรวมอาหารอร่อยราคาประหยัดที่สามารถมาฝากท้องกันได้
ใกล้กันนั้นมีวัดอยู่สองแห่ง แห่งแรกก็คือ วัดศรีมาริอัมมัน (Sri Mariamman Temple) ซึ่งเป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ อีกแห่งก็คือ Buddha Tooth Relic Temple หรือวัดพระเขี้ยวแก้ว เป็นวัดแบบจีนที่คนนิยมมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กัน โดยตรงข้ามกับวัดพระเขี้ยวแก้วจะเป็น Maxwell Food Center ศูนย์อาหารที่รวบรวมอาหารอร่อยไว้หลายๆ อย่าง โดยเฉพาะข้าวมันไก่
บนถนนฝั่งเดียวกันนี้ หากเดินลัดเลาะเข้าซอยไปก็จะเป็น Club Street ย่านใหม่ของคนรุ่นใหม่ ที่รวบรวมร้านค้า ร้านเสื้อผ้าของเหล่าดีไซเนอร์รุ่นใหม่ มีร้านอาหารยุโรป เบเกอรี่โฮมเมด ส่วนในตอนกลางคืนจะเปิดเป็นคลับและบาร์ มาแวะจิบเครื่องดื่ม ฟังเพลงเพราะๆ กันได้
นอกจากตึกสไตล์โคโลเนียลในย่าน China Town แล้ว อีกตึกหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น ตึกแดง หรือ Red Dot Design Museum พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานการออกแบบสมัยใหม่ไว้มากมาย ตึกนี้โดดเด่นมากๆ ก็เพราะถูกทาด้วยสีแดงสดใสไปทั้งตึก เรียกว่ามองมาแต่ไกลก็ต้องเห็นได้ชัดเจน
ชิลล์ยามเย็นตามสไตล์คนสิงคโปร์รอบ Marina Bay
เนื่องจากสิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆ ทำให้ผู้คนในประเทศนี้มีพื้นที่อยู่อาศัยจำกัด ในบ้านแต่ละหลัง หรือห้องพักแต่ละห้องไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวางเพื่อให้ทำกิจกรรมได้มากนัก คนสิงคโปร์จึงนิยมที่จะออกมาทำกิจกรรมกันนอกบ้าน โดยเฉพาะการมานั่งปิกนิก พบปะพูดคุย สังสรรค์ตามประสาเพื่อน และมาออกกำลังกาย
นอกจากจะไปออกกำลังกายที่สวนสาธาระณะต่างๆ แล้ว คนสิงคโปร์ก็นิยมมากันที่ Marina Barrage ซึ่งเป็นเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่ ที่กั้นระหว่างอ่าวมารีน่าและน้ำทะเล จุดประสงค์ของการสร้างที่นี่นอกจากจะเป็นเขื่อนแล้วก็ยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้ภายในพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับน้ำ ที่สำคัญ ยังสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสวนสาธารณะลอยฟ้า เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนสิงคโปร์ด้วย
ยามเย็นที่แดดร่มลมตกแล้ว ชาวสิงคโปร์มักจะชักชวนกันมานั่งปิกนิกกันที่สวนสาธารณะด้านบนซึ่งเป็นพื้นที่โล่งกว้าง มองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกล บ้างก็มากับครอบครัว มาป้อนข้าวลูก ชวนเด็กๆ มาวิ่งเล่น หรือมาเล่นว่าว บ้างก็มาพร้อมกับเพื่อนฝูง มาทำกิจกรรมสนุกๆ ด้วยกัน แต่ที่เห็นจะมีมากหน่อยก็คือคนที่มาเดิน-วิ่งออกกำลังกาย
จาก Marina Barrage สามารถเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ เข้าไปชมภายใน Garden by the Bay ได้ ซึ่งในช่วงค่ำๆ ของทุกวัน จะมีการเปิดไฟ แสดงแสงสีบริเวณ Super Tree โดยสามารถนั่งชมได้ฟรี จากนั้นก็เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ ผ่าน Marina Bay Sands มาจนถึงที่บริเวณ Marina Bay ชมแสงสียามค่ำคืนริมอ่าวมารีน่า ที่สามารถมองเห็นได้ทั้งตึกสูง ตึกหนามทุเรียน หรือ โรงละคร Esplanade, สะพาน Helix และ Singapore Flyer และบริเวณอ่าวมารีน่าก็มีการแสดงแสงสีเสียงยามค่ำคืนด้วยเช่นกัน
ชิลล์ยามค่ำคืน กิน-ดื่ม ริมแม่น้ำสิงคโปร์
ส่วนในช่วงค่ำคืน ย่านที่คึกคักมากที่สุดก็คือบริเวณริมแม่น้ำสิงคโปร์ เริ่มตั้งแต่ Clarke Quay, Boat Quay และ Robertson Quay
Boat Quay และ Clarke Quay เป็นย่านเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำสิงคโปร์ สมัยก่อนเป็นท่าเทียบเรือที่ใช้ขนถ่ายสินค้าจากเรือสำเภา ทั้งสองฝั่งแม่น้ำจึงเต็มไปด้วยโกดังสินค้า กะลาสีเรือ กุลีขนของ และพ่อค้าหลากหลายเชื้อชาติ แต่ปัจจุบันนี้ โกดังเก่าได้แปรสภาพมาเป็นร้านอาหารหรูหรา ร้านค้า ผับ บาร์ ที่เปิดตัวอย่างคึกคักในยามค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นชาวสิงคโปร์หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติก็มักจะมาดื่มกินกันที่นี่ เพราะได้นั่งชมบรรยากาศชิลล์ๆ ริมแม่น้ำสิงคโปร์ด้วย
เดินไปอีกนิดก็จะเป็น Robertson Quay ที่ยามค่ำคืนจะเป็นร้านนั่งดื่มนั่งกิน มีทั้งแบบหรูหราและสบายๆ แถมยังคึกคักไม่แพ้ Boat Quay และ Clarke Quay แต่ในช่วงเช้า-กลางวัน กลายเป็นย่านพักผ่อนและที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ผู้คนจะมานั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ ในคาเฟ่ บ้างก็มาเดินเล่นออกกำลังกายริมแม่น้ำสิงคโปร์ และยังกลายเป็นสนามเด็กเล่นของเด็กๆ ทุกเชื้อชาติ
นอกจาก 5 ย่านนี้แล้ว ที่สิงคโปร์ก็ยังมีอีกหลายแห่งที่เหมาะสำหรับการนั่งชิลล์ในวันพักผ่อนสบายๆ ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวอีกสไตล์ที่ทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองนี้อย่างแท้จริง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com