ระบบ PS4
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
ภาคต่อของซีรีส์เกมแอ็คชั่นเกรียนฮีโร่พลังสูง ที่ถูกอัพเกรดให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกระดับบนเครื่องรุ่นใหม่ของโซนี่ผ่านมุมมองตัวละครเอกหน้าละอ่อนที่มาพร้อมพลังใหม่อันไร้ขีดจำกัด
"อินเฟมัส เซคันซัน" เกมภาคต่อลำดับสามของซีรีส์ ที่ได้สร้างความน่าสงสัยให้เกิดภายในใจหลายคนว่าทำไมทางทีมงานถึงไม่ใช้เลขสามต่อท้ายชื่อเหมือนเกมอื่นๆ ในขณะที่คนบางกลุ่มซึ่งไม่เคยจับซีรีส์นี้มาก่อนเห็นเพียงแค่ชื่อก็นึกว่าเป็นภาคสอง แต่ข้อกังขาทั้งหมดนี้จะหมดไปหากคุณได้ลองสัมผัสกับมันด้วยตัวเอง ซึ่งขอรับประกันว่าภาคนี้จะทำให้แฟนๆกลับไปรู้สึกเหมือนตอนที่ได้จับซีรีส์เป็นครั้งแรก และตื่นเต้นราวกับเด็กที่กำลังแกะกล่องของขวัญเลยทีเดียว
ก่อนอื่นคงต้องเกริ่นเรื่องราวภาคนี้สักหน่อย Second Son จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตปี 2016 ทิ้งช่วงห่างจากตอนจบภาคที่แล้วถึง 7 ปี เมื่อเหล่าผู้มีพลังพิเศษที่เรียกตนว่า "Conduits" ถูกหน่วยงาน Department of Unified Protection หรือเรียกสั้นๆว่า D.U.P. ออกตามล่าและจับมาขังได้เกือบหมด หลงเหลือไว้เพียงหนึ่งนายชื่อของเขาคือ "เดลซิน โรว์" ศิลปินหนุ่มข้างถนนแห่งเผ่าหลังเขาตัวละครเอกของเกมผู้ไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ แต่สุดท้ายโชคชะตากลับตามหาเขาจนเจอ
เมื่อวันหนึ่งฟ้าลิขิตนำทางให้เขามาพบกับหนึ่งในนักโทษผู้มีพลังพิเศษที่แอบหลบหนีมา จึงทำให้หนุ่มน้อยหมวกแดงคนนี้ได้ค้นพบถึงพลังลึกลับที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัว ซึ่งความสามารถพิเศษของเขาคือการดูดพลังจากผู้มีพลังคนอื่นมาใช้เป็นพลังของตน ซึ่งจะว่าไปก็มีลักษณะคล้ายกับตัวละครโร้คในการ์ตูนเรื่องเอ็กซ์เมน แต่เป็นขั้นแอดวานซ์กว่าเพราะพลังที่ดูดได้มานั้นจะคงอยู่ติดตัวถาวรไม่หดหายไปตามกาลเวลา และจากคำกล่าวยอดฮิตที่พลังต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบจึงทำให้เดลซินต้องเข้าไปมีส่วนพัวพันในสงครามระหว่างพวกผู้มีพลังกับฝ่าย D.U.P. อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับพลังที่ตัวเอกจะได้ทดลองใช้ในภาคนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ ซึ่งพลังแรกที่ตัวเอกได้รับจนกลายมาเป็นพลังพื้นฐานของเขานั่นคือพลังควัน ที่ทำให้เขาสามารถลอดทะลุผ่านประตู เข้ารูระบายอากาศทะยานสู่ดาดฟ้าตึก หรือบีบอัดกลุ่มควันเป็นกระสุนระเบิดโจมตีใส่ศัตรู ส่วนอีกสามพลังที่เหลือ (หนึ่งในนั้นหลายคนคงได้เห็นกันไปแล้วจากเทรลเลอร์ตัวอย่าง) ต้องขออุบเอาไว้ก่อนเพื่อเก็บเป็นเซอร์ไพรส์ให้ได้ลองค้นหากันเอาเอง เพราะสิ่งนี้มันคือเสน่ห์หลักของเกมที่ให้ผู้เล่นได้ลุ้นเดาตลอดว่าข้างหน้าจะเจอหรือได้รับความสามารถอะไรใหม่ๆมาอีก โดยพลังแต่ละชนิดจะมีทั้งข้อดีข้อเสียและสไตล์การเล่นที่ต่างกันไป ซึ่งตัวเกมได้เปิดอิสระให้ผู้เล่นสามารถสลับเปลี่ยนพลังไปมาได้ตลอดเวลาเพียงแค่ไปดูดเอาจากแหล่งต้นกำเนิดพลังงานชนิดนั้น ส่งผลให้เกิดความหลากหลายและเพิ่มทางเลือกในการเข้าทำภารกิจ ช่วยให้ไม่รู้สึกเบื่อแม้ต้องเจอแต่ศัตรูหน้าเดิมๆ
ในเกมอินเฟมัสภาคล่าสุดนี้ยังคงมีระบบอัพเกรดพลังความสามารถใส่เข้ามาเหมือนเช่นเคย เพียงแต่คราวนี้แท่งผลึกที่ใช้ในการอัพเกรดหรือที่เรียกว่า Blast Shards นั้นหาง่ายกว่าเดิมมาก เพราะมันจะปรากฏโชว์หราอยู่บนแผนที่ให้ได้เห็นกันทนโท่ไม่ต้องหนื่อยนั่งตามหาให้ลำบากเหมือนภาคก่อน โดยสกิลจะถูกแบ่งสายออกเป็นด้านดีกับด้านเลวตามระดับ Karma ของตัวละคร แถมจำนวนแท่งผลึกที่มีให้เก็บตามฉากยังจำกัดพอแค่ใช้อัพสกิลเฉพาะฝั่งเดียวเท่านั้น เหมือนเป็นการบอกผู้เล่นกลายๆว่าให้เลือกเล่นด้านดีหรือเลวไปเลยในรอบแรก แล้วค่อยกลับมาเล่นใหม่รอบสองในด้านตรงข้าม
แพทเทิร์นของการดำเนินเกม จะเป็นไปในลักษณะของการไล่ทำเควสต์บนฉากโอเพ่นเวิลด์ โดยผู้เล่นสามารถที่จะเลือกทำเพียงเควสต์หลักเล่นตามเนื้อเรื่องอย่างเดียวก็ได้ แต่อาจจะลำบากเล็กน้อยหากต้องเจอกับศัตรูระดับบอสด้วยความสามารถของตัวละครขั้นเริ่มแรก ดังนั้นตัวเกมจึงส่งเควสต์รองมาเพื่อพัฒนาตัวละคร ซึ่งก็มีให้ทำมากมายหลากหลายรูปแบบทั้งจับสายลับ หากล้องที่ถูกซ่อน รวบแก๊งค์ค้ายา ไปจนถึงทำลายศูนย์สั่งการเคลื่อนที่ของพวก D.U.P. แต่ที่สนุกและโดนใจสุดๆคงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากงานอดิเรกของเดลซิน ที่เปลี่ยนจอยดูอัลช็อคโฟร์ของเราให้กลายเป็นกระป๋องสเปรย์พ่นสีสรรสร้างผลงานศิลปะชั้นเลิศฝากไว้ตามฝาผนัง
ส่วนภาพบรรยากาศมหานครซีแอตเติลที่ตัวเกมใช้เป็นฉากหลัง ก็ถูกจำลองออกมาได้สวยงามไม่แพ้ของจริงทั้งตึกสูงระฟ้า แสงไฟยามราตรี รวมถึงสเปซนีดเดิลสัญลักษณ์ประจำเมืองก็ถูกใส่มาให้เราปีนป่าย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเล่นเอฟเฟกต์แสงสี เงาสะท้อนผิวน้ำได้อย่างสมจริง ไม่เว้นกระทั่งเม็ดฝุ่นผงขนาดเล็กที่ดูเหมือนทีมงานจงใจเลือกพลังควันนี้มาเพื่อโชว์ศักยภาพเครื่อง PS4 โดยเฉพาะ แต่ทว่ามันก็มีเรื่องต้องติอยู่นิดนึงตรงที่จำนวนประชากรแลดูบางตาจนแทบเป็นเมืองร้างแม้อยู่ในย่านดาวน์ทาวน์ แถมตัวเกมยังแสดงอาการกระตุกให้ได้เห็นเวลาที่เกิดเหตุการณ์หลายๆอย่างในฉากพร้อมกัน
การกลับมาของอินเฟมัสในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการรีบูทแฟรนไชส์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งหลังจากที่ตัวเอกเกรียนคนก่อนเริ่มหมดมุกมานำเสนอผู้เล่นเนื่องด้วยข้อจำกัดของเขาที่ถนัดแค่พลังไฟฟ้า ซึ่งการเปลี่ยนหันมาใช้ตัวเอกคนใหม่ที่สามารถดูดกลืนพลังได้ทุกอย่างนี้ ถือเป็นการแก้ปัญหาอันชาญฉลาดของทางทีมงาน เพราะช่วยให้คนสร้างภาคต่อๆไปสามารถคิดไอเดียหาพลังแปลกๆมาใส่โดยที่ไม่ต้องคิดหนักให้ปวดหัว แถมยังช่วยเพิ่มความสดใหม่ให้เกิดกับซีรีส์ต่อให้ทำออกมาหลายภาค (หากคนเล่นไม่เบื่อหน้าตัวเอกคนนี้ไปเสียก่อน)
เกมการเล่น | 9 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 10 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 10 |
ภาพรวม | 9.5 |
ข้อดี : ภาพสวยอลังการ, ดีไซน์ตัวละครโดนใจวัยโจ๋, อัดแน่นด้วยลูกเล่นจอย PS4, พลังสุดเท่ห์ที่มีให้ใช้หลากหลาย และเต็มเปี่ยมไปด้วยเซอร์ไพรส์
ข้อเสีย : เนื้อเรื่องสั้นจบไวไปหน่อย
ปู่ชิน
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Next Generation InnovationNGIN